วันนี้ (14 พฤษภาคม) บรรยากาศการแถลงข่าวการจัดงาน ‘The Celebration : Right to Love’ ที่ลานดิสคัฟเวอรี่ พลาซ่า สยามดิสคัฟเวอรี่ ซึ่งจัดโดยสยามพิวรรธน์และเครือข่ายภาคประชาสังคม โดยมีบุคคลที่มีชื่อเสียงทั้งภาครัฐและภาคเอกชนมาร่วมงานจำนวนมาก
แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าพรรคเพื่อไทย ในฐานะประธานเปิดงาน กล่าวว่า ปีนี้มีการจัดงาน Pride Month ในหลายพื้นที่ของประเทศไทย แสดงให้เห็นว่าเราเปิดรับความหลากหลายทางเพศอย่างแท้จริง แต่กว่าจะมาถึงวันนี้ได้ก็มีการต่อสู้กันมาอย่างยาวนานหลายภาคส่วน
พรรคเพื่อไทยยืนยันในเรื่องนี้มาตั้งแต่สมัยพรรคไทยรักไทย 2544 เห็นว่าการแต่งงานเป็นสิทธิของทุกคน ในสมัยรัฐบาล ทักษิณ ชินวัตร เคยเสนอให้จดทะเบียนสมรสได้ทุกเพศ และในสมัยรัฐบาล ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ก็ได้เสนอกฎหมายคู่ชีวิตในสภา แต่ก็ตกไปเพราะการรัฐประหาร จนกลับมาเป็นกฎหมายสมรสเท่าเทียมในสมัยรัฐบาล เศรษฐา ทวีสิน การต่อสู้เกือบ 23 ปีนี้เป็นผลงานของทุกๆ คน และภาครัฐมีหน้าที่ออกกฎหมายมาเพื่อคุ้มครองประชาชนทุกคน
แพทองธารเชื่อว่าเราจะได้มีโอกาสจัดงาน World Pride 2030 คาดว่าจะทำให้เศรษฐกิจดี ชาวต่างชาติจะเห็นว่าประเทศไทยเที่ยวได้ทุกเดือน มาแล้วมีความสุข ไม่ใช่แค่ใน กทม. แต่เป็นโอกาสของจังหวัดอื่นๆ เช่น เชียงใหม่, ภูเก็ต, พัทยา, นครราชสีมา ที่จะรองรับนักท่องเที่ยวด้วย ซึ่งงานในวันนี้ถือเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีที่ชาวต่างชาติได้รับรู้
เมื่อผู้สื่อข่าวถามต่อไปว่าพรรคเพื่อไทยจะผลักดันร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) รับรองอัตลักษณ์ทางเพศสภาพ การแสดงออกทางเพศสภาพ และคุณลักษณะทางเพศ ที่จะให้สิทธิผู้ที่มีความหลากหลายทางเพศเปลี่ยนคำนำหน้านามได้ตามเพศสภาพให้สำเร็จก่อนงาน World Pride 2030 หรือไม่ แพทองธารยอมรับว่าส่วนตัวก็คาดหวังให้เป็นเช่นนั้น และพรรคเพื่อไทยต้องผลักดันในหลายเรื่องๆ ไม่ใช่แค่การผลักดันในเรื่องนี้ ซึ่งยังมีรายละเอียดยิบย่อยอีกหลายประการ ทั้งเรื่องยุติการเลือกปฏิบัติและความเท่าเทียมในด้านอื่นที่ต้องผลักดันคู่ขนานไปด้วย
“ปีที่แล้วมีคนมาร่วมงานเป็นแสนคน ในปีนี้ก็ได้ยินว่าขบวนพาเหรดก็ยิ่งใหญ่ และมีจำนวนมากขึ้นกว่าปีที่แล้ว ส่วนตัวก็รอติดตามอยู่เช่นเดียวกัน” แพทองธารกล่าว
นอกจากนี้ภาคประชาชนยังมีการจัดงาน Pride Parade ที่จะมี เศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี มาร่วมด้วย และคาดว่าการเป็นเจ้าภาพ World Pride 2030 จะดึงดูดผู้มาร่วมงานจากทั่วโลกนับล้าน
