×

ปดิพัทธ์พร้อมรับทุกบทบาทหากพ้นตำแหน่งรองประธานสภา รับรู้สึกแปลก พรรคชนะเลือกตั้งไม่ได้ทั้งตั้งรัฐบาลและตำแหน่งในสภา

โดย THE STANDARD TEAM
09.08.2023
  • LOADING...
ปดิพัทธ์ สันติภาดา

วันนี้ (9 สิงหาคม) ปดิพัทธ์ สันติภาดา รองประธานสภาผู้แทนราษฎรคนที่ 1 กล่าวถึงกรณีที่ วิษณุ เครืองาม ระบุว่า ตามรัฐธรรมนูญหากพรรคก้าวไกลเป็นฝ่ายค้าน ปดิพัทธ์จะต้องออกจากตำแหน่งรองประธานสภาฯ ว่า สิ่งที่วิษณุพูดถูกต้องตามรัฐธรรมนูญ ซึ่งตนก็ไม่ทราบว่าเหตุใดรัฐธรรมนูญ 2560 จึงเขียนแบบนี้ ตนก็ไม่ทราบเจตนารมณ์ ซึ่งประเทศอื่นก็ไม่ได้ห้ามเอาไว้

 

แต่ก็แน่นอนว่าในรัฐธรรมนูญได้บันทึกเรื่องนี้ไว้อย่างชัดเจน ส่วนพรรคก้าวไกลต้องให้ทางพรรคหารือกัน เพราะกลายเป็นว่าจะต้องเลือกตำแหน่งใดตำแหน่งหนึ่ง เนื่องจากตำแหน่งผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎรจะต้องไม่มีสมาชิกพรรคที่มีตำแหน่งในคณะรัฐมนตรี (ครม.) ประธานสภาผู้แทนราษฎร และรองประธานสภาผู้แทนราษฎร

 

ซึ่งตนไม่ทราบรายละเอียดว่าในพรรคก้าวไกลขณะนี้มีการหารือกันหรือยัง เนื่องจากตนไม่ได้เข้าประชุมพรรค และเรื่องนี้เป็นหน้าที่ของกรรมการบริหารพรรค 

 

เมื่อถามว่ามีการเตรียมตัวอย่างไรบ้าง ปดิพัทธ์กล่าวว่าตนพร้อมในทุกบทบาท ตอนนี้ยังเป็นรองประธานสภาผู้แทนราษฎรอยู่ก็ได้ทำตามวิสัยทัศน์ที่ได้ประกาศเอาไว้ให้เรียบร้อย ทั้ง Smart และ Open Parliament และหากไม่เป็นรองประธานสภาฯ ก็ยังมีบทบาทของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (สส.) และกรรมาธิการสภาผู้แทนราษฎร ซึ่งจะทำหน้าที่ได้อย่างเต็มภาคภูมิเช่นกัน ตนไม่ได้รู้สึกเสียดาย

 

เมื่อถามว่ากรณีที่ พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล ถูกสั่งหยุดปฏิบัติหน้าที่ หากรับตำแหน่งผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎรจะมีเงื่อนไขอย่างไรนั้น ปดิพัทธ์กล่าวว่าเดี๋ยวค่อยว่ากัน เพราะขณะนี้เรื่องของพิธาก็ยังมีความไม่แน่นอน ต้องปล่อยให้เป็นไปตามกระบวนการของศาลรัฐธรรมนูญ

 

เมื่อถามว่ามีโอกาสเปลี่ยนตัวหัวหน้าพรรคเพื่อรับตำแหน่งผู้นำฝ่ายค้านหรือไม่ ปดิพัทธ์กล่าวว่าตนไม่ทราบ

 

เมื่อถามว่าคิดเห็นอย่างไรเมื่อเพื่อไทยไปเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลแล้ว ปดิพัทธ์กล่าวว่าขณะนี้ขอโฟกัสที่งานของตัวเอง และย้ำว่าไม่มีความเสียใจ

 

เมื่อถามว่ายังหวังหรือไม่ว่าพรรคเพื่อไทยจะกลับมาขอร่วมรัฐบาลกับพรรคก้าวไกล ปดิพัทธ์กล่าวว่าตนไม่มีความเห็น ให้เป็นงานของฝ่ายเจรจาพรรคก้าวไกลที่จะไปเจรจากันเอง

 

เมื่อถามว่าพรรคเพื่อไทยพร้อมขอโทษและขอขมาพรรคก้าวไกลเพื่อให้ประเทศเดินหน้าไปได้นั้น ปดิพัทธ์กล่าวย้ำว่า ทุกอย่างต้องเป็นเรื่องของทีมเจรจา ตนเป็นคนวงนอกมากๆ ก็ขอทำงานของตัวเอง หากมี 1 วัน ก็ทำ 1 วัน หากมี 4  ปี ก็ทำ 4 ปี ตนก็ไม่ได้คิดอะไร และคิดว่าตอนนี้หลายอย่างก็ผลักดันได้เร็วกว่าที่คิด ดังนั้นตนเองก็ยังทำงานเต็มที่ไม่ว่าจะอยู่ตรงไหนก็ตาม

 

“แต่ก็รู้สึกแปลกๆ ที่พรรคอันดับ 1 ที่ชนะการเลือกตั้ง มีเสียงอันดับ 1 ไม่ได้เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล ไม่ได้เป็นประธานสภาผู้แทนราษฎร ไม่ได้เป็นรองประธานสภาผู้แทนราษฎร และคิดว่าความแปลกพวกนี้เกิดจากรัฐธรรมนูญปี 60 กับการสืบทอดอำนาจของ คสช.” ปดิพัทธ์กล่าว

 

เมื่อถามว่ารู้สึกว่าพรรคก้าวไกลพลาดตั้งแต่ต้นที่ปล่อยตำแหน่งประธานสภาผู้แทนราษฎรให้กับพรรคอื่นหรือไม่ ปดิพัทธ์ระบุว่าไม่มีอะไรพลาด ทุกอย่างเป็นการเจรจาที่ดีที่สุดในตอนนั้น และอยากบอกกับประชาชนว่าการเมืองตอนนี้หลายท่านก็เครียด เพราะมีการเปลี่ยนแปลงรายวัน ก็อยากให้ติดตามการเมืองและเชื่อใจว่ากระบวนการต่างๆ เดินหน้าได้ พรรคที่แต่ละท่านเลือกมาก็ทำตามสัญญาที่ให้ไว้กับประชาชน ขอให้ประชาชนจับตาดูและตัดสิน ไม่ต้องเครียดมากเพราะยังมีเรื่องใหญ่ๆ อีกเยอะ

 

หากมีการแก้ไขรัฐธรรมนูญเพื่อยกร่างใหม่ก็ต้องมีการทำประชามติหลายรอบ จะต้องมีเรื่องการตั้งสภาร่างรัฐธรรมนูญ (สสร.) จากนี้จึงเป็นสิ่งที่ตื่นเต้นที่ประชาชนจะเข้ามามีส่วนร่วมอีกมาก

  • LOADING...

READ MORE




Latest Stories

Close Advertising