การระบาดของโควิดในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา เป็นจุดเริ่มต้นของกระแสความนิยมเอาต์ดอร์ในประเทศไทย เพราะในช่วงเวลานั้น ผู้คนไม่สามารถไปทำกิจกรรมต่างๆ ได้ ไม่ว่าจะเป็นการเดินทางท่องเที่ยว การเล่นกีฬา และกิจกรรมอื่นๆ และเมื่อเริ่มคลายล็อกตามมาตรการต่างๆ จึงทำให้กิจกรรมเอาต์ดอร์ได้รับความนิยมอย่างรวดเร็ว
“กระแสดังกล่าวได้ทำให้เราเปิด Outdoor Botanica ขึ้นมา เนื่องจากร้านค้าของเราทั้งหมดที่อยู่ตามห้างสรรพสินค้าไม่สามารถเปิดขายได้ เราจึงได้เนรมิตโกดังที่อยู่ชั้นล่างของสำนักงานโดยมีพื้นที่กว่า 2,500 ตารางเมตรในการทำเป็นร้าน ซึ่งนี่คือวิธีการปรับตัวของเราในวิกฤตครั้งนั้น” ชาร์ลส ปิณฑานนท์ ผู้บริหาร Element 72/Outdoor Botanica กล่าวกับ THE STANDARD WEALTH
ข่าวที่เกี่ยวข้อง:
- กระแส ‘แคมปิ้งฟีเวอร์’ ธุรกิจแห่สต๊อกสินค้า-งัดจุดขายรับไฮซีซัน ฟากร้านเช่าอุปกรณ์ยอดจองคิวยาวถึงปลายปี
- กระแส ‘แคมปิ้ง’ ญี่ปุ่นเริ่มคึก เจ้าบ้านผุดธุรกิจให้เช่ารถตู้-อุปกรณ์ครบวงจร แพ็กเกจเริ่มต้น 1.9 แสนบาทต่อวัน
- ไม่ต้องอยู่ในกรง! JR-EAST เล็งออกแพ็กเกจใหม่ให้ผู้โดยสารเดินทางกับ ‘สุนัขคู่ใจ’ ในที่นั่งติดกันบน ‘รถไฟชินคันเซน’ ได้
ชาร์ลสกล่าวต่อว่า วิกฤตครั้งนั้นทำให้ต้องหันไปช่องทางออนไลน์ด้วย ซึ่งได้สร้างโอกาสใหม่ๆ ให้กับธุรกิจเพราะลูกค้าสามารถสั่งซื้อจากที่บ้านได้
สิ่งที่ต้องจับตามองคือตลาดแคมปิ้งยังมีโอกาสเติบโตต่อเนื่อง ไม่ต่ำกว่า 10% ในแต่ละปี ซึ่งสอดคล้องกับ The Business Research Company ที่รายงานว่า ในปี 2565 มูลค่าตลาดการท่องเที่ยวสไตล์แคมปิ้งทั่วโลกจะอยู่ที่ 6.89 หมื่นล้านดอลลาร์ หรือกว่า 2.3 ล้านล้านบาทในปี 2569
ซึ่งในส่วนของการแข่งขันและการเติบโตของธุรกิจนำเข้าสินค้าเอาต์ดอร์ในประเทศไทยนั้น การเติบโตยังเป็นแบบทวีคูณจากตลาดโลก เนื่องจากว่ายังเป็นตลาดใหม่ และเพิ่งอยู่ในจุดเริ่มต้น
โดยไทยนั้นถือเป็นศูนย์กลางของการท่องเที่ยว ซึ่งส่วนใหญ่จะเน้นไปที่การท่องเที่ยวทะเลมากกว่าภูเขา แต่ในปัจจุบันเราได้มีรูปแบบการท่องเที่ยวแบบ Glamour Camping คือ การไปเที่ยวแคมปิ้งแบบลักชัวรีสไตล์ไทยๆ
ขณะที่คนไทยมีแนวทางของตัวเอง โดยจะรับวัฒนธรรมจากประเทศต่างๆ ทั้งจากญี่ปุ่น เกาหลี ยุโรป แล้วมาปรับให้เข้าตามวัฒนธรรมของตัวเอง เช่น ที่พักต้องมีห้องน้ำที่สะอาดเหมือนโรงแรมห้าดาว บางที่จะมีสระว่ายน้ำส่วนตัวไว้ข้างๆ แคมป์ นอกจากจะทำให้คนไทยเที่ยวเองแล้ว ยังสามารถรองรับนักท่องเที่ยวจากประเทศต่างๆ ให้มาเที่ยว มาสัมผัสประสบการณ์ Glamour Camping ในแบบไทยๆ ให้แพร่หลายและได้รับความนิยมต่อไป
อีกหนึ่งดัชนีชี้วัดที่สามารถบ่งบอกถึงความนิยมของการท่องเที่ยวแคมปิ้งในประเทศไทย คือจำนวนลานกางเต็นท์ทั่วประเทศที่มีอยู่หลายพันแห่ง และหากเจาะลงในพื้นที่ใกล้กรุงเทพฯ (ไม่เกิน 150 กิโลเมตร) จะมีลานกางเต็นท์เอกชนมากถึง 500 ลาน ซึ่งมีกลุ่ม Gen Y เป็นกลุ่มคนหลักๆ ที่ขับเคลื่อนธุรกิจเอาต์ดอร์ให้เติบโต
สำหรับเทรนด์ที่มองเห็นในปี 2566 คือพฤติกรรมของคนไทยในการเลือกซื้อสินค้า จะต้องสามารถใช้ประโยชน์คุ้มค่ากับเงินที่เสียไป คือต้องสามารถนำไปใช้ได้หลายฟังก์ชัน เช่น เมื่อก่อนจะต้องใส่กางเกงผ้าวูล ปัจจุบันก็จะเปลี่ยนมาใส่กางเกงที่มีเนื้อผ้าที่สวมใส่สบายไปทำกิจกรรมอื่นๆ หลังเลิกงานได้ด้วยเช่นกัน
ดังนั้นทาง Element 72/Outdoor Botanica จึงจะเน้นนำสินค้าที่ตอบโจทย์พฤติกรรมเข้ามาทำตลาด เช่น Power Bank ที่สามารถชาร์จไฟโดยตรงได้จากแสงอาทิตย์ด้วยการใช้ Solar Panel ในการดึงพลังงานแสงอาทิตย์แปลงเป็นไฟฟ้า หรือ กระเป๋าเป้ ที่ใช้ในชีวิตประจำวัน นอกจากจะมีดีไซน์ที่สวยงามแล้วยังต้องมีฟังก์ชันที่ตอบโจทย์ความต้องการในการจัดเก็บอุปกรณ์ต่างๆ
“อย่างที่ทราบกันดีอยู่แล้วว่าภาพรวมเศรษฐกิจในปี 2566 ไม่สู้จะดีนัก จึงทำให้ต้องระมัดระวังมากกว่าปกติ แต่เรายังมองเห็นโอกาสในการเติบโตอยู่บ้าง โดยเราจะขยายกลุ่มเป้าหมายไปยังประเทศอื่นๆ ในภูมิภาคนี้ เพราะประเทศไทยเป็นศูนย์กลางของการท่องเที่ยวและช้อปปิ้ง ตอนนี้ทุกประเทศก็เปิดให้เดินทางได้แล้ว เราเตรียมทำการตลาดเพื่อรองรับการเข้ามาของเพื่อนบ้านประเทศต่างๆ ให้สามารถมาเลือกซื้อของกับเราที่เดียวได้ครบทุกแบรนด์ และหวังเป็นเจ้าตลาดของสินค้า Urban Outdoor Lifestyle ของภูมิภาคนี้” ผู้บริหาร Element 72/Outdoor Botanica กล่าว
