“เดี๋ยวเฟรมจะพาไปดูห้องพักนักกีฬาในหมู่บ้านนักกีฬา ปารีส 2024 ครับ ไป!”
นี่คือประโยคทักทายแรกของ เฟรม-ธนาคาร ไชยยาสมบัติ กับแฟนๆ กีฬาชาวไทยทุกคน ก่อนที่จะมีอีกหลาย ‘คอนเทนต์’ ตามมา ไม่ว่าจะเป็นอาหารการกินในหมู่บ้านนักกีฬา การส่งผ้าไปซัก หรือการแลกพินกับนักกีฬาประเทศอื่น ซึ่งเป็นธรรมเนียมปฏิบัติน่ารักๆ ของนักกีฬาที่ทำกันมาช้านาน
แต่คอนเทนต์ที่ชวนอมยิ้มที่สุดคือการตอบคำถามของแฟนที่ติดตามท่านหนึ่งที่ถามกันซื่อๆ ถึงนักทำคอนเทนต์ที่ปั่นจักรยานได้นิดหน่อยคนนี้ว่า “น้องแข่งกีฬาอะไรคะ”
นอกจากการตอบคำถามนี้ด้วยการบอกเล่าเรื่องราวในช่องทางส่วนตัวแล้ว เฟรมได้ตอบคำถามต่อทุกคนผ่านการลงแข่งขันเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา
นี่คือนักปั่นจักรยานจากประเทศไทยที่พุ่งไปหาความฝันด้วยหัวใจที่ร้อนแรงจนคนทั้งโลกสัมผัสได้
ภาพ: Frame Thanakhan / Facebook
ก่อนจะถึงโอลิมปิกในครั้งนี้ อย่าว่าแต่เรื่องราวของนักกีฬาอย่างเฟรมเลย เรื่องราวของการแข่งขันจักรยานประเภทโรดเรซก็ไม่ใช่สิ่งที่แฟนกีฬาชาวไทยในวงกว้างรู้หรือเข้าใจมากนัก
แข่งขันกันอย่างไร ตัดสินกันตรงไหน
แต่การปรากฏตัวของเฟรม นักปั่นจักรยานหนุ่มคนรุ่นใหม่วัย 24 ปี เปลี่ยนแปลงทุกสิ่งทุกอย่างของเรื่องนี้ไปอย่างสิ้นเชิง
การเปลี่ยนแปลงนั้นเกิดจากการทำวิดีโอคอนเทนต์จากปารีส 2024 ที่แม้จะถ่ายทำแบบง่ายๆ โดยใช้โทรศัพท์มือถือเครื่องเดียว แต่ด้วยการเลือกเนื้อหาของสิ่งที่จะเล่าได้น่าสนใจ ซึ่งความจริงก็เป็นเรื่องใกล้ตัวของนักกีฬาที่เข้าร่วมแข่งขัน แต่สำหรับแฟนกีฬาแล้วเป็นเรื่องแบบ Insider ที่หลายคนอาจเคยสงสัยมาตลอด
อีกทั้งด้วยความสามารถในการเล่าเรื่องที่กระชับ สนุก พูดจาฉะฉาน แต่ก็มีความน่ารักน่าเอ็นดูในตัว ทำให้เฟรมค่อยๆ กลายเป็นขวัญใจของชาวโซเชียลมีเดีย
คนทำก็สนุก ได้แบ่งปันเรื่องราว คนตามก็สนุก ได้รับรู้และเหมือนได้ร่วมเดินทางไปด้วยกัน
เมื่อเฟรมเฉลยว่า “ผมเป็นนักปั่นจักรยานทีมชาติไทย” ก็ทำให้คนพร้อมที่จะติดตามเอาใจช่วยไปด้วย เหมือนน้อง เหมือนลูก เหมือนหลาน
เป็นกำลังใจแบบออร์แกนิกที่ได้มาด้วยการทำด้วยหัวใจล้วนๆ
แต่เฟรมไม่ได้มาเพื่อทำคอนเทนต์เบาๆ เรียกรอยยิ้มเท่านั้น
เพราะคอนเทนต์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดคือการลงแข่งขันชิงชัยกับบรรดาสุดยอดนักปั่นจักรยานระดับโลกในประเภทโรดเรซ (Road Race)
“ชีวิตจักรยานของผมเริ่มต้นตอน 5 ขวบ จนมาถึงตอนนี้ 20 ปีกับการที่อยู่กับจักรยาน และมีความฝันที่จะเป็น Olympian Rider ให้ได้สักครั้งในชีวิต ตอนนี้ผมมาถึงแล้ว” นี่คือสารจากเฟรมที่บอกกับทุกคนก่อนที่จะลงแข่งขัน
การแข่งขันจักรยานโรดเรซ ถือเป็นการแข่งขันที่สุดโหด เต็มไปด้วยการชิงไหวชิงพริบกันมากที่สุดชนิดหนึ่ง ด้วยความที่ระยะทางในการแข่งยาวไกลถึง 272.1 กิโลเมตร หรือเปรียบเทียบได้กับการขับรถจากกรุงเทพฯ ไปนครสวรรค์เลยทีเดียว
การเตรียมตัวฝึกซ้อมนั้นสำคัญ แต่การวางแผนก็สำคัญไม่ได้น้อยไปกว่ากัน
จะเลือกแบบไหน ค่อยๆ ไปหรือจะตะลุยไปเลย อยู่ที่การวางแผนร่วมกันของนักกีฬาและทีมงานสตาฟฟ์โค้ช ซึ่งมีปัจจัยแวดล้อมในการตัดสินใจเยอะแยะมากมาย ตั้งแต่สภาพร่างกาย, กำลังใจ, สภาพของสนามแข่งขัน, คู่แข่ง, สภาพอากาศ หรือแม้แต่ ‘สายลม’ ที่มีผลอย่างมากต่อการแข่งระยะทางไกลแบบนี้
แต่ดูเหมือนนักปั่นชาวไทยคนนี้จะเลือกทางของตัวเองแล้ว
ทันทีที่เริ่มการแข่งขัน เฟรมเลือกจะ Breakaway หรือแอบหนีจากกลุ่มใหญ่ไปกับกลุ่มนำตั้งแต่แรก และเกาะกลุ่มอยู่กับเหล่าสุดยอดนักปั่นของโลกทันที
เรื่องนี้ทำให้หลายคนประหลาดใจถึงกลยุทธ์ (Strategy) ที่นักปั่นชาวไทยเลือก เพราะเขาไม่ได้เป็นตัวเต็งของการแข่ง ไม่ได้มีทีมคอยส่งข่าวผ่านทางวิทยุให้ เรียกว่าถ้าเริ่มปั่นแล้วคือการผจญภัยเพียงลำพังคนเดียว การเลือกกลยุทธ์แบบนี้ดูมีความเสี่ยงไม่น้อย
เพราะ ‘กฎทองคำ’ (Golden Rule) ของจักรยานโรดเรซมีหลายอย่างมาก ตั้งแต่การเก็บถนอมแรงของตัวเอง, รู้จักคู่แข่ง, รู้จักช่องว่าง, จู่โจมอย่างมีเป้าหมาย, รู้จักสายลม, รู้จักแรงตัวเอง, ศึกษาเส้นชัย และประเมินระยะทางก่อนจะถึงเส้นชัย
แต่เหมือนเฟรมจะคิดอย่างเดียวคือต้องการไปให้เร็วที่สุด ท้าทายกับเหล่าสุดยอดนักปั่นระดับโลกในรายการที่ถือเป็นสุดยอดของโลกอย่างโอลิมปิก
ดูกันว่าจะไปได้ไกลถึงไหนกัน
ปรากฏว่าเฟรมสร้างความประทับใจให้แก่แฟนกีฬาชาวไทย และอาจรวมถึงแฟนกีฬาทั่วโลกด้วย เพราะแม้แต่ผู้บรรยายการแข่งขันภาษาอังกฤษก็เอ่ยชื่อและเอ่ยปากถึงหลายครั้ง ตลอดระยะทางที่เขายืนหยัดกับกลุ่มนำในเวลาร่วม 4 ชั่วโมง
มันเป็น 4 ชั่วโมงที่ร้อนแรงที่สุดในชีวิตของเฟรมที่ทำให้ทุกคนที่ได้ดูต่างรับรู้ได้ถึงความร้อนแรงจากการเผาหัวใจของเขา
ที่สุดแล้วถึงจะแผ่วก่อนจะต้องออกจากการแข่งขัน เพราะตามกฎจะตัดจบนักกีฬาที่ไม่มีโอกาสตามกลุ่มนำได้ทัน แต่สิ่งที่เด็กไทยคนนี้ทำลงไปก็นับว่ายิ่งใหญ่มากแล้ว
คนที่มีความฝันจะเป็นนักกีฬาโอลิมปิก ฝึกฝนตัวเองตลอด 20 ปี ทุ่มเทเสียสละไม่รู้เท่าไร
ชัยชนะไม่ได้อยู่ที่เส้นชัยเพียงอย่างเดียวเสมอไป
ก็เหมือนที่เขาบอกไว้ก่อนแข่ง “ผลจะเป็นอย่างไรมันไม่สำคัญเท่าการทำอย่างเต็มที่ที่สุด ไม่มีอะไรให้เสียใจหรือเสียดาย ลุยครับ ไทยแลนด์!”
นักปั่นจักรยานตัวเล็กๆ จากไทยที่สร้าง ‘ตำนาน’ ของตัวเองในการแข่งขันระดับโลก
นี่คือคอนเทนต์ที่ใช้เวลาเตรียมตัวมาทั้งชีวิต ไม่มีอะไรจะร้อนแรงและยิ่งใหญ่ไปกว่านี้อีกแล้ว
และหวังว่าโอลิมปิกครั้งหน้า เขาจะได้กลับมาใหม่อีกครั้ง
รอติดตามอยู่นะเฟรม
3 เรื่องน่ารู้เกี่ยวกับ เฟรม ธนาคาร
- หลงรักการปั่นจักรยานตั้งแต่ 5 ขวบ และปั่นมาโดยตลอด
- เริ่มติดทีมชาติไทยในปี 2560 ก่อนจะลงแข่งขันในระดับนานาชาติ
- ช่อง TikTok ส่วนตัว ไปตามคอนเทนต์กันต่อได้ที่ https://www.tiktok.com/@frame_thnk
แก้ไขล่าสุดวันที่ 4 สิงหาคม 2567 เวลา 18.16 น.
ขออภัยสำหรับข้อมูลที่คลาดเคลื่อน