×

เพื่อไทยพร้อมเข้าสู่สนามเลือกตั้ง ‘เศรษฐา-อุ๊งอิ๊ง’ เปิดนโยบายและผู้สมัครครบ 400 เขต

17.03.2023
  • LOADING...

วันนี้ (17 มีนาคม) ที่อาคารยิมเนเซียม 4 มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ศูนย์รังสิต พรรคเพื่อไทย นำโดย นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรคเพื่อไทย, แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย, เศรษฐา ทวีสิน ประธานที่ปรึกษาหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย และคณะกรรมการบริหารพรรค ได้จัดงาน ‘คิดใหญ่ ทำเป็น เพื่อไทยทุกคน’ เปิดตัวว่าที่ผู้ลงสมัครรับเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) แบบแบ่งเขตทั่วประเทศ และแถลงนโยบายด้านเศรษฐกิจของพรรคเพื่อไทยในการเลือกตั้ง 2566 ด้านประชาชนที่สนับสนุนพรรคเข้าร่วมงานกันอย่างเนืองแน่นและโห่ร้องกันอย่างคึกคักตลอดทั้งงาน

 

ในช่วงแรกของงาน พรรคเพื่อไทยได้เปิดตัวว่าที่ผู้ลงสมัครรับเลือกตั้ง ส.ส. แบบแบ่งเขตครบทั้ง 400 เขต ทำให้พรรคเพื่อไทยเป็นพรรคการเมืองแรกที่เปิดตัวว่าที่ผู้สมัคร ส.ส. ครบก่อนพรรคการเมืองอื่น โดยว่าที่ผู้ลงสมัครรับเลือกตั้ง ส.ส. นั้นมีความหลากหลายทางอายุ ความรู้ความสามารถ และประสบการณ์ ทั้งนักธุรกิจ แพทย์ อาจารย์มหาวิทยาลัย ดารานักแสดง เกษตรกร และชาวประมง

 

นพ.ชลน่าน ขึ้นกล่าวปาฐกถาเป็นคนแรกบนเวทีว่า พรรคเพื่อไทยมีเป้าหมายการเลือกตั้งคือการชนะแบบถล่มทลาย หรือแลนด์สไลด์ ซึ่งการชนะดังกล่าวอาศัย 3 องค์ประกอบ ได้แก่ 

 

  1. การมีผู้นำที่มีความพร้อมด้วยคุณสมบัติ พรรคเพื่อไทยมีส่วนผสมที่กลมกล่อม ทั้งผู้ที่มีประสบกการณ์, คนรุ่นใหม่ไฟแรง และว่าที่แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีที่จะนำพาประเทศผ่านไปใน 4 ปีนี้ 
  2. นโยบายที่ดีที่สามารถแก้ไขปัญหาให้กับประชาชนผ่านกระบวนการคิดใหญ่ ทำเป็น สร้างคุณภาพชีวิตที่ดีให้กับประชาชน
  3. ว่าที่ผู้ลงสมัคร ส.ส. แบบแบ่งเขตและบัญชีรายชื่อที่เข้าถึงพื้นที่และเข้าใจพี่น้องประชาชนในเขตเลือกตั้ง

 

“พรรคเพื่อไทยของเรากำลังจะกลับมาพร้อมรับใช้พี่น้องประชาชนเหมือนในอดีตที่ผ่านมา คืนความหวัง คืนความสุขให้กับพี่น้อง เพียงแต่ขอให้พี่น้องประชาชนไว้วางใจเลือกพรรคเพื่อไทย ทั้งคนทั้งพรรคให้แลนด์สไลด์ทั้งแผ่นดิน” นพ.ชลน่าน กล่าว

 

ด้านแพทองธารขึ้นกล่าวตอกย้ำสร้างความมั่นใจว่า พรรคเพื่อไทยจะทำให้ประชาชนมีเกียรติ มีศักดิ์ศรี และมีชีวิตที่ดีขึ้นกว่าเดิมหลังการรัฐประหารปี 2549 และ 2557 รัฐบาลที่ผ่านมาบริหารประเทศแบบขาดวิสัยทัศน์ ไม่ทันต่อการเปลี่ยนแปลงของโลก และไม่เข้าใจความรู้สึกของประชาชน ช่องว่างทางรายได้สูงเป็นลำดับต้นๆ ของโลก

 

สำหรับนโยบายทางเศรษฐกิจของพรรคเพื่อไทยที่แพทองธารนำเสนอคือ การแก้จน ลดช่องว่างของรายได้ ได้แก่

 

  • สำรวจครอบครัวที่มีรายได้น้อยกว่า 20,000 บาทต่อเดือน จะเข้าช่วยเหลือทันที
  • สร้างประเทศไทยให้เป็นศูนย์กลางเทคโนโลยีการเงินของอาเซียน (FinTech Center) เพื่อระดมทุนให้แก่เกษตรกรและ SMEs
  • ทวงคืนอากาศสะอาด แก้ PM2.5 ที่ทุกต้นตอ ให้การศึกษากับทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง เร่งเจรจากับประเทศรอบข้างเพื่อการแก้ไขปัญหา เชิญชวนเกษตรกรไม่เผาตอข้าวเพื่อรักษาหน้าดินให้ชาวนา สนับสนุนการใช้รถยนต์ไฟฟ้า (EV) ผ่านการจูงใจทางภาษี

 

“ดิฉันขอให้ประเทศไทยมีพรรคเพื่อไทยที่รักประชาชนอย่างแท้จริงมาดูแลทุกๆ คน มาร่วมกันแก้ไขปัญหาของประเทศไทยที่สะสมมากว่า 8 ปีให้เบาบางและหมดไปในที่สุด” แพทองธารกล่าวทิ้งท้าย

 

ขณะที่เศรษฐาได้ขึ้นปาฐกถาคนสุดท้ายว่า ตนเห็นประชาชนมีความเดือดร้อน คับแค้นใจ และความเสียหายของประเทศจากการบริหารของรัฐบาลตลอด 8 ปีที่ผ่านมา และตนเห็นผู้นำที่ไร้หัวใจ ขับไล่ประชาชนที่รักประเทศของตัวเอง เพราะคนเหล่านี้ไม่อยู่ภายใต้โอวาท และประชาชนกำลังฝากความหวังกับการเลือกตั้งครั้งนี้ว่าจะเปลี่ยนแปลงประเทศไปในทางที่ดีขึ้น

 

สำหรับชุดนโยบายที่เศรษฐานำเสนอบนเวทีคือ การกระตุ้นเศรษฐกิจครั้งใหญ่ เพื่อให้เครื่องยนต์ทางเศรษฐกิจขับเคลื่อนอีกคร้ัง ได้แก่

 

  • นำเงินนอกระบบเข้าสู่ระบบกว่า 1 ล้านล้านบาท ปราบมาเฟียตำรวจรับส่วย
  • สร้างกระเป๋าเงินดิจิทัล (Digital Wallet) ให้ประชาชนที่มีอายุ 16 ปีขึ้นไปจับจ่ายใช้สอยซื้อของในระยะพื้นที่ 4 กิโลเมตร
  • เปิดประตูการค้ากับต่างประเทศ เร่งการเจรจาความสัมพันธ์ เพื่อขยายการท่องเที่ยวให้เติบโต 2 เท่า, นำเงินจากต่างประเทศมาฝากในประเทศไทย และทำให้หนังสือเดินทางไม่ต้องขอวีซ่าในหลายประเทศ
  • เปลี่ยนระบบเกณฑ์ทหารเป็นระบบสมัครใจ เพื่อให้สถาบันทหารเป็นมืออาชีพและได้รับการยกย่องจากประชาชน
  • สนับสนุนให้ประชาชนได้รับสวัสดิการอย่างเท่าเทียมกัน คืนสิทธิให้คนทุกกลุ่มอย่างมีประสิทธิภาพ
  • ปฏิรูปกระบวนการยุติธรรม คืนศักดิ์ศรีให้ประชาชนอย่างแท้จริง

 

เศรษฐาได้อวยพรทิ้งท้ายแก่ว่าที่ผู้ลงสมัครรับเลือกตั้ง ส.ส. ว่า ขอให้ทุกท่านได้รับการเลือกตั้ง เป็นตัวแทนของประชาชน เพื่อให้พรรคเพื่อไทยจัดตั้งรัฐบาล ก่อนที่จะได้รับเสียงโห่ร้องจากประชาชนที่เข้าร่วมในยิมเนเซียมอย่างกึกก้อง

 

  • LOADING...

READ MORE





Latest Stories

Close Advertising