วันนี้ (10 กรกฎาคม) เศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี เป็นประธานเปิดกิจกรรม ‘งานรวมพลังชุมชน อีสานเหนือสู้ภัยยาเสพติด’ ที่หอประชุมอเนกประสงค์ มหาวิทยาลัยราชภัฏอุดรธานี พร้อมรับฟังบรรยายสรุปปฏิบัติการไล่ล่า (เด็ดปีก) นักค้าอีสานเหนือ 252 จากตำรวจภูธรภาค 4 การแก้ไขปัญหายาเสพติดของภาคส่วนต่างๆ พร้อมร่วมพูดคุยกับผู้เลิกยาเสพติด และกำชับให้เพิ่มเงินจากกองทุนป้องกัน ปราบปราม และแก้ไขปัญหายาเสพติด กรณีเจ้าหน้าที่และพลเรือนได้รับบาดเจ็บ ให้เพิ่มเงินเยียวยาจำนวน 10,000 บาท เป็น 50,000 บาท เพื่อเป็นขวัญและกำลังใจให้กับเจ้าหน้าที่ในการปฏิบัติหน้าที่ที่เข้มข้นขึ้น
ทั้งนี้ นายกฯ กล่าวอีกว่า ขอให้ตั้งเป้าการนำผู้เสพเข้าสู่การบำบัดให้สูงขึ้น เพื่อกวาดล้างให้ได้มากที่สุด โดยตนจะหารือกับ สมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ในเรื่องดังกล่าว โดยจังหวัดหนองคายถือเป็นจังหวัดที่นำผู้เสพที่มีอาการทางจิตเข้าสู่กระบวนการบำบัดน้อยที่สุด ก็ขอให้เป็นจังหวัดนำร่อง และขอให้ตั้งเป้าให้เยอะ เพราะฝ่ายความมั่นคงกวาดล้างได้จำนวนมาก
ต่อมานายกฯ ร่วมกันแสดงพลังสู้ภัยยาเสพติดโดยสวมถุงมือแสดงสัญลักษณ์ที่มีข้อความว่า ‘No Place for Drug’ พร้อมกล่าวเปิดกิจกรรมตอนหนึ่งว่า ตนมีความยินดีที่ได้มาร่วมกิจกรรมงานรวมพลังชุมชน อีสานเหนือสู้ภัยยาเสพติด ซึ่งยาเสพติดเป็นเรื่องที่ไม่ว่าจะลงพื้นที่มากี่ครั้ง กี่หมู่บ้าน ก็ล้วนแต่ได้ยินมาว่าเป็นปัญหา เป็นเรื่องที่หนักหนาจริงๆ ลูกหลานของพวกเราจำนวนมากต้องตกเป็นทาสยาเสพติด ตนเห็นหลายครอบครัวที่ใช้ชีวิตอยู่ด้วยความกลัว อยู่ด้วยกันในชุมชนก็รู้สึกไม่ปลอดภัย ซึ่งสังคมไทยไม่ควรเป็นแบบนี้
นายกฯ กล่าวต่อว่า ตนยอมไม่ได้ที่สังคมไทย ลูกหลานของเรา อยู่ในสังคมที่มียาเสพติดแพร่ระบาดอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน ทั้งนี้ การป้องกันปราบปรามยาเสพติดเป็นวาระแห่งชาติที่รัฐบาลเร่งดำเนินการให้เกิดผลเป็นรูปธรรม บูรณาการความร่วมมือทุกภาคส่วน ทั้งในระดับพื้นที่และภาคประชาชน เพื่อแก้ปัญหาในชุมชน และมุ่งปราบปรามการค้ายาเสพติด นำไปสู่การสร้างพลังชุมชนที่เข้มแข็งและยั่งยืนในการแก้ไขปัญหายาเสพติด โดยเราปฏิบัติการเด็ดปีกนักค้าอีสานเหนือครอบคลุม 12 จังหวัด ทำให้เห็นพลังของมวลชนต่อการประกาศจุดยืนในการต่อสู้กับปัญหายาเสพติดในชุมชนของตนเอง
นายกฯ กล่าวอีกว่า นอกจากการแก้ไขปัญหายาเสพติดจะสำเร็จได้ ทุกคน ทุกภาคส่วน ตำรวจ จังหวัด ทหาร สาธารณสุข ป.ป.ส. และหน่วยงานอื่นๆ จะต้องทำงานร่วมกัน ต้องได้รับการสนับสนุนจากชุมชนให้ลุกขึ้นมาต่อสู้กับปัญหายาเสพติดร่วมกัน และเป็นหู เป็นตา ช่วยกันดูแล สอดส่อง แจ้งเบาะแส เฝ้าระวัง และป้องกันลูกหลานไม่ให้เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติด
อย่างไรก็ตาม วันนี้พวกเราทุกคนได้แสดงเจตนารมณ์ร่วมกัน ขอให้พวกเราบอกกล่าวในชุมชนให้ขยายผลการปฏิบัติออกไปในวงกว้าง เพื่อฝึกพลังชุมชนทุกพื้นที่ให้รวมพลังอย่างเข้มแข็ง ซึ่งตนขอบคุณในความตั้งใจและพลังของทุกคน ทุกภาคส่วน ที่ร่วมกันต่อสู้ เพื่อเอาปัญหายาเสพติดให้หมดออกไปจากสังคม เราจะร่วมกันรักษา ฟื้นฟู ดูแล และปกป้องลูกหลานของเราให้ห่างไกลยาเสพติด
“ขอให้ทุกคนน้อมนำพระราชดำรัสของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ที่ทรงห่วงใยปัญหายาเสพติด ไปปฏิบัติให้เกิดเป็นรูปธรรมตามพระราชประสงค์อย่างยั่งยืนต่อไป” นายกฯ กล่าว
จากนั้นนายกฯ นำกล่าวถวายสัตย์ปฏิญาณเพื่อนำพลังชุมชนอีสานเหนือสู้ภัยยาเสพติด ก่อนร่วมกันยืนแสดงความเคารพเพลงสรรเสริญพระบารมีและเพลงสดุดีจอมราชา และร่วมกันโบกธงเพื่อแสดงความจงรักภักดีเนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ 28 กรกฎาคม 2567 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
ต่อมานายกฯ เดินทางพบปะเด็กนักเรียนโรงเรียนอุดรพิชัยรักษ์พิทยา ตำบลเชียงพิณ อำเภอเมือง จังหวัดอุดรธานี ร่วมเล่นบาสเกตบอลกับนักเรียน พร้อมกล่าวทักทายนักเรียนเป็นภาษาอังกฤษว่า ยินดีที่ตนได้มาที่โรงเรียนนี้เป็นอย่างยิ่ง ตนลงพื้นที่จังหวัดอุดรธานีวันนี้มาเรื่องยาเสพติด ตั้งแต่ตอนหาเสียง จนกระทั่งเป็นนายกฯ มาจังหวัดอุดรธานีหลายครั้ง และปัญหาใหญ่ของสังคมไทยคือเรื่องของรายได้ และที่ใหญ่ไม่แพ้กันคือเรื่องยาเสพติด
นายกฯ กล่าวอีกว่า ตนเชื่อว่านักเรียนทุกคนในที่นี้อาจมีคนรู้จักที่ติดยาเสพติด เราพยายามแก้ไขปัญหานี้ แต่รากฐานของปัญหาจริงๆ แล้วต้องปลูกฝังตั้งแต่ยังเยาว์วัย พร้อมกันนี้นายกฯ ถามนักเรียนว่า เราต้องอยู่ห่างไกลยาเสพติดใช่หรือไม่ ทำให้นักเรียนตอบว่าใช่
นายกฯ กล่าวต่อว่า อยากให้ขยันหมั่นเพียรในการเรียน ให้ดูแลผู้สูงอายุภายในบ้าน สิ่งสำคัญที่สุดอีกสิ่งหนึ่งที่พ่อแม่ไม่อยากให้เด็กๆ ไปแตะต้องคือยาเสพติด เรามีโรงเรียนดีๆ มีครูที่ประสิทธิ์ประสาทวิชาให้น้องๆ ทุกคน ในวันนี้ตั้งใจเรียนกันมาหลายปี ยาเสพติดสามารถทำลายอนาคตของพวกเราทุกคนได้ เพราะฉะนั้นอยากขอครูอาจารย์ที่นี่ให้มีการปลูกฝังอย่างต่อเนื่องเรื่องปัญหายาเสพติดที่จะต้องอยู่ห่างไกลยาเสพติด เพราะเราทุกคนคืออนาคตของชาติ เพราะฉะนั้นถ้าเกิดมียาเสพติดเข้ามาในชีวิต อนาคตมืดมัว อยากฝากไว้ว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่ และดีใจที่ได้มา และอยากจะมาอีก อยากเล่นบาสเกตบอลต่อ แต่หัวไหล่เจ็บเลยไม่ได้เล่น คราวหน้าถ้ามาอีกจะมาทำกิจกรรมร่วมกับทุกคน
จากนั้นประธานนักเรียนกล่าวคำปฏิญาณว่าจะไม่ยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติด ทั้งนี้ นายกฯ ได้ร่วมถ่ายรูปกับเด็กนักเรียนอย่างเป็นกันเอง ก่อนเดินทางกลับกรุงเทพฯ