เมื่อวันที่ 26 สิงหาคม 2562 ที่สโมสรทหารบก วิภาวดี จุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ กล่าวระหว่างปาฐกถาในหัวข้อยุทธศาสตร์เศรษฐกิจภายใต้รัฐบาลใหม่ งานดินเนอร์ทอล์กของสมาคมผู้สื่อข่าวเศรษฐกิจ โดยเปิดเผยถึงความคืบหน้าการประกันรายได้ปาล์มน้ำมันว่าจะประกันรายได้เกษตรกรชาวสวนปาล์มที่กิโลกรัมละ 4 บาท เนื้อน้ำมัน 18% ครอบครัวละไม่เกิน 25 ไร่ ใช้วงเงินประมาณ 10,000 ล้านบาท และจะนำเข้าสู่คณะรัฐมนตรีวันที่ 27 สิงหาคมนี้
ถ้าผ่านแล้วเกษตรกรจะรับเงินงวดแรก ซึ่งจะตกถึงมือเกษตรกรต้นเดือนตุลาคม 2562 แต่ก็มีมาตรการอื่นควบคู่กันไปด้วย เช่น ต้องมีการดำเนินเรื่องเร่งรัดเกี่ยวกับการดูดซับผลผลิตออกจากตลาด โดยมาตรการที่เข้า ครม. จะกำหนดให้ภายในสิ้นปีนี้น้ำมันไบโอดีเซล B10 เป็นภาคบังคับ และ B20 เป็นทางเลือกเพื่อให้ดีมานด์-ซัพพลายผลผลิตปาล์มเข้าสู่ดุลภาพ มีความเสถียรขึ้น และจะช่วยให้ราคาผลปาล์มในตลาดของเกษตรกรสามารถยังชีพได้
และวันนี้แค่รัฐบาลประกาศว่าจะเอาเรื่องมาตรการเข้า ครม. พร้อมมาตรการเสริม ทำให้ตอนนี้ปาล์มเพิ่มขึ้นไปเป็นราคา 3.20 บาทแล้ว โดยถ้าถึง 4 บาทเมื่อใดรัฐบาลก็ไม่ต้องชดเชยเงินส่วนต่างและไม่ต้องมีภาระในเรื่องของงบประมาณ เพราะราคาปาล์มในตลาดจะเดินได้ด้วยตัวของมันเอง และต่อจากนี้ไปก็จะมีมาตรการอื่นมาเสริม เช่น เร่งรัดการส่งออกน้ำมันปาล์ม รวมทั้งป้องกันการลักลอบนำเข้าน้ำมันปาล์ม ซึ่งขณะนี้มีการจัดทีมดำเนินการเรื่องนี้เรียบร้อยแล้ว หากพบว่ามีการลักลอบนำเข้าเพิ่มปริมาณในประเทศทำให้ราคาตกเมื่อใด จะจับกุมดำเนินคดีทันที รวมทั้งมาตรการอื่นๆ ด้วย
ส่วนเรื่องข้าวในโครงการประกันรายได้ข้าว ใช้งบประมาณ 2.1 หมื่นล้านบาท โดยจะเข้าสู่ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีวันที่ 27 สิงหาคมนี้เช่นเดียวกัน และถ้าคณะรัฐมนตรีอนุมัติ อย่างน้อยหลักประกันในเรื่องของข้าวและปาล์มก็จะเดินหน้าเข้าสู่โหมดที่ปรากฏเป็นรูปธรรม
สำหรับสินค้าเกษตร 5 อย่างที่รัฐจะประกันรายได้คือ ข้าว, ปาล์ม, ยาง, มันสำปะหลัง และข้าวโพด โดยยางพารานั้นเป็นส่วนของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์จะเป็นต้นเรื่องในการเสนอเข้าที่ประชุม ครม. โดยจะประกันรายได้ยางพาราที่ 60 บาท/กิโลกรัม แต่ไม่เกิน 25 ไร่ จากนั้นจะมีการประกันรายได้มันสำปะหลังและข้าวโพดไปตามลำดับ
พิสูจน์อักษร: พรนภัส ชำนาญค้า