วันนี้ (3 เมษายน) แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีที่สหรัฐอเมริกา ขึ้น ภาษีนำเข้า สินค้าจากไทย 36% ว่า ที่จริงแล้ว เราต้องปรับโครงสร้างภาษีนำเข้ากับสหรัฐ และตั้งคณะทำงานเจรจาต่อรอง เนื่องจากภาษีนำเข้าที่เราเก็บแพงทำให้ไทยโดนเป็นอันดับต้นๆ 36% ซึ่งสูงพอสมควร เราถึงได้มีการเตรียมทั้งแผนระยะสั้นระยะยาว โดยระยะสั้นต้องดูสามารถเจรจาต่อรองเพื่อช่วยผู้ประกอบการที่ส่งออกเยียวยาอะไรได้บ้าง ขณะนี้กระทรวงการคลังและกระทรวงพาณิชย์ กำลังหาข้อสรุปเพราะตัวเลขภาษี 36% เพิ่งออกมา ยังไม่ได้ Activate มีแค่บางหัวข้อ
นายกรัฐมนตรีกล่าวอีกว่า มาตรการต่างๆ ได้เตรียมความพร้อมไว้แล้ว พร้อมเปิดเผยว่า ตัวเลขเฉลี่ยเก็บภาษีสหรัฐอยู่ที่ 9% และจำกัดสินค้าแต่ละประเภท เช่น ข้าวโพดอาจมีการนำตัวเลขนั้นมาเป็นค่าเฉลี่ยทำให้เป็น 72% แล้วลดให้ครึ่งนึงก็คือ 36% ซึ่งเป็นวิธีการคำนวณที่ไม่เคยมี ไม่เคยคิดแบบนี้ แต่ก็เข้าใจ จึงต้องมาดูว่าสามารถปรับสมดุลอะไรได้บ้าง
และเมื่อเช้านี้ได้พูดคุยกับ จุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง หลังมีตัวเลขออกมา จะมีการตั้งทีมเจรจาซึ่งขณะนี้อยู่ในการดูแลของปลัดกระทรวงพาณิชย์ และปลัดกระทรวงการคลัง ต้องดูด้วยว่าจะไปพูดคุยกับใคร ในระดับไหน เนื่องจากมีหลายขั้น ไม่ต้องเป็นห่วงในเรื่องนี้
ส่วนการประเมินถึงผลกระทบที่เกิดขึ้นกับไทยนั้น นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า เรามีมาตรการที่จะดูแลผู้ประกอบการ แต่เรื่องของความเสียหายคิดว่า ยังสามารถเจรจาได้อยู่หากปรับโครงสร้างภาษีให้สมเหตุสมผล ยิ่งสมัยนี้เป็นแบบ More for Less - Less for More เป็นเรื่องการต่อรองกันที่จะต้องลงรายละเอียด
นายกรัฐมนตรีกล่าวด้วยว่า เราต้องไม่ปล่อยให้ไปจุดที่จะทำให้ GDP พลาดเป้า และจะชี้แจงรายละเอียดต่อประชาชนเร็วที่สุด เนื่องจากเพิ่งได้ตัวเลขมาเมื่อคืนนี้ ส่วนแผนหรือโครงที่เรารับวางไว้ค่อนข้างที่จะแน่นพอสมควร โดยมีหัวหน้าคณะ คือ พันศักดิ์ วิญญรัตน์ ประธานคณะที่ปรึกษานโยบายของนายกรัฐมนตรี ที่ทำเรื่องการค้าขายกับสหรัฐอเมริกา ซึ่งดูทุกสินค้าที่เรานำเข้าและส่งออก ดังนั้นเร็วๆ นี้น่าจะมีมาตรการออกมา