วันนี้ (28 มีนาคม) ผศ.พิมล ศรีวิกรม์ ประธานที่ปรึกษานโยบายด้านกีฬา พรรคเพื่อไทย และนายกสมาคมกีฬาเทควันโดแห่งประเทศไทย ร่วมกับคณะที่ปรึกษา ชลิตรัตน์ จันทรุเบกษา, ณณัฏฐ์ หงษ์ชูเวช ร่วมแถลงข่าวเปิดตัวนโยบาย ‘1 กีฬา 1 รัฐวิสาหกิจ พลัส’
ผศ.พิมลกล่าวว่า นโยบายนี้เคยเกิดขึ้นครั้งแรกระหว่างปี 2544-2549 ตอนที่ ทักษิณ ชินวัตร เป็นนายกรัฐมนตรี และประสบความสำเร็จอย่างมากในโอลิมปิกเกมส์ 2008 ที่กรุงปักกิ่ง ประเทศจีน ที่ได้เหรียญรางวัลมาถึง 6 เหรียญทอง หลังจากเกิดการปฏิวัติก็ได้ยกเลิกไป ถึงแม้จะเอากลับมาอีกครั้งก็ไม่ประสบความสำเร็จเหมือนเดิม จนปัจจุบันเหลือเพียงสมาคมกีฬาเทควันโดฯ เพียงสมาคมเดียวที่ยังได้รับการสนับสนุนจากรัฐวิสาหกิจอย่างธนาคารอาคารสงเคราะห์ ตั้งแต่ปี 2548 มาจนถึงตอนนี้
ผศ.พิมลกล่าวอีกว่า เมื่อเห็นประโยชน์และความสำเร็จจากนโยบายนี้ในอดีต ทำให้เพื่อไทยอยากจะนำกลับมาอีกครั้ง ที่สำคัญรัฐวิสาหกิจไทยกว่า 20 แห่ง มีกำไร 2 แสนล้านบาทต่อปี ถ้าเจียดมาสัก 1 เปอร์เซ็นต์มาช่วยวงการกีฬา ก็จะสร้างสิ่งดีๆ ให้ทั้งสังคม เศรษฐกิจ และความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ ยิ่งนักกีฬาไทยได้เหรียญทอง ได้ฟังเพลงชาติไทย เป็นความสุขของคนไทย ครั้งนี้ถ้าเพื่อไทยได้เป็นรัฐบาลจะทำให้สำเร็จภายใน 100 วันแรก โดยแนวทางจะตั้งคณะกรรมการที่ดูแลโดยกระทรวงการคลัง 7-9 คน พิจารณาการสนับสนุนสมาคมกีฬาต่างๆ ช่วงแรกเน้นไปที่กีฬาสากลที่มีในโอลิมปิกเกมส์, เอเชียนเกมส์, ซีเกมส์ ที่หวังผลเป็นเลิศได้
ผศ.พิมลกล่าวอีกว่า สิ่งที่รัฐวิสาหกิจจะได้รับจากการสนับสนุนสมาคมกีฬานี้ จะได้สิทธิผู้สนับสนุนมีที่นั่งในคณะกรรมการบริหารสมาคมอย่างน้อย 1 ตำแหน่ง รวมทั้งสามารถตรวจสอบความโปร่งใสเรื่องงบการเงินของสมาคมได้ ที่สำคัญสมาคมต้องสร้างผลงานในระดับนานาชาติซึ่งเป็นเครื่องชี้วัดในการสนับสนุนต่อไปในอนาคตด้วย
“สมาคมที่ใช้เงินเยอะก็ต้องจับกับรัฐวิสาหกิจที่เงินเยอะหน่อย ต้องเป็นการพูดคุยกันว่าสมาคมไหนเหมาะกับหน่วยงานไหน ไม่มีอะไรตายตัว แต่จะอธิบายกับรัฐวิสาหกิจว่าสร้างประโยชน์กับวงการกีฬาและประเทศ รวมทั้งรัฐวิสาหกิจอย่างไรบ้าง” ผศ.พิมลกล่าว
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า ปัจจุบันกองทุนพัฒนาการกีฬาแห่งชาติมีงบประมาณ 4 พันล้านบาทต่อปีในการสนับสนุนวงการกีฬา จะทับซ้อนกับนโยบาย 1 กีฬา 1 รัฐวิสาหกิจ พลัส หรือไม่ ผศ.พิมลกล่าวว่า จากประสบการณ์ในการบริหารสมาคมกีฬาเทควันโดฯ งบจากทางกองทุนฯ ไม่สามารถดูแลได้ครอบคลุมทั้งหมด เพราะมีระเบียบกำหนดอยู่ นโยบายนี้จึงจะเข้ามาสนับสนุนได้มากขึ้น ช่วยให้การทำงานยืดหยุ่นได้มากขึ้น ไม่ติดอยู่กับกรอบเดิมๆ
ส่วนการรักษาเจ้าอาเซียนในมหกรรมซีเกมส์ ผศ.พิมลมองว่า ที่ผ่านมาในทุกครั้งที่พรรคเป็นรัฐบาล กีฬาไทยมีสถิติที่ดีมากอยู่เสมอ ตั้งแต่ยุคพรรคไทยรักไทย ยืนยันว่าทางพรรคจะเดินหน้าต่อ เพราะซีเกมส์เป็นศักดิ์ศรีของคนไทย
“ส่วนตัวผมเองเข้ามาช่วยเหลือในด้านกีฬา ไม่ได้กลับเข้ามาเล่นการเมือง ไม่ได้ต้องการตำแหน่งใดๆ แต่อยากเห็นวงการกีฬาไทยกลับมาคึกคักอีกครั้งเหมือนตอนที่เพื่อไทยเคยเป็นรัฐบาล” ผศ.พิมลกล่าว