×

แสตมป์ พูดคุยเรื่องเพลงในอัลบั้มใหม่แบบ Track by Track

05.11.2017
  • LOADING...

HIGHLIGHTS

Time  index

01.07 LIVE เพลง Don’t You Go จากอัลบั้ม Stampsth

04.26 LIVE เพลง The Devil จากอัลบั้ม Stampsth

07.33 ก่อนแสตมป์จะมาเป็นศิลปิน

20.03 ชีวิตศิลปินแบบแสตมป์ อภิวัชร์

27.26 จุดเริ่มต้นของอัลบั้มเพลงภาษาอังกฤษ Stampsth

34.20 Stampsth, Track by Track – Don’t You Go

37.33 Stampsth, Track by Track – The Modern Man

39.37 Stampsth, Track by Track – The Devil

45.15 Stampsth, Track by Track – Bkk Nyc

46.52 Stampsth, Track by Track – Lucky Man

49.06 Stampsth, Track by Track – Everything Is You

51.20 Stampsth, Track by Track – The Beast

52.43 การได้ไปทัวร์ที่ญี่ปุ่น

1.00.44 Eargasm Combo

     แสตมป์ อภิวัชร์ นักร้อง นักแต่งเพลงหนุ่มที่เป็นเจ้าของเพลงฮิตติดหูมากมาย ล่าสุดเขากำลังไปหาความท้าทายใหม่ที่อาจเป็นความฝันของศิลปินหลายคน นั่นคือการออกอัลบั้มภาษาอังกฤษ Stampsth และทัวร์คอนเสิร์ตต่างประเทศไกลถึงญี่ปุ่น

     รายการ Multiple Eargasms และแพท บุญสินสุข ชวน แสตมป์ มาพูดคุยเรื่องการทำเพลงสากลเป็นครั้งแรกในชีวิต การได้ไปเล่นดนตรีที่ญี่ปุ่น รวมถึงศิลปินคนโปรด และรีวิวเพลงตัวเองแบบ Track by Track

 


 

ศิลปินที่ทำให้ แสตมป์ อยากเป็นศิลปิน

     ช่วงแรกที่อยากเล่นดนตรี ปรากฏว่ากีตาร์ก็ไม่มี ต้องเอาไม้กวาดมาเล่นเป็น air guitar ตอนที่ แสตมป์ เติบโตขึ้นมาเป็นยุคเฟื่องฟูมากๆ ของกีตาร์แบนด์ ช่วงต้นๆ ยุค 90s ที่เคิร์ต โคเบน เพิ่งจะเสียชีวิต มือกีตาร์จะดูหล่อกว่านักร้อง อย่างดู Oasis ก็จะมองว่าโนล (Noel Gallagher) เท่มาก ดู Blur ก็เห็นเกรแฮม (Graham Coxon) หรือดู Suede ก็จะมีบัตเลอร์ (Bernard Butler) ก็เลยรู้สึกว่ามือกีตาร์เป็นพระเอก

     พอเข้า ม.3-ม.4 ประเทศไทยยุคนั้นก็เป็นยุคอัลเทอร์เนทีฟ มีศิลปินอย่างออดี้, โมเดิร์นด็อก, ป้าง นครินทร์ เพื่อนร่วมชั้นเรียนเริ่มตั้งวงดนตรีเล่นกัน แสตมป์ไปห้องซ้อมกับเขาก็อยากมีส่วนร่วม ก็ขอที่บ้านให้ซื้อกีตาร์ให้ตอน ม.4

 

เส้นทางสู่การเป็นนักดนตรีอาชีพ

     แสตมป์ ไม่ได้เคยคิดแผนว่าถ้าเรียนจบแล้วจะทำอาชีพอะไร เล่นดนตรีมาเรื่อยๆ การเรียนก็ไม่ค่อยดีเท่าไหร่ แต่ช่วงที่เขาเติบโตมาเป็นช่วงที่วงการดนตรีค่อนข้างเอื้อให้คนที่ไม่ได้เก่งมาก ไม่ต้องหล่อ ไม่ต้องอยู่ค่ายใหญ่ก็มีโอกาสทำเพลง พอจบช่วงยุคอัลเทอร์ฯ ก็มีฟองสบู่อยู่สั้นๆ แล้วก็กลับมาเป็นยุคแฟตเรดิโอ เป็นยุคที่ทุกคนทำ Bedroom Studio กัน แล้วเอาเพลงไปเปิด ไปขายงานแฟต แสตมป์ เป็นเด็กวัยรุ่นยุคนั้นพอดีเป๊ะเลย ฉะนั้นสิ่งที่ทำให้ยังเดินในเส้นทางนักดนตรีต่อก็คือสิ่งเหล่านี้ คืองานแฟตที่เปิดเวทีให้นักดนตรีไปเล่นได้โดยที่ไม่จำเป็นต้องดัง

     คือถ้าอยู่ในยุคไมโคร แสตมป์ อาจจะเลิกเล่นไปแล้ว เพราะเล่นแบบนั้นไม่ได้ แต่การอยู่ในยุค Oasis ยุคกรันจ์ ทำให้เรารู้สึกว่าเราเล่นดนตรีได้นี่

 

เรียนรู้การทำงานเพลง

     เกิดจากความสงสัยว่าทำไมเพลงที่ฟังในซีดีกับเพลงที่ฟังเพื่อนเล่นกีตาร์ถึงมีซาวด์ที่ต่างกัน จนกระทั่งได้ไปทำเพลงกับโน้ต วงปลื้ม ซึ่งรวมตัวกันทำงานเพลงในนาม ฉินกรุ๊ป ก็ได้ทำอัลบั้มไปขายงานแฟตด้วยกัน ก็เล่นเห็นว่ามีการมิกซ์ มีการมาสเตอริ่ง มีการใส่เอฟเฟกต์ต่างๆ มีการอะเรนจ์ทำให้เพลงกลายเป็นเพลงที่ได้ยินในแผ่นซีดี เลยทำให้สนใจการทำเพลง

 

ช่วงทำวง 7thSCENE

     เป็นช่วงท้ายของการเรียนมหาวิทยาลัยของ แสตมป์ หลังจากระหกระเหินมาหลายวง เคยเป็นมือเบสให้วง Klear เคยอยู่วงกล้วยไทย เคยไปเซ็นสัญญามาหลายที่ แต่ก็แห้วหมดเลย 7thSCENE นี่ก็เป็นช่วงปลายแล้ว ตอนนั้น แสตมป์ คิดว่าถ้ายังไม่สามารถออกอัลบั้มได้ก็คงต้องไปใช้ชีวิตจริง ทำงานกันไป ซึ่งวงนี้คือวงที่ตั้งกับเพื่อนๆ รุ่นพี่ที่ทำเพลงประกอบละครถาปัดด้วยกันแบบมิวสิคัล ก็มีโอกาสได้รู้จักพี่ๆ หลายคน พี่ชัช พี่อาร์ต ก็เป็นพี่ที่สนิทด้วย พอพี่ชัชมาชวนก็เลยทำวงด้วยกัน

     หลังจากนั้นก็ได้ร่วมงานกับพี่บอย โกสิยพงษ์ หลายๆ งาน เช่น ในอัลบั้ม Rhythm & Boyd Eleventh ร้องเพลง สมมติ กับ เธอที่ไม่เคยเปลี่ยน ที่ทุกวันนี้แทบลืมไปแล้วว่าร้องยังไง

     ก็มีช่วงหนึ่งที่เกิดสุญญากาศทางวงการดนตรีขึ้น เพราะอินเทอร์เน็ตไฮสปีดกำลังมา ทุกคนงงว่าจะหาเงินจากตรงนี้ยังไง ทำให้ไม่ได้ออกอัลบั้มอยู่ประมาณ 3 ปี เพราะยังหาโมเดลไม่เจอ เป็นช่วงว่าง แต่ก็ยังอยากทำงานในวงการดนตรี เลยไปเรียนแต่งเพลงกับพี่บอย ช่วงนั้นก็เรียนจบมหาวิทยาลัยแล้ว ก็มีเพื่อนที่เรียนบางกะปิมาด้วยกันไปเรียนจบดนตรี มศว มา ก็เข้าไปทำงานในแกรมมี่บ้าง ก็เลยเสนอไปช่วยเขียนเพลง ก็มีงานบ้างเล็กน้อย เลยรู้สึกว่าตัวเองเป็นนักแต่งเพลงได้

     พอเรียนกับพี่บอยก็ทำให้มีเพลงที่แต่งไว้จำนวนหนึ่ง ซึ่งหวงมาก ตอนแรกกะว่าจะแต่งให้คนอื่นมาร้อง แต่ก็ไม่ยอมให้ นั่นคือเพลง ความคิด กับ คนที่คุณก็รู้ว่าใคร ช่วงนั้นคิดว่าจะทำอัลบั้มเพลงในฐานะนักแต่งเพลง นักเขียนเพลง แล้วให้คนอื่นมาร้องแบบอัลบั้มของพี่บอย พร้อมกับทำวง 7thSCENE ควบคู่ไปด้วย

     ช่วงนั้นก็เรียกเพื่อนนักร้องมาลองร้องแล้วด้วย ให้คิวมาร้อง ความคิด เอาโต๋มาร้องคนที่ คุณก็รู้ว่าใคร แต่ปรากฏเราก็ยังหวงเพลงอยู่ ก็เลยลองร้องเองไปเลย แล้วบังเอิญว่าเพลง ความคิด ได้ไปประกอบในหนัง ณ ขณะรัก (A Moment in June) ก็เลยเป็นเพลงที่คนรู้จักขึ้นมา

 

จุดไหนที่รู้ว่าตัวเองดัง

     มารู้ว่าดังเอาช่วงเป็นโค้ชในรายการ The Voice Thailand ซึ่งช่วงนั้นน่ะดัง ไปไหนคนรู้จัก แต่ช่วงนี้ไม่ดังขนาดนั้นแล้ว ซาแล้ว ก่อนหน้าจะทำ The Voice Thailand เป็นช่วงที่เพลงไปถึง แต่คนยังไม่ไปถึง เคยไปงานแล้วยามไม่ให้เข้า ทำให้รู้ว่าตัวเองยังไม่เป็นที่รู้จักขนาดนั้น

     หลายคนถามว่าทำไม แสตมป์ ชอบแปลงเพลงบนเวที เขาก็จะตอบว่าเพราะตัวเองมีเพลงดังเพลงเดียว ทำให้ต้องเล่นมันซ้ำๆ แบบแปลงอันหนึ่ง ไม่แปลงอันหนึ่ง เป็นการเอาตัวรอดว่าเพลงฮิตเพลงเดียวจะทำยังไงให้โชว์มันครบชั่วโมง

 

เพลงเปลี่ยนชีวิตของ แสตมป์

     เพลงแรกที่ซื้อเทปคือ (Everything I Do) I Do It For You ก่อนนี้ก็ฟังเพลงนูโว เพลงพี่เบิร์ดแหละ แต่รอบแรกที่ซื้ออัลบั้มเองคือนี่ล่ะ ไบรอัน อดัมส์ เพราะทุกเพลง อีกเพลงที่เปลี่ยนชีวิตคือ Welcome to the Jungle ทำให้แน่ใจเลยว่าตัวเองชอบกีตาร์

 

คอนเสิร์ตที่ฟินครั้งแรก

     เป็น Bakery The Concert ที่อิมแพ็คฯ ตอนนั้นครบรอบ 7 ปี แฟตเรดิโอจัด ยังไม่มีส่วนร่วมใดๆ กับทางค่ายเลย ยังเรียนอยู่ ม.6 นั่งเกาะดูบัตร 500 สนุกมาก แล้วก็เป็นแรงบันดาลใจ ชอบพี่ๆ ทุกคนบนเวทีวันนั้น

 

พูดถึงอัลบั้มล่าสุด Stampsth

     เป็นอัลบั้มภาษาอังกฤษทั้งหมด และทำในค่ายเพลงของ แสตมป์ เองกับภรรยา คือ 123 records (นึงส่องซั่ม เรคอร์ด)

     อัลบั้มนี้เริ่มจากความอยากทำเพลงสากล อยากไปเล่นดนตรีนอกประเทศ ซึ่งถ้าเล่นเพลงไทยก็อาจจะไม่เข้าใจกันทุกประเทศ เป็นความฝันที่มีมานานแล้ว จนมีโอกาสได้รู้จักกับเพื่อนนักดนตรีเกาหลี ญี่ปุ่น หลายๆ คน แล้วก็เริ่มฟีเจอริงกัน เริ่มเอางานมาแบ่งกัน ตอนแรกก็ทำไปแล้วเป็นเพลงตัวเองที่แปลงภาษาเป็นอังกฤษ แล้วปรากฏรู้สึกว่าเป็นเพลงไท้ไทย เหมือนเป็นเพลงไทยที่แปลงภาษา ไม่เหมือนเพลงสากล

     จุดเปลี่ยนคือการได้รู้จักกับคริสโตเฟอร์ ชู นักร้องนำวง POP ETC. เป็นคนอเมริกัน-ฮ่องกง ซึ่งเป็นนักร้องและโปรดิวเซอร์ที่ทำเพลงให้ศิลปินญี่ปุ่นเยอะ เรื่องมันเริ่มจากไปดูวง POP ETC. ที่เทศกาล Summer Sonic ปีที่แล้ว แล้วไปเจอเขาเล่นพอดี ตอนนั้นก็รู้จักวง POP ETC. รู้จัก The Morning Benders จากเพลงในหนัง Twilight แต่ไม่รู้ว่าคริสโตเฟอร์ ชู อยู่สองวงนี้ พอได้ดูวงนี้ที่เวที Sonic ปรากฏว่าชอบมาก เพราะมาก ถูกจริตมาก เป็นกีตาร์แบนด์ที่ป๊อป เป็นทุกอย่างที่แสตมป์ชอบมารวมกัน คือกีตาร์แบนด์เท่ๆ เมโลดี้ติดหูนิดๆ และเสียงร้องที่ออกจะเป็นบอยแบนด์ ก็เลยถ่ายรูปลง IG แล้วใส่ #POPETC ก็ไม่ได้คิดอะไร เพราะวงอื่นที่ไปดูก็ถ่ายรูปลงแล้วก็ติดแฮชแท็กเหมือนกัน

     แต่ปรากฏว่า POP ETC. ตอบมา แล้วเขาเห็นว่า แสตมป์ เล่นดนตรี ก็เลยทักมาในเมสเสจส่วนตัวจนได้รู้จักกัน คุยไปคุยมาปรากฏว่าคริสโตเฟอร์ชอบวง Polycat มาก ก็เลยตั้งกรุ๊ปไลน์คุยกันเลย 3 คน ก็คุยว่าน่าจะทำเพลงร่วมกัน ก็ยกเอาโปรเจกต์อัลบั้มเพลงสากลมาคุย เลยเป็นเพลงแรกที่ทำด้วยกัน นั่นคือ Don’t You Go

     ซึ่งฟังแล้วรู้สึกใช่มาก เป็นเพลงสากลเลย ไม่ใช่เพลงไทยแปลงเนื้อแล้ว มีกลิ่นของเพลงสากล ปกอัลบั้มก็เอาศิลปินญี่ปุ่นมาวาด ชื่อคุณโนโซมิ มิยาซากิ (Nozomi Miyasaki)

 

Track by Track – Don’t You Go

     เป็นเพลงแรกที่ทำกัน 3 คน นะ Polycat จะเป็นส่วนเติมเต็ม แสตมป์ ในด้านกรู๊ฟ เพราะด้วยความที่ แสตมป์ เป็นเด็ก 90s ก็จะเล่นกีตาร์ร็อกๆ ตรงๆ แต่นะจะเป็นอาร์แอนด์บี เป็นดิสโก้ โซลหน่อย เลยคิดว่าจะทำเพลงอัลเตอร์ที่มีกรู๊ฟ เลยคิดริฟกีตาร์อินโทรเพลงขึ้นมา แล้วก็ฮัมเมโลดี้อัดส่งไปให้คุณชูที่อเมริกา เขาอัดส่งกลับมาแบบเมโลดี้คมมาก พร้อมใส่เนื้อร้องมาด้วยว่า Don’t… You… Go… ก็ชอบมาก เลยเอามาเลย

     ส่วนเนื้อเพลง แสตมป์ แต่งกับฝ้าย มือเบสวง Over Me ที่เป็นนักแปลอยู่แล้ว ไปนั่งแต่งด้วยกันเลย ซึ่งเนื้อหาที่ แสตมป์ มักพูดคือความรู้สึกอยากกลับไปแก้ไขอดีต

 

Track by Track – The Modern Man

     เป็นเพลงที่ไปทำที่นิวยอร์กกับชู บรีฟคืออยากได้เมโลดี้ไทยๆ เอเชียนๆ เพนทาโทนิกหน่อย ก็เลยได้มาเป็นเสียงพิณเหมือนกู่เจิง สุดท้ายก็ได้บทเรียนอย่างหนึ่งว่าถ้าเราอยากทำเพลงเมโลดี้ไทย ไม่ว่ายังไงมันจะออกมาเป็นเพลงจีน ไม่รู้ทำไม ยังจับความต่างระหว่างเมโลดี้ไทยกับจีนไม่ได้ ต้องพยายามต่อไป

 

Track by Track – The Devil

     เริ่มแต่งเองเลย มันเริ่มจากเกิดความคิดว่า เออ ถ้าย้อนไปยุคเมทัล มือกีตาร์จะชอบดรอป D แล้ววันนั้นที่ไปทำเพลง The Beast กัน แล้วช่วงท้ายเพลงอยากได้ฟีลเหมือนดรอป D ปรากฏว่าแชมป์ Crescendo มือกีตาร์ที่ไปอัดให้ก็แนะนำว่าสามารถทำแบบนั้นได้โดยไม่ต้องดรอปสายจริงๆ ก็จะมีความโหดอยู่ ก็เลยเอาวิธีนี้ไปทำกับคอร์ด Major7 ปรากฏว่าเท่มากเลย ก็เลยได้มาเป็นคอร์ดอินโทรของเพลงนี้

     ตอนนั้นเป็นช่วงที่ติสท์มาก นึกถึงตอนเด็กๆ ที่ชอบวงบริทป๊อปหน่อย คล้ายๆ วง Mansun มันจะมีความเป็นเอเชียนสูงมาก ทีนี้พอทำเพลงนี้เสร็จก็มีหลายคนบอกว่าเพลงนี้ฟังดูเหมือนเพลงญี่ปุ่นเลย

     เนื้อเพลงนี้เกี่ยวกับความอันตราย เกิดความสงสัยว่าทำไมมันหมูถึงไม่มีประโยชน์เท่าผัก ทำไมถั่วงอกไม่อร่อยเหมือนช็อกโกแลต มันน่าโมโหมาก เลยอยากแต่งเพลงเรื่องพวกนี้มาก The Devil ก็เป็นเรื่องประมาณนี้ คืออะไรที่มันเย้ายวน เรารู้แหละว่ามันอันตราย มันมีโทษ แต่เราก็ยังอยากกินมัน เราอยากกินมันหมู ถึงจะต้องเป็นคอเลสเตอรอลเราก็ยอม เพลงนี้เลยพูดว่าถ้าปีศาจหน้าเหมือนเธอ ฉันก็จะไปลงนรกกับเธอ

 

Track by Track – Bkk Nyc (feat. Christopher Chu)

     เป็นเพลงที่ร้องคู่กับชูเลย เพราะสนิทกันมาก ตอนแรกก็ส่งเพลงที่คิดว่ามันป๊อป มันเพราะไป แต่ชูก็ท้วงกลับมาว่ามันไม่ใช่เพลง duet สำหรับร้องสองคน มันเหมือนเพลงคนเดียวแล้วพยายามเอามาร้องคู่ ก็เลยไปทำเพลงกับเขาที่นิวยอร์ก ขึ้นเพลงกันที่บ้านเลย

     ก็ได้เป็นเพลงนี้ที่ร้องเพลงสองคน แต่ร้องเป็นคนเดียวกันไปเลย ชูร้องสูง แสตมป์ ร้องต่ำ ชูร้องต่ำ แสตมป์ ก็ร้องสูง เพลงนี้ยังไม่เคยร้องเลย เพราะไม่เคยเอาชูมาเล่นด้วยกัน

 

Track by Track – Lucky Man (feat. DEPAPEPE)

     ฟีเจอริ่ง DEPAPEPE มือกีตาร์สองคนจากญี่ปุ่น ซึ่งเก่งมากๆ แสตมป์ มีโอกาสได้แจมกับวงนี้อยู่ 2-3 ครั้ง ก็เลยพบว่าจะมีเพลงที่เขาเล่นกีตาร์แบบร็อกๆ อยู่หลายเพลง ต่างจากเพลงใสๆ หวานๆ ที่เราคุ้นเคยมากกว่าอย่างเพลง START!

     เพลงนี้ก็ได้นะ Polycat มาช่วยคิดไลน์กีตาร์ให้เป็นริฟแบบเมทัล แต่ใช้กีตาร์อะคูสติก โน้ตมันก็จะมีความบลูส์ เมทัล คือพอ DEPAPEPE ผสมกับ แสตมป์ คนน่าจะเดาว่าเพลงจะออกมาหวานแน่ๆ แสตมป์ เลยคิดจะกวนตีนกลับไปให้ฟังอะคูสติกเมทัลแทนซะเลย

 

Track by Track – Everything is You (feat. Mayu Wakisaka)

     มายุเป็นนักแต่งเพลงชาวญี่ปุ่น มันเริ่มจากเมื่อ 2-3 ปีก่อนที่แสตมป์ลองไปแต่งเพลงที่ญี่ปุ่นดู ซึ่งระบบการแต่งเพลงที่นั่นจะเป็นระบบ publisher สมมติว่าถ้าศิลปินคนหนึ่งจะออกอัลบั้ม ก็จะมีค่ายเพลงหลายๆ ค่ายที่รับบรีฟจากสังกัดของศิลปินแล้วให้นักแต่งเพลงในสังกัดไปแต่งเพลงเอามาพิตช์กัน ประมูลกัน คุณมายุเป็นโปรมากในสายงานนี้ เป็นตัวท็อป

     เพลงนี้ แสตมป์ ก็ได้ไปเจอกับนักแต่งเพลงชาวญี่ปุ่นชื่อคุณอูรุ แต่งเพลงให้เคน ฮิราอิ มายุเป็นนักแต่งเพลงที่เขากำลังปั้นอยู่ พอรู้จักกันวันแรกก็ได้เพลงนี้มา เธอร้องเพราะมาก

 

Track by Track – The Beast (feat. P.O.P.)

     เพลงสุดท้ายของอัลบั้ม ฟีเจอริงวง P.O.P. ที่ไม่ใช่พี่นภ พี่ก้อ พี่โต้ง แต่เป็นวงฮิปฮอปซึ่งสนิทกับ แสตมป์ มานานแล้ว ซึ่งในงาน Cat Expo ปีนี้ แสตมป์ก็ชวนวงนี้มาเล่นร่วมกันในเพลง The Beast ด้วย

     เพลงนี้เป็นเพลงเก่าที่อยู่ในอัลบั้ม Sci Fi ตอนเพลงภาษาไทยยังไม่มีแรป ก็เลยเอามาทำให้หนักแน่นมากขึ้นอีก เป็นเพลงที่หลุดรอดมาได้แล้วก็ชอบมาก

 

การไปเล่นคอนเสิร์ตที่ญี่ปุ่น

     โชคดีเพราะที่ที่ไปเล่นเป็นไลฟ์เฮาส์ ไม่ใช่ผับ ลานเบียร์ หรืออีเวนต์ ทำให้คนที่มาค่อนข้างมาเพื่อเสพดนตรีเป็นหลัก แล้วมาเพื่อเสพเพลงใหม่ๆ ด้วย เลยไม่ค่อยรู้สึกแปลกแยกมาก เพราะทุกวงที่มาเล่นก็เล่นเพลงใหม่หมด

     มันดีที่นักดนตรีที่นั่นพยายามจะพรีเซนต์เพลงใหม่ๆ มากกว่าการเอ็นเตอร์เทน ตอนแรกก็ตกใจที่ไม่มีใครพูดเลย

 

การทำอัลบั้มภาษาอังกฤษที่วางขายแค่ที่ญี่ปุ่น

     จริงๆ อัลบั้มนี้ก็พยายามเดินสายโปรโมต แต่สื่อไม่ค่อยรับไป เพราะคลื่นเพลงไทยก็ยากหน่อย แต่ก็มีสื่อที่ไม่ค่อยได้ไปเหมือนกัน เช่นที่ THE STANDARD อย่างนี้ ความรู้สึกเหมือนกลับไปเป็นศิลปินอินดี้ใหม่เลย ทำเพลง Bedroom Studio แล้วไปขายงานแฟต

     ส่วนเรื่องการร้องเพลงภาษาอังกฤษก็มีปัญหาในช่วงแรกๆ เลยให้มาเรียม (วง B5) มาช่วยติวเรื่องการออกเสียง ให้มาคุมอัดเลย แต่ก็ได้แค่ระดับหนึ่ง เลยไปเข้าคอร์สเรียนออกเสียงใหม่ เหมือนเด็กอนุบาลเลย เรียนพูด C-A-T แคต ใหม่เลย

     เคล็ดลับอีกอย่างคือได้ปกป้องจากวง Gym and Swim มาเป็นซาวด์เอ็นจิเนียร์ มาช่วยโกงให้ น้องให้อัดเสียงลงท้ายตัว t, k, h อะไรพวกนี้แยกไว้อีกแทร็กหนึ่ง แล้วร้องปกติไปเลยอีกแทร็กหนึ่ง แล้วเอามาประกอบกัน ออกมาเหมือนฝรั่งเลย

 

Eargasm Combo

     เพลงที่ 1 – เป็นเพลงที่ แสตมป์ ชอบมากตอนเด็กๆ น่าจะติดอันดับหนึ่งในสามเพลงที่ชอบที่สุดในชีวิต แต่ไม่เคยเล่นที่ไหนเลย เพราะว่าเป็นเพลงฝรั่ง และเขียนมาดีมาก

     เพลงที่ 2 – เป็นเพลงไทย ถ้าเปรียบเปรยก็เหมือนว่าวงโมเดิร์นด็อกทำให้ แสตมป์ อยากเล่นดนตรี แต่เพลงวงนี้ทำให้อยากออกอัลบั้ม

     เพลงที่ 3 – เป็นวงที่ทุกคนน่าจะชอบกันแน่นอน เป็นวงที่ดีที่สุดในยุคใหม่นี้แล้วล่ะ เหมือนเป็นมูราคามิของวงการเพลง ถ้าใครอยากจะฮิปสเตอร์ก็พูดชื่อวงนี้ก็ได้ ทุกคนรู้จักวงนี้ แต่จะลึกแค่ไหนก็แล้วแต่

 

Eargasm Combo Song list

  1. The Drugs Don’t Work – The Verve
  2. มีฉันมีเธอ – Death of A Salesman
  3. Fake Plastic Trees – Radiohead

 


 

Credits
The Host
แพท บุญสินสุข

The Guest อภิวัชร์ เอื้อถาวรสุข

 

Show Creator แพท บุญสินสุข

Show Producer นทธัญ แสงไชย

Episode Editor นทธัญ แสงไชย

Sound Designer & Engineer ศุภณัฐ เดชะอำไพ

Coordinator & Admin อภิสิทธิ์​ หรรษาภิรมย์โชค

Art Director กริณ ลีราภิรมย์

Graphic Designer เทียนจรัส วงศ์พิเศษกุล

Music Westonemusic.com

FYI

ฟังเพลงในอัลบั้ม Stampsth แบบ Streaming ได้ทาง Apple Music และ Spotify

ไปฟังเพลงของวง POP ETC. ของคริสโตเฟอร์ ชู ได้ทางนี้

ติดตามคลิป live record ของเพลงจากอัลบั้ม Stampsth ได้ใน Playlist

ติดตามเพลงใหม่ๆ จาก แสตมป์ และค่าย 123 Records ได้ทางแชนเนล Youtube

 

  • LOADING...

READ MORE

MOST POPULAR



Close Advertising
X
Close Advertising