×

เลือกตั้ง 2566 : เพื่อไทยปิดฉากปราศรัยใหญ่โค้งสุดท้าย เลือกเพื่อไทยให้แลนด์สไลด์ ย้ำสู้รัฐประหารอยู่ข้างประชาชนมาตลอด ขอพาประชาชนหลุดพ้นความมืดมน

12.05.2023
  • LOADING...

วันนี้ (12 พฤษภาคม) ที่อิมแพ็ค อารีน่า เมืองทองธานี ซึ่งพรรคเพื่อไทยใช้เป็นเวทีปราศรัยใหญ่เวทีสุดท้ายก่อนถึงวันเลือกตั้ง ภายใต้ธีม ‘เลือกเพื่อไทยแลนด์สไลด์ ประเทศไทยเปลี่ยนทันที’

 

บรรยากาศตั้งแต่เริ่มต้นเปิดประตูให้ประชาชนจับจองที่นั่งเป็นไปอย่างคึกคัก แกนนำของพรรคเพื่อไทยเริ่มทยอยมาที่เวที

 

ขณะที่ผู้สนับสนุนกองเชียร์ของพรรคเพื่อไทยพร้อมใจกันสวมเสื้อสีแดงมารอฟังการปราศรัยของแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคเพื่อไทย

 

โดยก่อนการเริ่มปราศรัย ภายในบริเวณงาน แพทองธาร ชินวัตร และ เศรษฐา ทวีสิน ปรากฏตัวท่ามกลางประชาชน และเข้าไปทักทาย ก่อนจะขึ้นเวทีปราศรัย ถ่ายภาพร่วมกับประชาชนที่มาให้กำลังใจและสนับสนุนในวันนี้ 

 

เวลา 18.00 น. นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรคเพื่อไทย ขึ้นกล่าวเปิดงาน นพ.ชลน่านเริ่มต้นปราศรัยโดยชี้ให้ความสำคัญของคำว่า ‘แลนด์สไลด์’ เพราะยิ่งใกล้วันเลือกตั้ง ยิ่งมีความหมายสำคัญ เพราะรัฐธรรมนูญฉบับนี้ยังให้ ส.ว. ที่มาจากการแต่งตั้ง ซึ่งส่วนใหญ่ตั้งโดย 2 ป. มาร่วมลงคะแนนเลือกนายกรัฐมนตรีอยู่จนถึงเดือนพฤษภาคมปีหน้า ครั้งนี้ก็เช่นกัน 2 ป. ก็จะกินฟรีกินรวบอีกรอบ ถ้าไม่มีพรรคการเมืองฝั่งประชาธิปไตยที่มี ส.ส. เกินครึ่งหนึ่งของสภา และรวมกับ ส.ส. ฝั่งประชาธิปไตยให้ได้ 375 เสียง ซึ่งวันนี้ทุกโพลระบุตรงกันว่า พรรคเพื่อไทยมีโอกาสจะได้ ส.ส. จำนวนมากที่สุด และมีโอกาสได้มากถึง 286 เสียงขึ้นไป

 

เวลา 18.30 น. แพทองธาร ชินวัตร อีกหนึ่งแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคเพื่อไทยจะขึ้นปราศรัยครั้งแรกหลังลาคลอดบุตร 

 

แพทองธารกล่าวว่า วันที่ 14 พฤษภาคมนี้จะเป็นวันประวัติศาสตร์ของประชาชนคนไทย ที่จะได้เปลี่ยนผู้นำที่มาจากเผด็จการ เป็นผู้นำที่มาจากเสียงของประชาชนผ่านกระบวนการประชาธิปไตย สาเหตุที่พรรคเพื่อไทยต้องมีแคนดิเดตนายกฯ ถึง 3 คน เพราะเราเจออะไรมาเยอะ จนต้องเรียนรู้ว่าเราต้องไม่ประมาทกับกติกาต่างๆ ที่ไม่เป็นธรรม และยุบพรรคเรามาแล้วถึง 2 ครั้ง 

 

แพทองธารย้ำว่า ไม่ว่าใครได้เป็นนายกฯ แคนดิเดตอีก 2 คนจะช่วยสนับสนุนตลอด จนนโยบายที่สัญญากับประชาชนไว้สำเร็จทุกนโยบาย เราอยู่ได้เพราะเรามีนโยบายที่ทำได้จริงทุกครั้ง ประชาชนจึงกลับมาเลือกเราตลอด และเมื่อเจอกับเหตุการณ์นักร้องต่างๆ ทำให้เรายิ่งคิดถูกที่มีแคนดิเดต 3 คน เพราะไม่ว่าเกิดอะไรขึ้นก็ยังมีคนไปทำงานต่อ

 

“ที่มีการบอกว่าพรรคเพื่อไทยไม่อยู่เคียงข้างประชาชน ถ้าพรรคที่ถูกรัฐประหารมาไม่สู้เคียงข้างประชาชน ถ้าเพื่อไทยไม่สู้เคียงข้างประชาชน ดิฉันจะมายืนอยู่ที่นี่ วันนี้หรือคะ ถ้าไม่สู้เคียงข้างประชาชน ถูกยุบพรรคไปแล้ว 2 ครั้ง จะได้กลับมาแบบนี้หรือคะ” แพทองธารกล่าวด้วยน้ำเสียงหนักแน่น

 

“ก่อนมาที่นี่ดิฉันได้คุยกับคุณพ่อ ท่านบอกว่าท่านอยากจะกลับมา ท่านพูดกับดิฉันอย่างไม่มีเงื่อนใดๆ ทั้งสิ้นว่า ถ้าพ่อกลับมาติดคุก ระหว่างที่พ่ออยู่ในคุก และพรรคเพื่อไทยเป็นรัฐบาล ถ้าต้องการคำแนะนำ หวังว่ามันสมองของท่านจะสามารถพาประเทศผ่านพ้นวิกฤตไปได้ ท่านรู้สึกซึ้งใจที่ตั้งแต่ทำการเมืองมาได้รับแรงสนับสนุนจากประชาชนมาเสมอ ขอขอบคุณพี่น้องประชาชนที่ให้การสนับสนุน ท่านไม่เคยลืมบุญคุณของพี่น้องประชาชนเลย” แพทองธารกล่าวพร้อมน้ำตาคลอ

 

ต่อมาเวลา 19.00 น. เศรษฐา ทวีสิน แคนดิเดตนายกรัฐมนตรี จากพรรคเพื่อไทย ขึ้นกล่าวปราศรัยว่า วันที่ 14 พฤษภาคม จะเป็นวันที่ต้องจารึกประวัติศาสตร์บทใหม่ของประเทศ ที่พี่น้องประชาชนชาวไทยจะร่วมกันแสดงพลัง พร้อมใจกันก้าวออกจากหลุมดำที่ขังเรามานานกว่า 8 ปี จากประเทศไทยที่เคยยืนอยู่อย่างสง่างามในเวทีโลก มีศักยภาพ มีคนเก่ง แต่ผู้นำคณะรัฐประหารได้สร้างวิกฤต เอารถถัง เอาปืนมาจ่อหัวพวกเรา ปล้นอำนาจอธิปไตยไปจากพวกเรา ทำลายศักดิ์ศรีของประเทศไทยในเวทีโลกที่มองว่ารัฐประหารเป็นเรื่องน่ารังเกียจ ทำให้คนไทยทุกคนล้วนสูญเสียโอกาสทางเศรษฐกิจ การค้า จากประเทศไทยที่เคยเป็นที่ต้องการ เป็นไข่แดงของการลงทุนในอาเซียน แต่วันนี้ประเทศไทยกลายเป็นไข่ขาวรอบอินโดนีเซียและเวียดนาม ที่มีผู้นำที่สามารถพัฒนาเศรษฐกิจและความเจริญ นำการค้า การลงทุน นำเงินเข้าประเทศมากมาย

 

เศรษฐากล่าวเปรียบเทียบว่า รัฐบาลปัจจุบันได้สร้างคุกขนาดใหญ่ ขังประชาชนทั้งประเทศเอาไว้กับความเหลื่อมล้ำ ความยากจน ความยากลำบาก ความไม่เป็นธรรม ใช้กฎหมายทำร้ายคนเห็นต่าง ทรยศต่อประชาชน ทั้งหมดนี้เป็นผลไม้พิษที่เป็นผลพวงจากการรัฐประหารในปี 2557 ดังนั้นความตั้งใจที่เข้ามาในพรรคเพื่อไทยวันนี้ ‘มาตัวเปล่า’ มาโดยปราศจากคำสัญญาใดๆ กับนายทุน ผู้มีอำนาจ หรือผู้มีอิทธิพล แต่มีคำสัญญาเพียงหนึ่งเดียวที่มีต่อพี่น้องประชาชนว่าจะตั้งใจทุ่มเททำงานหนัก ยืนหยัดในสิ่งที่ถูกต้อง ต่อสู้เพื่ออนาคตของลูกหลาน นำประสบการณ์การทำงานในภาคธุรกิจกว่า 30 ปีมาทำประโยชน์ สร้างอนาคตให้กับประชาชนคนไทยทุกคน

 

พร้อมย้ำว่า การเลือกตั้งครั้งนี้เราจะต้องชนะให้มากกว่าทุกครั้งที่เคย ให้มากพอที่จะทำให้ ส.ว. ทำตามฉันทมติของประชาชนโดยไม่มีข้ออ้างอีกต่อไป เราจะไม่ทรยศต่อคนที่ร่วมอุดมการณ์กับพวกเรา เราจะรับฟังทุกเสียงของประชาชน จะทำงานหนัก จัดตั้งรัฐบาลที่โปร่งใส เราจะใช้ทุกวินาทีอย่างมีค่า ใช้จ่ายภาษีทุกบาททุกสตางค์อย่างมีจุดมุ่งหมาย เพื่อประโยชน์สูงสุดของคนไทยทุกคน ภาพฝัน ความหวัง และนโยบายที่ได้กล่าวไปในตลอด 75 วันที่ลงพื้นที่เป็นไปได้จริง

 

“ผมขอวิงวอนจากใจ อย่าเลือกเพราะความกลัว แต่ให้เลือกเพราะความชัวร์ ชัวร์ว่าพรรคเพื่อไทยทำได้จริง เราจะทำให้เสียงของประชาชนเป็นใหญ่ ให้ประชาธิปไตยเป็นใหญ่ ให้นักการเมืองฟังเสียงของประชาชน และผม นายเศรษฐา ทวีสิน ขอเป็นนายกรัฐมนตรีคนที่ 30 ของประเทศไทย ทำให้ประชาชนหลุดพ้นจากความมืดมน สู่ความเป็นจริงที่มีความหวัง ผมขอให้ทุกคนลงคะแนนให้พรรคเพื่อไทย ทั้ง ส.ส. เขต และพรรคเบอร์ 29 ให้แลนด์สไลด์ทั้งประเทศ เพื่อให้พรรคเพื่อไทยจัดตั้งรัฐบาลได้อย่างมีเสถียรภาพ ให้พวกเราไปรับใช้ประชาชน ไปทำความหวังของทุกคน เปลี่ยนประเทศให้ได้จริง และส่งต่ออนาคตที่ดีกว่าให้กับลูกหลาน” เศรษฐากล่าวปิดท้าย

 

  • LOADING...

READ MORE




Latest Stories

Close Advertising