วันนี้ (19 กุมภาพันธ์) ปารีณา ไกรคุปต์ ส.ส. ราชบุรี พรรคพลังประชารัฐ เปิดเผยภายหลังการประชุมคณะกรรมาธิการการป้องกันและปราบปรามการทุจริตประพฤติมิชอบ สภาผู้แทนราษฎร ภายหลังจากที่ได้เชิญ วีระ สมความคิด มาให้ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับคดีที่ดินและการดำเนินการของเจ้าหน้าที่ในการดำเนินคดีว่า การให้ข้อมูลของวีระ นำมาซึ่งการตรวจสอบและดำเนินคดีกับ สมพร จึงรุ่งเรืองกิจ มารดาของ ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ ที่ได้มีการบุกรุกป่าพื้นที่ 500 ไร่ ซึ่งมีพื้นที่อยู่ไม่ไกลกับที่ดินของตนเอง โดยเรื่องนี้ถูกนำเข้าสู่การพิจารณาของกรรมาธิการฯ แล้ว
พล.ต.อ. เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส ประธานกรรมาธิการฯ ได้มอบหมายให้ตนเองเป็นผู้ไปตรวจสอบ ซึ่งที่ดินดังกล่าวเป็นที่ดินประเภทเดียวกับของตนเองที่ถูกดำเนินคดี ส่วนจะเทียบเคียงกับที่ดินของตนเองหรือไม่นั้น ส่วนตัวได้มีการยืนยันความบริสุทธิ์ใจไปแล้ว และเรื่องของตนเองก็ได้เข้าสู่กระบวนการยุติธรรมแล้ว
ส่วนเรื่องของมารดาธนาธรเชื่อว่า กรมป่าไม้ทราบดีอยู่แล้วว่าพื้นที่ใดรุกป่าสงวนบ้าง ขอยืนยันว่า การตรวจสอบไม่ได้เกี่ยวข้องกับการที่ที่ดินของตนเอง ซึ่งเป็นประเภทเดียวกัน ถูกดำเนินคดี แล้วจะต้องมาตรวจสอบคนอื่น อีกทั้งยังมีการร้องเรียนเรื่องนี้เข้ามาแล้วด้วย
ทั้งนี้ กรณีที่ดินของมารดาธนาธร จะเอามาเทียบเคียงกับคดีของตนเองว่า จะมีความผิดหรือไม่นั้นไม่ได้ แม้จะเป็นที่ดินป่าสงวนเหมือนกัน พื้นที่ ภบท.5 เหมือนกัน แต่อาจมีข้อเท็จจริงหรือพฤติการณ์ที่แตกต่างกัน ต้องไปว่ากันที่กระบวนการยุติธรรม โดยจะลงพื้นที่พร้อมกับเจ้าหน้าที่กรมป่าไม้ เพื่อตรวจสอบที่ดินดังกล่าวด้วยตัวเอง
สำหรับความคืบหน้าคดีของตนเองนั้น ขอให้ ทศพล เพ็งส้ม ซึ่งเป็นทนายความที่รับผิดชอบคดีนี้ เป็นผู้ตอบคำถาม เนื่องจากเกรงว่าจะกระทบกับรูปคดีได้
ขณะที่ วีระ สมความคิด เลขาธิการเครือข่ายประชาชนต่อต้านคอร์รัปชัน เปิดเผยภายหลังการประชุมคณะกรรมาธิการฯ ว่า ตนเองพร้อมตรวจสอบที่ดินของมารดาธนาธร หากมีผู้ร้องเรียนเข้ามา แต่ต้องมีข้อมูลว่า เจ้าหน้าที่ไม่ดำเนินการอย่างไร ตนจึงจะเข้าไปช่วยตรวจสอบ เพื่อให้เกิดความเป็นธรรม โดยเรื่องนี้คนที่รู้ดีที่สุดคือปารีณา ซึ่งเป็นกรรมาธิการฯ และกำลังถูกดำเนินคดีในเรื่องเดียวกัน
เมื่อถามย้ำว่า เรื่องนี้เป็นการเลือกปฏิบัติตรวจสอบเฉพาะกรณีปารีณาหรือไม่ วีระยืนยันว่า ไม่มีใครร้องเรียนมารดาของธนาธรเข้ามา จึงไม่ได้มีการตรวจสอบ
ส่วนกรณีที่สำนักงานการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม หรือ ส.ป.ก. ยังไม่มีการดำเนินคดีกับปารีณานั้น วีระย้ำว่า เป็นหน้าที่ของกรรมาธิการฯ ที่ต้องเข้าไปตรวจสอบกับทาง ส.ป.ก. แต่ส่วนตัวได้มีการเอาผิดกับ ส.ป.ก. ในฐานละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ไปแล้ว พร้อมย้ำว่า ส.ป.ก. มีอำนาจดำเนินคดีกับปารีณาได้ เพราะเคยมีคำพิพากษาศาลฎีกาที่เป็นแนวปฏิบัติในคดีก่อนหน้านี้
พิสูจน์อักษร: ภาวิกา ขันติศรีสกุล