วันนี้ (19 เมษายน) เมื่อเวลา 09.00 น. ที่ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก ศาลนัดตรวจพยานหลักฐานในคดีหมายเลขดำที่ 286/2564 ที่พนักงานอัยการ สำนักงานอัยการพิเศษฝ่ายคดีอาญา 7 สำนักงานอัยการสูงสุด เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง พริษฐ์ ชิวารักษ์ หรือเพนกวิน แกนนำราษฎร ในความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 ที่ห้องพิจารณาคดี 812 โดยเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์จะเบิกตัวจำเลยจากเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานครมายังศาล
ขณะที่วันนี้เจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์นำตัวพริษฐ์มาด้วยรถพยาบาล ศาลอนุญาตให้ครอบครัวและเพื่อนอีก 2 คนเข้าเยี่ยม ซึ่งพริษฐ์มีสภาพอิดโรยจากการอดอาหารมาแล้ว 33 วัน แต่ยังสามารถที่จะทักทายโบกมือให้กับผู้เยี่ยมได้
ด้าน สุรีย์รัตน์ ชิวารักษ์ มารดาของพริษฐ์ เปิดเผยกับสื่อมวลชนว่า ในช่วงนี้ไม่ได้เจอลูกอยู่แล้วเพราะติดวันหยุดยาว เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมาทนายความได้เข้าเยี่ยม และจากนั้นก็ติดวันเสาร์-อาทิตย์ วันนี้จึงได้มีโอกาสมาเจอลูกตัวเป็นๆ และตั้งใจอยู่แล้วว่าทุกครั้งที่ลูกออกศาลเราก็อยากจะเจอลูกอยู่แล้ว ได้มาพบปะพูดคุยตัวเป็นๆ
สุรีย์รัตน์กล่าวว่า วันนี้ถ้ามีโอกาสได้พูดคุย หากไม่ถูกกีดกัน ก็จะได้ถามไถ่ว่าเกิดอะไรขึ้นบ้างข้างในนั้น ทุกสิ่งทุกอย่างเราอยากฟังความจริงจากปากลูกของเรา อยากรู้ว่าสุขภาพเป็นอย่างไร ตนเป็นห่วงมากเพราะ 30 กว่าวันแล้ว ก็จะได้ยินข่าวว่ามีอาการวูบเพราะน้ำตาลตก รวมทั้งเรื่องเข็มน้ำเกลือหลุด ซึ่งปัญหานี้ตนก็จะถามไถ่ลูกเหมือนกัน
สำหรับการพูดคุยในวันนี้สุรีย์รัตน์กล่าวว่า ตนก็จะพูดคุยกันหลายเรื่อง ถ้ามีโอกาสจะคุยเรื่องอดอาหารว่าเป็นอย่างไรบ้าง และเขาจะตัดสินใจอย่างไร หรือพยายามทำทุกวิถีทางให้ดีที่สุดเพราะวันนี้เป็นโอกาสเดียว หลังจากนี้ไม่แน่ใจว่าลูกชายจะมีคิวขึ้นศาลอีกทีเมื่อไร ถ้าไม่ถูกกีดกันจากเจ้าหน้าที่ตำรวจหรือเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ ก็ขอเวลาได้มีโอกาสพูดคุย ซึ่งตนไม่สามารถส่งกระแสจิตได้ จึงขอความเป็นส่วนตัวในการพูดคุย ซึ่งที่ผ่านมาถูกกีดกันอยู่เรื่อยๆ
สำหรับวันนี้ตนไม่ได้เอาอะไรมาฝากลูก มีเพียงกระดาษเปียกที่เตรียมเอาไว้เพื่อจะได้มีโอกาสทำความสะอาดตัวลูก เพราะอยู่ข้างในค่อนข้างสกปรก ตอนนี้เพนกวินค่อนข้างอ่อนแอ อยากจะให้เขาสะอาดที่สุด ซึ่งวันนี้ได้ตกลงไว้ว่าจะไม่ได้กอดลูก เพื่อลดการสัมผัสและลดความเสี่ยง เพราะตอนนี้ภาวะภูมิคุ้มกันของเพนกวินอาจจะน้อย ซึ่งอยู่ในภาวะอ่อนแอ ไม่อยากให้เป็นการเพิ่มความเสี่ยง
สุรีย์รัตน์เปิดเผยอีกว่า ช่วงนี้ก็มีผลต่อการทำงาน เพราะเป็นช่วงที่เร่งจะต้องส่งงาน ซึ่งช่วงเช้าถึงเย็นต้องมาขึ้นศาล กลางคืนก็พยายามต้องเร่งทำงานจนนอนเที่ยงคืนหรือตีหนึ่ง และตอนเช้าก็จะตื่นเพราะเรื่องลูกก็สำคัญมาก งานที่เรารับผิดชอบก็ต้องทำให้เสร็จ เพราะรับผิดชอบเขามา ซึ่งเงินเหล่านี้ก็เอาไปเลี้ยงดูลูก เลี้ยงดูครอบครัว เป็นค่าใช้จ่ายในการเดินทาง เพราะเราไม่ได้มีทรัพย์สมบัติอะไร และยังยืนยันที่จะสู้ต่อจนกว่าลูกจะได้รับความยุติธรรม ได้มีอิสรภาพ ได้ประกันตัวออกมา ถ้าไม่อยากเห็นหน้าเรา ก็ให้ประกันตัวลูกของเรา แล้วเราก็จะหายไป
ด้าน กฤษฎางค์ นุตจรัส ทนายความศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน ยอมรับว่า มีอุปสรรคในการเข้าหารือกับพริษฐ์เกี่ยวกับการปรึกษาหารือแนวทางการต่อสู้คดี จึงต้องการขอความเป็นธรรมต่อศาลให้เปิดโอกาสให้พูดคุยกับลูกความ อีกทั้งสภาพร่างกายของพริษฐ์ยังอ่อนแอลง เป็นผลมาจากการอดอาหาร และยังส่งผลกระทบต่อการต่อสู้คดีตามกระบวนการยุติธรรม
ทั้งนี้ ยอมรับว่า ที่ผ่านมามีหลายคนออกมาขอให้พริษฐ์ยุติการอดอาหาร แต่ไม่เป็นผล เพราะพริษฐ์ยังยืนยันในเจตนารมณ์เดิม นอกจากนี้ทนายความยังยอมรับว่า ครอบครัวของพริษฐ์มีความประสงค์จะให้ยื่นประกันตัวต่อศาลอีกครั้ง แต่ในฐานะทนายความมองว่า การได้รับการปล่อยตัวชั่วคราวเป็นไปได้ยาก อย่างไรก็ตาม วันนี้หากมีโอกาสได้พูดคุยกับพริษฐ์ จะสอบถามความคิดเห็นของพริษฐ์ต่อประเด็นนี้อีกครั้ง
