‘ก็บนนั้นมันช่างสูงได้ยินไหมคุณ โปรดเถอะลดลงมาหากันหน่อยนะครับ ก็ผมนั้นกลัวความสูงแค่มองยังไม่กล้า ได้โปรดไต่ลงมา อย่าอยู่แต่บนฟ้า ผมไม่กล้ามอง’
หากย้อนเวลากลับไปเมื่อสิบกว่าปีที่แล้ว ในยุคที่แนวเพลงอัลเทอร์เนทีฟกำลังเฟื่องฟู เราเชื่อว่าต้องมีใครหลายคนที่หลงรัก (อย่างน้อยก็ต้องเคยได้ยิน!) ท่อนฮุคอันเป็นที่จดจำในเพลง Acrophobia เพลงฮิตจากอัลบั้ม ออกไปข้างนอก (2547) ซึ่งถือว่าเป็นหนึ่งในบทเพลงที่ดังที่สุดของ เจ-เจตมนต์ มละโยธา หรือ Penguin Villa ศิลปิน One Man Band เจ้าของบทเพลงที่ช่วยชุบชูจิตใจให้ใครหลายคน
14 ปีหลังจากปล่อยให้แฟนเพลงคิดถึง เพราะห่างหายจากการทำอัลบั้มไปนาน ที่สุดเมื่อปีที่แล้วเขากลับมาพร้อมกับอัลบั้มเต็มชุดใหม่ ‘J’ ที่บรรจุเพลงเพราะๆ เอาไว้มากมาย แถมข่าวดีสุดเซอร์ไพรส์ที่ทำเอาชาวหมู่บ้านเพนกวินถึงกับตื่นเต้นจนแทบอดใจรอกันไม่ไหวกับ ‘Why Fly? Concert’ คอนเสิร์ตใหญ่เต็มรูปแบบครั้งแรกของ Penguin Villa ที่รอมานานหลายสิบปี
THE STANDARD POP มีโอกาสได้นั่งพูดคุยกับหัวหน้าของหมู่บ้านเพนกวินท่ามกลางบรรยากาศสบายๆ เป็นกันเอง ถึงเรื่องราวต่างๆ หลายเรื่อง ไม่ว่าจะเป็น เพลง จุดเริ่มต้นและการทำงานในอัลบั้มใหม่, ช่วงเวลาที่หายไป, ความแตกต่างของวงการเพลงยุคก่อนกับปัจจุบัน รวมทั้งคอนเสิร์ตใหญ่ที่เขาพูดติดตลกว่า “ไม่มีความพิเศษครับ” ที่กำลังจัดขึ้นในวันที่ 29 มิถุนายนนี้
อัลบั้ม ออกไปข้างนอก ของ Penguin Villa นับว่าประสบความสำเร็จ แต่ทำไมถึงต้องระยะนานถึง 14 ปี ก่อนจะมีอัลบั้มเต็มชุดที่สองออกมา
ผมคิดจะทำอัลบั้มสองตั้งแต่ 8 ปีที่แล้วตอนทำเพลง Good Morning แต่ไม่สำเร็จ เพราะรู้สึกว่ายังไม่ได้ซิงเกิลที่ดีและงดงามเท่า Good Morning แล้วก็พยายามทำเพลงแบบนั้นให้ได้ เลยกลายเป็นการทำเดโมกันด้วยความเครียด ทั้งตัวผม ตัวค่ายแล้วก็พี่รุ่ง (รุ่งโรจน์ อุปถัมภ์โพธิวัฒน์ ผู้ก่อตั้งและผู้บริหารค่าย Smallroom) ด้วย ก็เลยพักมันไว้ก่อน เพราะช่วงนั้นผมก็ต้องมาทำเพลงโฆษณาที่เป็นงานและรายได้หลักของ Smallroom เหมือนกัน
หลังจากนั้นก็หายไปประมาณ 4 ปี ไม่ได้มีเล่นที่ไหน ไม่ได้ออกเพลงอะไรเลย จนแอบคิดว่าไม่น่าจะมีอัลบั้มแล้ว ทีนี้ทาง Fungjai จะจัดคอนเสิร์ตชื่อ ฟังใจลอย ซึ่ง Penguin Villa เป็นหนึ่งในศิลปินที่จะร่วมเล่นในงานนี้ด้วย ตอนนั้นก็เลยปล่อยเพลง เธอคือความจริง ออกมา
แล้วพี่รุ่งมาถามว่า ปล่อยเพลงใหม่ทำไมไม่บอกกันเลย (หัวเราะ) ผมก็ตอบไปว่า ไม่ได้ตั้งใจปล่อยเป็นซิงเกิล แค่ทำเป็นเอ็กซ์คลูซีฟให้ Fungjai สำหรับโปรโมตคอนเสิร์ตเฉยๆ แต่แกเห็นว่าเพลงมันเวิร์ก เธอคือความจริง ก็เลยถูกตัดเป็นซิงเกิลของ Penguin Villa
Penguin Villa – เธอคือความจริง | Smallroom Holiday Party
เพลง เธอคือความจริง เหมือนเป็นจุดเชื่อมของ Penguin Villa กับแฟนเพลงหรือคนฟังรุ่นใหม่อย่าง Good Morning มันก็ได้คนกลุ่มหนึ่งมา เช่น กลุ่มที่ชอบฟัง Acrophobia ผมว่าเราก็ยังรักษาไว้ได้ แต่กับ เธอคือความจริง จะเป็นเพลงที่ดึงกลุ่มคนฟังใหม่ๆ เข้ามาเยอะ แต่ก็ยังไม่ได้ทำอัลบั้มอีกนะ เพราะความรู้สึกที่ทำอัลบั้มไม่สำเร็จตอนนั้นมันเครียดจริงๆ
ทีนี้จุดเปลี่ยนอีกจุดคือ ตอนคอนเสิร์ต Smallroom Holiday Party ครั้งแรกที่สัตหีบ ที่ผมมี ร้อยล้านวิว เป็นเพลงใหม่เพิ่มมาอีกเพลง บรรยากาศวันนั้นมันดีมากแล้วก็เป็นพี่รุ่งอีกที่วันนั้นไม่รู้อินหรืออะไรขึ้นมา พอลงเวทีมาแกก็บอกว่า ทำอัลบั้มได้แล้ว แต่ผมก็ยังไม่ได้คิดอะไรนะ คิดว่าแกคงพูดเล่นมั้ง (หัวเราะ)
แต่กลายเป็นว่าแกเอาจริง (หัวเราะ) จบงานปุ๊บ เรียกไปประชุมแล้วลิสต์มาให้เลยว่าในอัลบั้มจะมีเพลงอะไรบ้าง ซึ่งเพลงที่เลือกมาก็คือเพลงที่เคยทำเดโมช่วง Good Morning ที่เคยไม่ผ่านนั่นล่ะ (หัวเราะ) บวกกับเก็บตกเพลงต่างๆ แล้วก็มีเพลงที่ใหม่เอี่ยมที่สุดเลยก็คือเพลง เว… รวมทั้งหมดเป็น 14 เพลง
ดูเหมือนว่าที่มาของอัลบั้มนี้จะเป็นเพราะความบังเอิญ และพี่รุ่งเป็นส่วนใหญ่ แล้วความคิดอยากทำอัลบั้มของตัวคุณเองล่ะ ยังมีอยู่มากน้อยขนาดไหน
(หัวเราะ) อาจเป็นเพราะความรู้สึกของผมที่คิดว่าการทำอัลบั้มมันไม่ได้เป็นงานหลักของตัวเอง ผมคิดว่าผมอยู่ได้ด้วยการทำเพลงโฆษณา ช่วงนั้นมันก็เลยมีความรู้สึกว่า จะทำไปทำไมวะ แต่ในขณะเดียวกันมันก็มีแรงกดดันจากคนฟังหรือแฟนเพลงว่าเมื่อไรจะทำอัลบั้ม ซึ่งมันก็ทำให้เรารู้สึกว่าการทำอัลบั้มนี่เหมือนเป็นความรับผิดชอบบางอย่างเหมือนกันนะ (หัวเราะ) เจอใครก็มีแต่คนบอกว่า ผมรออัลบั้มใหม่อยู่นะครับพี่ ทั้งคนฟัง ทั้งเพื่อนนักดนตรีด้วยกัน ก็เลยไม่ถึงขนาดจะทิ้งไปเลยหรอก เพียงแต่มันอาจจะยังไม่ถึงเวลาเท่านั้นเอง
ในอัลบั้ม J ได้ดึงวิธีคิดจากการทำเพลงโฆษณามาใช้กับการทำเพลงในอัลบั้มนี้บ้างไหม
น่าจะห่างไกลมากครับ ห่างไกลจากความเป็นเพลงโฆษณามาก ตอนนี้นึกภาพเพลงอย่าง ความลับในฝูงปลา แล้วมันดูแบบว่าลูกค้าไม่ซื้อแน่นอน เพราะเพลงโฆษณามันต้องเป็นเพลงที่ฟังแล้วสามารถเข้าใจได้ตั้งแต่รอบแรกเลย อย่าง Acrophobia ก็จะมีเนื้อร้องแบบ ‘มอง มอง มอง ดู มองดูเธอเดินผ่าน ในทันทีก็มีอาการหวั่นไหว’ คือมันสามารถเข้าใจได้ทันทีตั้งแต่รอบแรกที่ฟัง ซึ่งหลังจากนี้ไปผมคงไม่ค่อยใส่ใจเรื่องนี้แล้ว (หัวเราะ) เพราะเราแต่งเพลงโฆษณามามันก็รู้สึกเบื่อแล้วอะ มันต้องมีแบบงงๆบ้างเว้ย มันไม่เป็นไรหรอก (หัวเราะ)
คือผมไม่สนใจอีกแล้วว่าเพลงที่แต่งคนฟังเขาจะต้องเข้าใจมันจากการฟังกี่รอบ เอาจริงๆ ตอนนี้คนก็ยังงงกันอยู่เลยว่าเพลง ความลับในฝูงปลา พูดถึงอะไร (หัวเราะ)
ในมุมมองของคุณ การทำเพลงในยุคก่อนกับปัจจุบันมันมีความยาก-ง่ายแตกต่างกันอย่างไรบ้าง
ตอนนั้นสื่อหลักมันคือวิทยุครับ การโฟกัสหรือว่าฟีดแบ็กมันจะมีตัวที่บอกว่าเพลงเราถูกเปิดกี่ครั้ง ก็คล้ายๆ ยอดวิวนี่แหละ มันก็จะมีเรื่องความชอบของคลื่นมาประกอบ เป้าหมายการทำเพลงตอนนั้นมันก็เลยจะเป็นแบบว่าทุกคนจะมองในแง่ของความแมสเป็นหลัก ถึงแม้เราจะมีความอาร์ตหรืออะไรก็ตามอยู่
แต่พอยุคนี้เรามีโซเชียลมีเดีย ผมว่าคนที่ทำเพลงนอกจากจะนึกถึงความชอบของตัวเองแล้วก็จะนึกถึงคนฟังด้วย คนทำเพลงก็จะโฟกัสไปเลยว่า คนฟังแบบนี้ที่เราอยากให้ชอบเพลงเรา คราวนี้มันก็ง่ายขึ้น เพราะทุกอย่างชัดเจน
ตอนนี้คุณวางตัวตนของ Penguin Villa ไว้แบบไหน
เหมือนรุ่นพี่สถาปัตย์ครับ มันก็คือตัวผมเองนี่แหละ (หัวเราะ) บวกกับความเป็นกันเอง อย่างภาพปกก็เป็นรูปห้องทำกีตาร์ ที่ให้รู้สึกเหมือนเครื่องจักรกำลังทำงานก่อสร้างอยู่ เป็นสิ่งที่ยังไม่เสร็จสมบูรณ์ ซึ่งมันจะมีความใกล้ชิดกันอยู่
แล้วผมคงไม่ได้สร้างภาพของความเป็นเทพในการเล่นดนตรีหรือว่าเทพในการร้องเพลงหรอก แต่สำหรับ Penguin Villa มันจะมีความเป็นรุ่นพี่รุ่นน้องกันอยู่
เมื่อเวลาผ่านไป วัตถุดิบในการแต่งของเพลง Penguin Villa เปลี่ยนไปบ้างหรือเปล่า
ถ้าตอนนี้น่าจะเป็นเรื่องของ ‘คำ’ ที่ใช้อย่างเดียวแล้วจริงๆ ครับ รู้สึกว่าถ้าเจอคำที่คล่องปากแล้วเพลงจะสำเร็จเลย และต้องเป็นคำที่พูดง่าย สมมติมีคนยืนต่อแถวกันอยู่ 10 คน แล้วเราพูดประโยคสองประโยคนี้ออกไปให้คนที่ยืนอยู่หน้าสุดฟังแล้วพูดต่อไปเรื่อยๆ เมื่อคนที่ 10 ได้ยินประโยคหรือข้อความนั้นมันจะต้องไม่เปลี่ยนแปลง
เมื่อก่อนตอนแต่งเพลง Good Morning ผมจะมีความพยายามทำให้เป็นบทกวี เช่น ‘แดดส่องสะท้อนดอกไม้แย้มบาน ลมโชยพัดผ่าน’ พอมาถึง ความลับในฝูงปลา ก็ยังมีความพยายามกวีอยู่ แต่คิดว่าคำมันต้องง่าย ต้องคล่องปาก ก็เลยมีท่อนอย่าง ‘โอ้ทะเลเจ้าจงคืนคำที่เคยร่วงหล่น’ อะไรอย่างนี้ คือคำมันใช่แล้วสำหรับเรา แต่กับคนอื่นไม่รู้เหมือนกันนะ (หัวเราะ)
เหมือนกับเพลง ก้อนหินละเมอ ของ Soul After Six ที่ผมไม่เคยนั่งฟังแบบตั้งใจทั้งเพลงแน่นอน แต่ผมร้องเพลงนี้ได้จนจบ (หัวเราะ) เพราะว่าคำมันง่ายและสวยงาม แต่ถ้าแค่คำง่ายอย่างเดียวคนก็คงไม่อยากร้อง แต่ถ้ามันทั้งสวยงามและก็ง่ายด้วย ผมว่ามันก็จะดีมาก ‘คำ’ เลยเป็นเหมือนวัตถุดิบสำคัญในการแต่งเพลงของผม
แล้วประโยค ‘ขอบันไดหน่อย’ ในเพลง Acrophobia มันถูกจัดอยู่ในหมวดคำแบบไหน เรียกว่าเป็นคำคล่องปากได้หรือเปล่า
โอ้โห ตอนนั้นไม่ได้มีเรื่องคำคล่องปากอะไรเลยครับ (หัวเราะ) ตอนนั้นเป็นเรื่องกิมมิกล้วนๆ เลย เหมือนเพลงโฆษณาอะครับ ตอนนั้นคือแต่งเพลงโฆษณาแล้วก็มาทำอัลบั้ม ประโยคปิดของเพลงก็เลยต้องทำให้คนจำและร้องตามอะไรอย่างนี้ ซึ่งตอนหลังก็ไม่ได้คิดถึงอะไรพวกนี้แล้ว
ชอบเพลงอะไรมากที่สุดในอัลบั้ม J
เพลง เว… ครับ เพราะมันเป็นเพลงที่พอผมแต่งเสร็จแล้วมันทำให้ผมรู้สึกว่ากูจะตายไม่ได้ ทุกคนต้องได้ฟังเพลงนี้ก่อน ตอนนั้นผมกลัวตายมากครับ ตอนที่เพลงนี้เสร็จคือโอเคแล้ว ตายได้แล้ว (หัวเราะ) ก็เลยรู้สึกว่าเพลงนี้นี่แหละที่สุดแล้ว ไม่เคยรู้สึกแบบนี้กับเพลงไหนมาก่อน
ความรู้สึกของคนที่ห่างจากการทำอัลบั้มมา 14 ปี แล้วอัลบั้ม J ก็ได้รางวัลอัลบั้มยอดเยี่ยมจากคมชัดลึก อวอร์ดทันที เป็นอย่างไรบ้าง
ความรู้สึกแวบแรกคือ เฮ้ย ได้ด้วยเหรอวะ (หัวเราะ) คือผมอาจจะไม่ได้สนใจในตัวรางวัลที่ได้เท่าไรนะ พูดจริงๆ ว่าแค่ได้เข้าชิงก็รู้สึกดีใจแล้ว เพราะสิ่งสำคัญไม่ใช่รางวัลที่ได้ แต่เป็นการที่เรารู้ว่ามีคนยอมรับในผลงานเรา ซึ่งความรู้สึกนี้สำคัญที่สุด เพราะทำให้รู้สึกว่าอยากทำอีก ตอนนี้อยากทำชุดที่ 3 แล้ว (หัวเราะ)
หากเทียบระดับการได้รับการยอมรับในผลงานจากคณะกรรมการตัดสินรางวัล คนฟัง พี่รุ่ง และตัวเอง คุณให้ความสำคัญกับใครก่อน
น่าจะตัวเองก่อนเลยครับ คือถ้าตัวเองฟินแล้วเนี่ยมันก็จะสบาย อันดับที่สองก็คงเป็นคนฟัง เพราะถ้าเราฟินแล้วคนฟังเขาไม่ฟินด้วยมันก็จะงงๆ เหมือนกันนะว่า ทำไมกูฟินอยู่คนเดียววะ แล้วค่อยคณะกรรมการ แต่ถ้าเป็นเมื่อ 8 ปีที่แล้ว ผมว่าพี่รุ่งน่าจะมาอันดับแรก (หัวเราะ) ต้องให้พี่รุ่งฟินก่อน ทุกอย่างถึงจะดำเนินต่อไปได้
ก่อนจะพูดถึงคอนเสิร์ตใหญ่ครั้งแรกของ Penguin Villa ขอย้อนกลับไปสิบกว่าปีก่อน พอจะจำความรู้สึกตอนเล่นคอนเสิร์ตครั้งแรกได้ไหม
ต้องย้อนไปถึงตอนอยู่วงพราวก่อน มันจะมัวๆ หน่อย เพราะว่ามันนานมาก ตอนนั้นผมก็จะไม่ค่อยโฟกัสอะไรเท่าไร ตอนเล่นก็เมามันอย่างเดียวเลย ก็รู้สึกว่า เฮ้ย ทำไมกูสนุกจังเลยวะ (หัวเราะ) คือแบบตอนนั้นไม่รู้เลยว่าตัวเองได้ยินอะไรบ้าง ก็เล่นไป สนใจแค่คนดู
ส่วนตอน Penguin Villa มันก็งงๆ มาเรื่อยๆ จนมีเพลง Good Morning ที่มันเริ่มได้ไปเล่นตามสถานที่ต่างๆ แต่ภาพตอนนั้นก็ยังไม่ค่อยชัดเจนเท่าไร จนมามีเพลง เธอคือความจริง นี่แหละครับที่ทำให้เริ่มเห็นว่ากลุ่มคนที่ฟังเพลงเรามันมีอยู่ประมาณไหน
มันจะรู้สึกแปลกนิดหน่อย เพราะว่าผมไม่ได้เติบโตมากับการเป็นฟรอนต์แมน ผมอินกับการเป็นมือกีตาร์ ผมชอบที่จะเป็นอย่างนั้น แล้วพอออกมาทำเพลงตัวเองก็ไม่ได้คิดว่าจะต้องมาเป็นฟรอนต์แมนที่คอยบอกให้คนดูทุกคนชูมือขึ้นอะไรอย่างนี้ ซึ่งมันก็ยังมีความรู้สึกว่าไม่ถนัดอยู่ เพราะผมชอบที่จะยืนอยู่ข้างๆ พี่เล็ก (นักร้องนำวงพราว) และเป็นคนร้องคอรัสมากกว่า
จากคนที่ไม่ได้เติบโตมาเป็นฟรอนต์แมน ไม่ถนัดพูดบิลด์คนดู แต่กำลังจะมีคอนเสิร์ตใหญ่ครั้งแรก ที่ต้องเป็นศูนย์กลางของโชว์อยู่คนเดียวเป็นเวลา 2 ชั่วโมงกว่าๆ ได้อย่างไร
มันเป็นความคิดของพี่รุ่งครับ (หัวเราะ) ผมไม่เคยคิดอยากทำเลย ตอนพี่รุ่งมาบอกว่า ปีหน้าคอนเสิร์ตใหญ่นะ ผมนี่แบบ เหี้ยแล้วไง (หัวเราะดัง) เพราะผมรู้สึกว่าชีวิตมันโอเคแล้วอะ อัลบั้มสองก็เสร็จแล้ว มันก็เลยรู้สึกว่า เอ๊ะ กูจะทำไปทำไมวะ แต่ผมเดาว่าพี่รุ่งแกน่าจะคิดว่าถ้าไม่ทำปีนี้ก็ไม่รู้จะไปทำตอนไหนแล้วล่ะ ก็เลยตัดสินใจกันว่าจะจัด
เวลาไปดูคอนเสิร์ตใหญ่ของเพื่อนๆ ศิลปินคนอื่นก็ไม่ได้รู้สึกอยากมีบ้างเลยเหรอ
ไม่ค่อยได้ไปดูคอนเสิร์ตใหญ่ของใครเลยครับ (หัวเราะ) สมมติมีวงดนตรีสักวงหนึ่งที่เป็นวงเพื่อนๆ ประกาศว่าจะมีคอนเสิร์ตใหญ่ ผมก็จะคิดว่า โห กูไม่มีแน่เลย (หัวเราะ)
มันมีเรื่องปัญหาทางกายภาพของผมอย่างหนึ่งด้วย คือผมเป็นคนที่เสียงเบา ส่วนใหญ่เวลาเล่นเสร็จประมาณ 15 เพลงเสียงก็จะแห้งแล้ว เลยคิดว่าคอนเสิร์ตใหญ่ที่ต้องร้องตั้ง 20 กว่าเพลงจะไหวหรือเปล่า ตอนนี้เลยต้องมีมาตรการเกี่ยวกับร่างกายหลายอย่าง เริ่มจากหยุดกินพวกน้ำอัดลม โซดา เบียร์ ก่อน ทั้งๆ ที่ปกติผมชอบกินอะไรที่มันซ่าๆ มาก
เริ่มต้นจากการไม่อยากทำคอนเสิร์ตใหญ่ แต่ในที่สุดก็ต้องทำ ความรู้สึกตอนนี้เริ่มเปลี่ยนแปลงไปบ้างหรือเปล่า
กดดันครับ โอ้โห คอนเสิร์ตใหญ่เลยนะเว้ย (หัวเราะ) แต่ก็รู้สึกดีที่ได้รู้ว่ายังมีคนตั้งใจมาหาเราอยู่ อย่างตอนที่ผมแปะลิงก์เพลง ค้อน ในเฟซบุ๊ก ซึ่งถือเป็นเพลงที่ไม่มีใครรู้จักอยู่แล้ว แต่ก็มีคนเข้ามาไลก์กันมากมาย เราเริ่มเห็นว่ามีคนที่เขาแอบชอบเพลงของเขาอยู่ปรากฏตัวขึ้นมาบ้างแล้ว เหมือนมากดไลก์เพื่อบอกว่า ผมมาแล้วนะครับ ก็หวังจะว่าจะได้พบกันอีกครั้งในวันนั้นจริงๆ
สำหรับคนที่มาเจอกับคุณในวันนั้นจะได้รับความพิเศษอะไรจากคอนเสิร์ตใหญ่ครั้งแรกของ Penguin Villa กลับไปบ้าง
นี่เป็นเรื่องที่ผมกับทีมงานคุยกันตั้งแต่แรกเลยว่าคนที่จะมาดูคอนเสิร์ตของ Penguin Villa เขาคาดหวังอะไร ทุกคนสรุปกันแล้วว่าคนที่จะมาดูคอนเสิร์ต Penguin Villa เนี่ยแม่งไม่ได้คาดหวังความพิเศษแน่เลยว่ะ (หัวเราะ) เพราะฉะนั้นอะไรที่พิเศษขนาดนั้นก็คงไม่มีนะครับ (หัวเราะ)
ล้อเล่นๆ ไม่ถึงขนาดนั้น มันมีอยู่แล้ว มันมีอะไรบางอย่างที่ผมวางเอาไว้ แล้วคิดว่าคนดูจะต้องรู้สึกว้าว หรืออย่างแขกรับเชิญ 3 คนที่ก็น่าจะเฮฮา แต่ว่าตอนนี้ผมจะยังไม่เฉลยอะไรมากดีกว่า
พิสูจน์อักษร: พรนภัส ชำนาญค้า
- เพลง Good Morning ถูกทำออกมาทั้งหมด 3 เวอร์ชัน แต่สุดท้ายเวอร์ชันเดโมกลายเป็นเวอร์ชันที่ถูกเลือกมาใส่ในอัลบั้ม
- จริงๆ เพลง เว… ถูกวางไว้ใช้ในงานโฆษณา แต่ลูกค้าบอกว่าเศร้าเกินไป เจเลยต้องเก็บเพลงนี้ไว้ เอามาแต่งใหม่ตอนหลัง
- เพลง เธอคือความจริง คือภาคต่อของเพลง เธอคือความฝัน ที่เจเคยแต่งให้วงพราว
- นอกจาก Penguin Villa เจ ยังเป็นอดีตมือกีตาร์ของวงพราว และเคยออกผลงานเพลงประกอบนวนิยายของ ปราบดา หยุ่น ภายใต้ชื่อศิลปิน บัวหิมะ อีกด้วย
- ครั้งหนึ่งเจเคยหลงใหลในศาสตร์ของการดริปกาแฟเป็นอย่างมาก ถึงขนาดเคยฝันว่าอยากมีร้านกาแฟเป็นของตัวเอง