×

เพื่อไทยชี้ กกต. ตั้งโจทย์ผิด ไปยึดวิธีคำนวณ ส.ส. จาก กรธ. เป็นหลัก ถ้ายึดตามกฎหมายจะไม่มีปัญหา ไม่แน่ใจ ศาลรัฐธรรมนูญรับพิจารณาหรือไม่

โดย THE STANDARD TEAM
12.04.2019
  • LOADING...
เพื่อไทย

วันนี้ (12 เม.ย.) ชูศักดิ์ ศิรินิล ประธานคณะทำงานฝ่ายกฎหมายพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณีที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) มีมติเมื่อวันที่ 11 เมษายน ให้เสนอเรื่องวิธีการคำนวณ ส.ส. แบบบัญชีรายชื่อ ไปยังศาลรัฐธรรมนูญ เพื่อวินิจฉัย โดยเห็นว่ามีข้อที่ต้องพิจารณา 2 ประเด็น ดังนี้

 

ประเด็นแรก เหตุผลที่ กกต. อ้าง เป็นเหตุผลที่ถูกต้องหรือไม่ อย่างไร

 

เมื่อพิจารณาข้ออ้างของ กกต. ที่ว่ามีพรรคหลายพรรคที่มีจำนวน ส.ส. พึงมีได้ตำ่กว่า 1 คน แต่เมื่อคำนวณตามมาตรา 128(5) แล้ว ทำให้พรรคเหล่านั้นได้ ส.ส. 1 คน จึงอาจทำให้ขัดต่อรัฐธรรมนูญมาตรา 91(2) และ (4) ที่ห้ามจัดสรรที่มีผลให้พรรคการเมืองได้ ส.ส. มากกว่าจำนวนที่พึงมีนั้น

 

ประเด็นนี้เห็นว่า หากอ่านรัฐธรรมนูญมาตรา 91 และ พ.ร.ป. ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. มาตรา 128 อย่างเป็นขั้นตอน จะไม่มีข้อความส่วนใดขัดหรือแย้งกันเลย

 

แต่ที่ กกต. เห็นว่ามีปัญหานั้น เป็นเพราะ กกต. ไม่ได้ยึดรัฐธรรมนูญและกฎหมายเลือกตั้งเป็นหลัก แต่ไปเอาตามวิธีการที่สำนักงาน กกต. เสนอ ซึ่งอ้างว่าเป็นไปตามความเห็นของ กรธ. เมื่อ กกต. ตั้งโจทก์แบบนี้ การคำนวณจึงผิดตั้งแต่ต้น แล้วก็ไปโทษว่า กฎหมายขัดต่อรัฐธรรมนูญ

 

ตรงนี้อธิบายได้ง่ายๆ ว่า เมื่อกฎหมายให้ยึดจำนวนคะแนนต่อ ส.ส. 1 คนเป็นหลัก แล้วนำไปหารคะแนนรวมของแต่ละพรรค เพื่อหาจำนวน ส.ส. พึงมีของพรรคนั้น ตามมาตรา 128(2) แล้วเอาจำนวน ส.ส. พึงมีนั้นไปลบ ส.ส. เขตของพรรคนั้น ผลลัพธ์คือ จำนวน ส.ส. บัญชีรายชื่อที่พรรคนั้นจะได้รับเบื้องต้นตามมาตรา 128(3) เมื่อถึงตรงนี้ ต้องเข้าใจว่า

 

หากพรรคใดมีคะแนนตำ่กว่าคะแนนต่อ ส.ส. 1 คน (ต่ำกว่า 71,065 คะแนน) พรรคนั้นก็ไม่มีจำนวน ส.ส. พึงมีมาตั้งแต่ต้น จึงถูกตัดตอนตั้งแต่ ม.128(2) แล้ว หลังจากนั้นการคำนวณต่อไปจะคิดเฉพาะพรรคที่มีจำนวน ส.ส. พึงมีเท่านั้น

 

โดย ม.128(4) ให้จัดสรร ส.ส. บัญชีรายชื่อตามผลลัพธ์ตาม ม.128(3) หมายถึงจัดสรรให้พรรคที่มีสิทธิจะได้รับจัดสรร ส.ส. บัญชีรายชื่อเบื้องต้น แต่เมื่อพรรคที่มีคะแนนต่ำกว่า 71,065 คะแนน ซึ่งไม่มี ส.ส. พึงมี และไม่มี ส.ส. บัญชีรายชื่อที่จะได้รับเบื้องต้น ก็ย่อมไม่มีสิทธิได้รับจัดสรร ส.ส. บัญชีรายชื่อตาม ม.128(4)

 

ทั้งนี้ ในการจัดสรรนั้น ถ้าพรรคใดมี ส.ส. เขตเท่ากับหรือมากกว่า ส.ส. ที่พึงมี ก็จะไม่ได้รับจัดสรร ส.ส. บัญชีรายชื่ออีก คือ ส.ส. บัญชีรายชื่อเป็นศูนย์ แล้วเอา ส.ส. บัญชีรายชื่อทั้งหมดไปจัดสรรให้กับพรรคที่มี ส.ส. เขตตำ่กว่า ส.ส. ที่พรรคนั้นพึงมี

 

เมื่อพรรคเหล่านั้นไม่มีทั้ง ส.ส. เขต และ ส.ส. พึงมี ก็ไม่มีสิทธิได้รับจัดสรร โดยไม่ต้องไปพิจารณาว่าจะทำให้พรรคนั้นมี ส.ส. เกินจำนวนที่พึงมีหรือไม่ เพราะเขาไม่มี ส.ส. พึงมีมาแต่แรก

 

ส่วนการจัดสรรตาม ม.128(7) กรณีจัดสรรแล้วมี ส.ส. บัญชีรายชื่อเกิน 150 คน กฎหมายให้คำนวณปรับ ส.ส. บัญชีรายชื่อใหม่ ตามวิธีการที่กำหนด และในกรณีนี้ กฎหมายก็เขียนชัดว่า เมื่อคำนวณตาม (5) แล้วมี ส.ส. เกิน ให้ทำอย่างไร

 

เช่นกัน พรรคที่คะแนนต่ำกว่า 71,065 คะแนน ไม่อยู่ในข่ายได้รับจัดสรรตาม (5) และไม่มีจำนวน ส.ส. บัญชีรายชื่อที่จะได้รับ จึงไม่อาจนำมาคำนวณตาม (7) ได้เช่นกัน

 

ดังนั้น หากตีความกฎหมายตรงไปตรงมา จึงไม่เห็นว่าจะมีปัญหาตรงไหน และเมื่อคำนวณจำนวน ส.ส. บัญชีรายชื่อให้กับพรรคที่มี ส.ส. พึงมี และจำนวน ส.ส. บัญชีรายชื่อที่จะได้รับตาม 128(7) แล้ว ผลคำนวณก็ได้ ส.ส. บัญชีรายชื่อครบ 150 คน ไม่ได้มีปัญหาเหมือนที่ กกต. อ้างเลย    

 

ประเด็นที่ 2 เรื่องที่ กกต. จะเสนอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยนั้น เห็นว่า ปัญหาที่ กกต. อ้างดูเหมือนกับการจะขอคำอธิบายข้อกฎหมายกับศาลรัฐธรรมนูญ ทั้งที่ กกต. มีอำนาจในส่วนนี้อยู่แล้ว แต่ กกต. ยังไม่ได้ใช้อำนาจของตนเอง หากใช้อำนาจตามที่มีอยู่ และพิจารณาไปตามกฎหมาย ก็ไม่ได้มีปัญหาอะไรให้ต้องกังวล

 

โดยส่วนตัวจึงเห็นว่า อาจยังไม่เข้าเงื่อนไขที่จะยื่นให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยได้ เพราะที่ผ่านมาเข้าใจว่าศาลเคยวางหลักว่า ไม่มีหน้าที่มาอธิบายรัฐธรรมนูญ

 

อย่างไรก็ตาม เท่าที่ดูจากคำแถลง ดูเหมือน กกต. จะตั้งประเด็นกฎหมายขัดรัฐธรรมนูญด้วย แต่ก็ไม่เห็นประเด็นว่ามาตราไหนขัดรัฐธรรมนูญ ก็ต้องดูคำร้องอย่างละเอียดกันอีกที

 

นอกจากนี้ เห็นว่าเรื่องนี้ไม่ควรที่ กกต. จะปล่อยให้ยืดเยื้อมาจนถึงวันนี้ กกต. เป็นผู้ใช้กฎหมาย เป็นผู้รักษาการตามกฎหมาย จึงมีหน้าที่โดยตรงในการวินิจฉัยตีความกฎหมาย และการยื่นให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยก็ไม่ควรชี้นำ โดยอ้างสูตรคำนวณที่มีการเสนอต่อ กกต. แต่ควรอ้างวิธีการคำนวณตามที่กฎหมายบัญญัติไว้เป็นสำคัญ

 

เพื่อไทย

 

พิสูจน์อักษร: ภาวิกา ขันติศรีสกุล

  • LOADING...

READ MORE






Latest Stories

Close Advertising