×

รีแคปชีวิต 2022 กับ 4 สาว อร, เนย, ก่อน และ ตาหวาน ก่อนออกผจญภัยสู่การเดินทางครั้งใหม่ของชีวิต

05.01.2023
  • LOADING...
BNK48

นับตั้งแต่ 19 สาวสมาชิกรุ่น 1 หมดสัญญากับ BNK48 ไปเมื่อวันที่ 21 ธันวาคม 2022 จากที่ได้ติดตามความเคลื่อนไหวอดีตสมาชิกทั้งหมดผ่านโซเชียลมีเดีย พบว่าแต่ละคนได้เริ่มออกเดินทางสู่ชีวิตบนเส้นทางใหม่กันไปบ้างแล้ว 

 

ตั้งแต่ ‘คุณไข่’ ไข่มุก-วรัทยา ดีสมเลิศ เปิดร้านค้ากระเป๋าแฮนด์เมดในชื่อ ‘wendy shop’ และ เจนนิษฐ์ โอ่ประเสริฐ ที่นอกจากจะยังเปิดคอนแทครับงานในวงการบันเทิง ยังผันตัวเพิ่มอาชีพเสริมเป็นช่างสัก และมีชื่อร้านน่ารักๆ ว่า ‘anonimousse’ (แอโนนิมูส)

 

BNK48

 

ขณะที่ 4 สาว อร-พัศชนันท์ เจียจิรโชติ, เนย-กานต์ธีรา วัชรทัศนกุล, ตาหวาน-อิสราภา ธวัชภักดี และ ก่อน-วฑูศิริ ภูวปัญญาสิริ ได้รวมตัวกันจัดกิจกรรมแฟนมีตเล็กๆ ในชื่อ ‘Meet Me’ เพื่อมอบของขวัญให้กับแฟนคลับเนื่องในโอกาสวันขึ้นปีใหม่ และใช้ช่วงเวลาตลอดช่วงเย็นวันนั้นในการทำกิจกรรมแจกของและพูดคุยกับแฟนคลับ ที่อบอวลไปด้วยความสนุกสนานและประทับใจส่งท้ายปี

 

BNK48

 

และเป็นอีกครั้งที่ THE STANDARD POP ได้มีโอกาสแวะเวียนไปสวัสดีปีใหม่ พร้อมเก็บบทสัมภาษณ์ของทั้ง 4 สาว ที่สรุปชีวิตช่วงปี 2022 ไปจนถึงแพลนอนาคตปี 2023 มาฝากแฟนคลับของพวกเธอได้อ่าน เผื่อจะช่วยให้หายคิดถึงกันในระยะนี้ได้บ้าง

 

BNK48

 

ย้อนทบทวนความทรงจำกับ ‘สเตจอำลาเธียเตอร์’ การใช้นามสกุล BNK48 ครั้งสุดท้าย

เนย: ความรู้สึก ณ ตอนนั้นเหมือนคนอกหัก รู้สึกอึมครึม เพราะรู้อยู่ในใจว่าสเตจวันนั้นคือครั้งสุดท้ายแล้วจริงๆ คือก่อนหน้านั้นเราขึ้นคอนเสิร์ต BNK48 1st Generation Concert “Dan D’1ion” เราไม่ได้รู้สึกอะไรมากมาย แต่ว่าวันนั้นมันเป็นวันหมดสัญญาของพวกเราจริงๆ เราจะไม่มีโอกาสได้สัมผัสบรรยากาศแบบนี้อีก 

 

ช่วงแรกที่เราบูมกันก่อนขึ้นเพลง Shonichi น้ำตาก็คือมาเลย เพราะมันเป็นการบูมครั้งสุดท้ายแล้วจริงๆ ช่วงแรกๆ มันก็สนุก แต่พอสเตจใกล้จบมันอึมครึมกับตัวเอง มันรู้สึกเหมือนอกหัก แต่เราก็พยายามจะเก็บโมเมนต์ดีๆ ในวันนั้นไว้ให้มากที่สุด เพื่อให้อยู่ในความทรงจำไปนานๆ

 

ตาหวาน: ของตาหวานคล้ายกับเนย เพราะเราต่างก็รู้ว่าสเตจในวันที่ 21 ธันวาคม จะเป็นครั้งสุดท้ายจริงๆ ที่เราจะได้มีโอกาสมองจากเวทีลงไปเจอแฟนคลับทุกคน ส่วนสเตจจบมันคือสัญญาณว่าเราจะได้ขึ้นกับเพื่อนๆ ครั้งสุดท้ายแล้ว เพราะที่ผ่านมาเราหลอกตัวเองมาตลอด ตั้งแต่งานจับมือ งานเปิดตัวเพลง จนถึงงานคอนเสิร์ตใหญ่ ว่ามันจะยังมีวันที่พวกเราจะได้เจอกันอีก 

 

แต่พอถึงวันนั้นจริงๆ ช่วงเช้าวันนั้นจำได้ว่ามันหวิวๆ วันนั้นพ่อเปิดเพลงในรถผ่านวิทยุ แล้วเพลงที่เราได้ยินมันบังเอิญว่าเป็นเพลงที่สื่อถึงความทรงจำ ความผูกพัน ทำให้เรานั่งน้ำตาไหลในรถอยู่พักใหญ่ๆ เลย เพราะมันพาให้เราได้นั่งนึกถึงทุกอย่างที่พวกเราทำมาด้วยกันกับเพื่อน ในหัวจะนึกอยู่ตลอดว่านั่นจะเป็นครั้งสุดท้ายที่เราจะได้อำลาเวทีกับเพื่อนๆ ทุกคน

 

ก่อน: ตื่นขึ้นมาวันนั้นก็คิดอยู่กับตัวเองว่ามันคือวันสุดท้ายแล้วเหรอที่เราจะได้ใช้นามสกุลของ BNK48 ช่วงเวลาก่อนหน้านั้น 6 ปี จะบอกว่านานก็ไม่นาน จะบอกว่าสั้นก็ไม่เชิง เพราะมันเป็นห้วงเวลาที่นำพาให้พวกเราได้ผ่านอะไรมาเยอะมากๆ พอถึงวันนั้นจริงๆ มันพาให้เราไปนึกถึงวันแรกที่เข้ามา ได้มองเห็นว่าเด็กคนนั้นที่ขี้แย ทำอะไรไม่เป็น กลายมาเป็นฉันในวันนี้ที่เติบโตขึ้นเยอะกว่าเดิม 

 

และวันนั้นมันก็เต็มไปด้วยบรยากาศเคว้งคว้าง จากวันที่เราเคยอยู่ด้วยกันในนาม BNK48 มาตลอดหลายปี จะมีความสุขหรือล้มลุกคลุกคลานก็ยังมีเพื่อนๆ คอยอยู่เคียงข้าง มันเลยแอบคิดอย่างใจหายว่าต่อไปจะมีใครอยู่เป็นเพื่อนเราอีกมั้ย พูดตรงๆ กลัวไม่มีเพื่อน (หัวเราะ) แต่ถึงอย่างนั้นก็รู้สึกภูมิใจที่เราฝ่าฟันอะไรมาเยอะ จนถึงกลายมาเป็น ‘ก่อน’ ที่เติบโตและแข็งแกร่งในวันนี้

 

อร: ตัวอรค่อยๆ เก็บโมเมนต์ช่วงไตรมาสสุดท้ายของวงมาสักพักใหญ่ๆ แล้ว พอถึงวันนั้นก็บอกกับตัวเองว่ามาถึงจุดสิ้นสุดแล้วนะ ส่วนตัวไม่ได้รู้สึกโหวงเหวงมากเท่าไรนัก เพราะเรารู้ว่าอย่างไรวันนี้ก็ต้องมาถึง เราเลยเตรียมใจมาไว้ก่อนแล้ว แต่โมเมนต์ที่ชวนนึกเสียดายที่สุดคือตอนมองลงไปเวทีแล้วเจอคนดู มันทำให้เราคิดว่าเราจะมีโอกาสได้เจอกับโมเมนต์แบบนี้อีกมั้ย 

 

ช่วงเพลง Sakura อรเลยเดินมองไปรอบๆ เวที เพื่อเก็บบรรยากาศ เพราะในอนาคตเราจะไม่ได้มาขึ้นเธียเตอร์อีกแล้วแน่ๆ ในพาร์ตที่เป็นเมมเบอร์ อนาคตอาจจะขึ้น แต่อาจจะเป็นพาร์ตที่ไม่ได้เป็นเมมเบอร์แล้ว ไม่ได้ใส่ชุดเซ็มแล้ว ซึ่งเราอยู่กับมันมา 6 ปี เหมือนเราเรียน ม.1-6 ทุกอย่างกำลังเดินหน้าสู่การเริ่มต้นใหม่ มันมีความตื่นเต้นรออยู่ในโลกด้านนอก มันเป็นความรู้สึกเสียดายสิ่งเก่า ตื่นเต้นกับสิ่งใหม่ 

 

วันนั้นมันเลยไม่ได้เศร้าอะไรมากมาย เต็มที่ก็เสียดายกับบางอย่างที่เราจะไม่ได้กลับไปทำอะไรแบบนั้นแล้ว เช่น โมเมนต์ที่เราจะได้มานั่งกินข้าว ซ้อมเต้น ร้องเพลง อยู่ด้วยกัน 

 

BNK48

 

ความรู้สึกหลังจากไม่มีนามสกุล BNK48 ต่อท้ายชื่อ

 

ก่อน: รู้สึกเป็นก่อนที่โตขึ้นแบบไม่มี BNK48 มาต่อท้ายชื่อ เหมือนอย่าง 6 ปีที่ผ่านมา ก่อนหน้านั้นเราไม่มีและก็เป็นเด็กธรรมดา แต่ตอนนี้กลับมาไม่มีอีกครั้งแต่เป็นเด็กที่โตขึ้น ก็ยังแอบคิดอยู่ว่าชีวิตเราจะเป็นอย่างไรต่อ เพราะเป็นคนขี้กังวลด้วย แต่ว่าพอมันผ่านมาได้สักพักหนึ่ง ก็คิดว่านี่แหละคือสิ่งที่เราต้องฝ่าฟันมันไปให้ได้ แม้ลึกๆ จะกังวลอยู่นิดหน่อย เพราะเราเป็นคนที่ชอบวางแพลนอนาคต แต่บางทีมันก็มีบางอย่างที่ยากเกินเราจะควบคุม แต่เราก็พร้อมที่จะฝ่าฟันมันต่อไป

 

เนย: ของหนูถือว่ายังไม่ได้เติบโต แต่รู้สึกว่าจะต้องพยายามเติบโตด้วยตัวเองให้ได้ เหมือนที่ผ่านมาทุกอย่างถูกเซ็ตไว้หมดแล้ว ถ้าวงมีงาน ชื่อเราก็จะถูกใส่ไว้ในตารางงานตามงานต่างๆ ที่มีเข้ามา ทุกอย่างมันมีคนจัดการให้ 

 

แต่พอเราออกมาเราเหมือนเด็กตัวน้อยๆ ที่ยังไม่เคยได้มีประสบการณ์ลองทำงานด้วยตัวเองสักเท่าไร ตอนออกมาตอนแรกมันรู้สึกโหวงๆ นะ ปกติตื่นมาจะมีตารางงานคอยกำหนดทิศทางชีวิตเราในแต่ละวัน แต่อันนี้มันไม่มี ทำให้เราต้องเริ่มคิดแล้วว่าเราอยากจะทำอะไร อยากลองทำอะไรด้วยตัวเอง มันก็เลยเป็นช่วงเวลาที่มีอะไรให้คิดเยอะมาก ทำให้ช่วงหลายวันที่ผ่านมามันเป็นความรู้สึกโหวงๆ แหละ แต่เราต้องเติบโตด้วยตัวเองให้ได้ เราต้องเป็นผู้ใหญ่ได้แล้ว ซึ่งตามอายุจริงๆ เราคือผู้ใหญ่วัยทำงานแล้ว เพียงแต่ตอนอยู่ในวงจะมีคนคอยคุม คอยดูแล ซึ่งมันถึงเวลาที่เราต้องโตได้แล้ว 

 

ตาหวาน: ช่วงหลายวันที่ผ่านมามันมีหลายสิ่งที่ทำให้รู้สึกยังไม่ชิน เพราะเราอยู่กับสิ่งที่เรียกว่า BNK48 มา 6 ปี มันเป็นชีวิตประจำวันของเรามาตลอดที่เวลาตื่นเช้ามาต้องเช็กปฏิทิน เข้าไลน์เพื่อดูงาน แต่ตอนนี้ชีวิตเราเริ่มเข้าสู่ภาวะที่ไม่ได้เจอเพื่อน ไม่ได้เจอใครแล้วจริงๆ มันก็รู้สึกโหวงเหวง เพราะเราชินกับชีวิตประจำวันเดิมๆ ที่ทำมาตลอด 6 ปี มันเป็นสิ่งที่เราต้องยอมรับว่าตอนนี้ถึงเวลาที่เราจะต้องเติบโต เพราะเราคือคนตัดสินใจที่จะก้าวออกมาเอง เพราะฉะนั้นเราต้องเชื่อมั่นในสิ่งที่เราเลือก ในสิ่งที่เราตัดสินใจ และลงมือทำมันให้ดีที่สุด 

 

อร: ส่วนตัวเป็นคนที่ทุกคนในบริษัทหรือคนในวงจะคาดหวังว่าเป็นคนที่เตรียมพร้อมที่สุดในการออกมาผจญโลกกว้าง แต่สนามจริงก็คือสนามจริง มันมีความกังวลในนั้นเสมอ พูดตรงๆ มันกังวลในพาร์ตที่แบบ…ใน BNK48 เราก็สู้กันเอง สนามมันก็มีอยู่แค่นั้น แต่ออกไปข้างนอกมันคือสนามจริงที่กว้างมากและมีคนเก่งอยู่รายล้อม 

 

แต่สิ่งหนึ่งที่ชุบชูใจเราคือการที่เรามีคนรอบตัวที่ดี ไม่ว่าจะเป็นเพื่อน หรือคนรอบข้างที่รู้สึกว่าพวกเขาคือทีมเวิร์กที่ดีของเรา การมีแฟนคลับผู้เป็นคนซัพพอร์ตที่ดีมันทำให้หนูมั่นใจที่จะเดินต่อไปในวงการนี้ เลยรู้สึกตื่นเต้นมากกว่าที่จะได้ออกไปเผชิญกับชีวิตจริงแล้ว อันนี้เป็นสิ่งที่ท้าทาย และอยากให้กำลังใจเพื่อนทุกคน รวมถึงตัวเอง 

 

ในวงเราอาจจะใช้ความพยายามไปแล้ว 100 เปอร์เซ็นต์ แต่ข้างนอกมันต้องใช้ 300 เปอร์เซ็นต์ ต้องสู้ยิบตาและอยู่ให้ได้ เพราะนี่คือชีวิตจริง คือ Survivor Game ของจริงที่ไม่มีค่ายมาครอบ ขณะที่เราต้องจัดการชีวิตตัวเอง ดูแลแฟนคลับ มันเป็นอะไรที่ใหม่หมด เพราะเราไม่เคยต้องมาดูแลเอง ต้องรับรู้ดีเทลเองทุกอย่าง เลยแอบตื่นเต้น ปนเครียด เพราะส่วนตัวเป็นเพอร์เฟกต์ชันนิสต์ (Perfectionist) รู้สึกน้อยหน้าใครไม่ได้ อยากให้ทุกอย่างที่ลงมือทำเป็นไปตามแผน แต่สิ่งหนึ่งที่ได้เรียนรู้ในหลายวันมานี้ สิ่งที่รับมือยากมากที่สุดคือ ‘ผู้คน’ ดังนั้นถ้าเรารับมือกับคนอื่นไม่ได้ ให้หันมาจัดการกับตัวเองก็พอ

 

BNK48

 

ถอดบทเรียนชีวิตจากปี 2022

อร: รู้สึกว่าเราให้กำลังใจคนอื่นเยอะแล้ว เราควรให้กำลังใจตัวเอง ไม่ว่าอะไรก็ตาม ‘เมตตาตัวเอง’ คำนี้เหมือนจะเหมาะกับพัศชนันท์มากในตอนนี้ หนูรู้สึกว่าถึงเวลาที่เราต้องเมตตาตัวเองบ้าง ไม่งั้นเราจะรับมือทุกอย่างไม่ได้จริงๆ หรือต้องปล่อยจอยกับชีวิตมากขึ้น อยากทำอะไรก็ทำ

 

ก่อน: 2022 เป็นปีที่หนูร้องไห้บ่อยมาก หนูร้องไห้กับสิ่งเล็กๆ น้อยๆ บ่อยมาก ก่อนหน้านี้หนูพยายามจะเป็นคนที่เข้มแข็ง บอกตัวเองว่าอย่าร้องไห้ เป็นคนที่เกลียดเวลาตัวเองร้องไห้ เกลียดโมเมนต์เวลาร้องไห้ 

 

แต่หลังๆ มานี้ก็รู้สึกว่าร้องออกมาบ้างเถอะ เพราะมุมหนึ่งการร้องไห้มันไม่ได้บ่งบอกว่ามันไม่ดี หรือเราเป็นคนอ่อนแอ แต่แค่ถึงจุดหนึ่งเราต้องได้ปลดปล่อย และให้เวลากับตัวเองได้ระบายสิ่งที่ติดอยู่ในความรู้สึกออกมาบ้าง 

 

สิ่งที่ทำให้หนูเสียน้ำตาหนักมากที่สุดคือ ตอนที่เราสูญเสียน้องเม่น (ชื่อ โกกิ) ตอนนั้นก็อยู่กับพี่อร เพราะน้องเม่นเป็นสัตว์เลี้ยงตัวแรกที่หนูเลี้ยง หนูก็พยายามดูแลเขาอย่างดีมาโดยตลอด และวันหนึ่งเขาก็ป่วย มันทำให้เรารู้สึกว่าเราไม่ได้ดูแลเขาเต็มที่หรือเปล่า หลังจากนั้นเราก็ไปใช้ชีวิตตามปกติ จนวันหนึ่งเราไปออกทริปกับเพื่อนๆ สุดท้ายก่อนก็เก็บความรู้สึกไม่ไหว ปล่อยโฮออกมาเต็มที่ เป็นช่วงเวลาที่รู้สึกว่าตัวเองร้องไห้เหมือนคนบ้าเลย

 

BNK48

 

เนย: ของหนูอาจจะไม่ขอสรุป 2022 แต่ขอสรุปในภาพรวมในรอบหลายปี สิ่งที่หนูตกตะกอนได้คือ บางครั้งเราต้องเลือกแคร์เฉพาะคนที่ควรแคร์ เพื่อนรอบข้างน่าจะรู้ว่าเราเป็นคนที่พยายามจะแคร์ทุกคน เก็บทุกอย่างที่เจอมาคิดตลอด แม้ว่าสิ่งนั้นจะเป็นสิ่งไม่ดีก็ตาม และการมาอยู่ในวงนี้มันทำให้เราได้เจออะไรทำนองนี้เยอะมาก ยิ่งเมื่อก่อนจะเป็นคนที่ไม่เข้มแข็งต่อสิ่งเหล่านี้เลย แต่พออยู่มาเรื่อยก็ทำให้คิดได้ว่าเราควรแคร์เฉพาะคนที่ให้ใจกับเรา แคร์เฉพาะคนที่ดีกับเรา 

 

ตอนแรกก็เหมือนจะทำไม่ค่อยได้ เพราะสุดท้ายเวลาเจออะไรไม่ดีก็จะเก็บมาคิดอยู่ดี แต่พอโตขึ้นก็รู้สึกว่าทำได้เยอะขึ้น และคิดว่าจะนำคตินี้มาเป็นปณิธานในการดำรงชีวิตจากนี้ด้วย ส่วนที่ผ่านมาก็ยกให้เป็นบทเรียนให้เรารู้ว่าไม่ควรไปเสียเวลากับคำพูดของคนอื่นเยอะไป อย่าไปให้ค่ากับสิ่งที่เป็นพลังงานลบต่อชีวิตเรานักเลย หนูรู้สึกว่านี่แหละ สิ่งสำคัญที่เราควรทำมันให้ได้ 

 

ตาหวาน: สำหรับหนูปี 2022 ถือเป็นปีแห่งการเติบโต เพราะเป็นปีที่ได้ลงมือทำอะไรหลายอย่างที่ไม่เคยทำด้วย และหลายอย่างที่ทำก็เป็นสิ่งใหม่ที่ท้าทาย ตั้งแต่ต้นปีเราก็ได้จัดงานแฟนมีตชราไลน์ ระหว่างทำโปเจกต์นี้ก็ได้เรียนรู้และลงมือทำมากขึ้น ต่อมาเป็น GE 3 ก็ได้ติดเป็น 1 ในคามิ 7 ซึ่งมันพาให้เราได้เรียนรู้งานที่หลากหลายขึ้นตอนไปที่ญี่ปุ่น รวมถึงงานที่รู้สึกสนุกมากๆ คืองาน TIF Tokyo Idol Festival 2022 ที่ได้ไปแสดงคอนเสิร์ตขนาดใหญ่ที่ญี่ปุ่น ไปจนถึงเรื่องของทีม NV ที่ถึงเวลาผลัดเปลี่ยนตำแหน่งกัปตันทีม คอนเสิร์ต และงานเพลงเดี่ยวที่ได้ออกช่วงท้ายปี 

 

มันเลยทำให้ตลอดทั้งปี 2022 เป็นปีที่เราได้ทำงานและรู้สึกเติบโตขึ้นจากเดิมมากๆ อะไรที่เป็นสิ่งดีๆ ก็เก็บเอาไว้ ส่วนที่ไม่ดีก็จำไว้เป็นจุดแก้ไขปรับปรุงกันไป เพราะสิ่งเหล่านี้มันจะทำให้เราพัฒนาและเติบโตกับการทำงานในอนาคตแน่นอน 

 

BNK48

 

ลองตัดเกรดความเติบโต ตลอด 6 ปีที่ผ่านมา

 

ตาหวาน: หนูให้ 8/10 หนูว่าเราได้ให้พลังและเวลาของชีวิตเยอะอยู่กับการเป็น BNK48 

 

เนย: หนูให้ 9/10 เลย เพราะรู้สึกว่าเราทุ่มเทกับการใช้ชีวิตกับตรงนี้มาอย่างเต็มที่แล้วตอนที่อยู่ใน BNK48 คือไม่ได้เป็นคนที่เติบโตอย่างแข็งแกร่ง แต่เป็นคนที่เติบโตกว่าเดิมมาก ให้ใจกับหลายๆ อย่างภายใต้นามสกุล BNK48 

 

ก่อน: ให้ 8/10 หนูว่าถ้าหนูไม่ได้สมัครเข้ามาเป็น BNK48 คงไม่เป็นก่อนอย่างในวันนี้แน่ๆ ที่หนูตัดไป 2 คะแนน เพราะบางอย่างมันไม่ได้เป็นไปตามเป้าหมายที่เราวางเอาไว้ 

 

อร: ให้ 9.5/10 ที่เว้นไว้บ้างเพราะเรายังมีความเป็นเด็กอยู่ แต่ภาพรวมเราเติบโตขึ้นมากทั้ง IQ และ EQ รู้สึกโตขึ้นจริงๆ ถึงบางครั้งเราจะไม่ยอมรับว่าเราโตขึ้น แต่ทุกคนก็มักจะเป็นกระจกสะท้อน ให้เห็นว่าเราเติบโตและเป็นอรที่ดีขึ้นได้มากกว่าเดิม ถึงตอนนี้จะยังไม่ได้ดีอะไรนัก แต่เราก็จะพยายามไปเรื่อยๆ เพื่อเป็นอรที่ดีขึ้นในทุกๆ วัน

 

BNK48

 

เป้าหมายปี 2023 หรืออนาคตนับจากนี้

 

ก่อน: อยากลองทำอะไรใหม่ๆ ที่ไม่เคยลองมาก่อน เพราะอยากให้ทุกคนจดจำก่อนในแบบใหม่ ที่ไม่ใช่ก่อน BNK48 แต่เป็น ก่อน วฑูศิริ ที่เป็นนักแสดง หรือเป็นแนวแฟชั่นนิสต้า ก็อยากที่จะลองเดินทางไปสู่เวย์เหล่านั้นบ้าง และอยากไปเที่ยวด้วยเพราะเป็นคนชอบเที่ยวมากๆ

 

อร: ปีนี้หนูคิดว่าจะเปิดค่าย แต่จะยังไม่พูดชื่อบริษัท แต่คิดว่าเป็นชื่อบริษัทที่เหมาะสมกับคนอย่างเรา (หัวเราะ) มันคือชื่อที่สื่อถึงตัวตนอย่างเรา ซึ่งก็หวังว่าเราจะค่อยๆ เติบโตต่อไปเรื่อยๆ 

 

และอีกอย่างที่อยากทำคือ อยากไปเที่ยว หนูอยากไปเที่ยวต่างประเทศ อยากไปสวิตเซอร์แลนด์ หนูรู้สึกอยากทำอะไรที่ตามใจตัวเองมากขึ้นบ้าง อยากเป็นอรที่มีความสุขมากๆๆๆๆๆ อยู่วงการบันเทิงต่อไป และเติบโตขึ้นเรื่อยๆ

 

ตาหวาน: ทุกคนก็น่าจะรู้อยู่แล้วว่าเรามาทางสายร้องเพลง ก็อยากจะทำงานตรงนี้ต่อไป ยังอยากอยู่ในวงการบันเทิงต่อ ที่ไม่ใช่แค่การร้องเพลง ส่วนนี้ถือเป็นเป้าหมายหลัก ส่วนอีกอย่างคืออยากพาครอบครัวไปเที่ยวต่างประเทศ เพราะตอนอยู่ในวงเราก็ไม่สามารถพาเขาไปเที่ยวไหนได้ และก็อยากร้องเพลงคัฟเวอร์ลง YouTube บ้าง

 

เนย: ที่คิดไว้คืออยากลองทำช่อง YouTube ที่ไม่ใช่เน้นหารายได้จาก YouTube คือหนูแค่อยากไปเที่ยว อยากหาของกิน ถ่ายคลิปเป็น Vlog ให้ทุกคนได้ดู สร้างความสุข ได้ทำคอนเทนต์ที่อยากทำ สบายใจที่จะทำ เพราะเราอยู่ในจุดที่สามารถเลือกเองได้แล้ว 

 

และจากที่ฟังตาหวานพูดมา อีกสิ่งที่อยากทำคือให้เวลากับครอบครัว แม่หนูเป็นคนที่อยากไปเที่ยวหลายที่มาก แต่เมื่อก่อนเราไม่สามารถพาไปได้เลย ด้วยตารางงานของวงที่มันไม่แน่นอน ทำให้แพลนโปรแกรมล่วงหน้าไม่ได้ แต่ในปี 2023 ที่เราเริ่มมีเวลาแล้ว ก็คิดว่าน่าจะได้ไปเที่ยวด้วยกันมากขึ้น และเอาจริงๆ ไม่ได้มีแพลนอะไรที่ชัดเจนมาก แต่ถ้ามีโอกาสได้ทำสิ่งที่รักหรือชอบเราจะรับมันมาทำให้ดีที่สุด

 

คำอวยพรถึงแฟนคลับผู้เป็นที่รัก ที่ซัพพอร์ตมาตั้งแต่วันแรกจนถึงวันนี้

 

BNK48

 

เนย: อยากให้เขาได้มีความสุข…แค่นั้นเลย ด้วยความที่แฟนคลับของเราแต่ละคนมีเรื่องที่ต้องเผชิญกันตามบริบทที่แตกต่างกันไป จะเรื่องงานหรืออะไรก็ตาม มันมีความเครียด และแต่ก่อนเรายังมีช่วงเวลาที่มอบความสุขให้กับเขาได้เยอะ อย่างงานจับมือ หรือตามอีเวนต์ต่างๆ แต่ ณ ตอนนี้เราแทบไม่มีโอกาสได้เจอกับพวกเขาแล้ว อย่างงานวันนี้ที่เราจัดขึ้นมา ก็เพียงเพราะแค่เราอยากเจอพวกเขาเท่านั้นเอง 

 

เรายังอยากเป็นส่วนหนึ่งที่มอบความสุขให้กับเขาเหมือนเดิม แต่โอกาสมันน้อยลงมากๆ ที่เราจะได้เจอกับพวกเขาบ่อยๆ เหมือนเมื่อก่อน เลยอยากให้ชีวิตในแต่ละวันของเขาประสบพบแต่ความสุข อยากให้เขามีความสุขในการทำสิ่งที่รัก หรือถ้าเขาเศร้าก็อยากบอกว่าเราจะเป็นกำลังใจให้เขาอยู่เสมอ ถึงเราจะเจอกันน้อยลง แต่เนยจะยังเป็นความสุขให้ทุกคนอยู่ตรงนี้เหมือนเดิม

 

BNK48

 

ก่อน: หนูรู้สึกว่าที่ผ่านมาแฟนคลับจะคอยเข้ามาบอกเราว่า “ก่อนสู้ๆ นะ” ทั้งที่แต่ละคนมีความทุกข์บางอย่างอยู่ในใจ มีความเครียดบ้าง หรือไปเจออะไรมาที่ทำให้ไม่แฮปปี้ แต่เขาก็ยังคงให้เวลากับเรา เดินมาหากัน มามอบกำลังใจกัน ซึ่งตัวหนูก็พยายามส่งต่อความรู้สึกและกำลังใจดีๆ กลับไปให้แฟนคลับของก่อนเสมอ 

 

แต่ ณ วันนี้เราอาจจะไม่ได้ทำอย่างนั้นได้บ่อยเหมือนตอนอยู่ BNK48 ซึ่งหนูก็กลัวที่จะไม่ได้มอบความสุขให้พวกเขาอีก ก็อยากจะบอกกับทุกคนที่อ่านข้อความนี้ว่า “สู้ๆ ไม่ว่าคุณจะมีปัญหาอะไรก็ตาม แต่คุณจะผ่านมันไปให้ได้ ใช้ชีวิตอย่างมีความสุขให้มากๆ ถ้าเจอเรื่องไม่ดีก็จงปล่อยวางนะทุกคน ออกไปใช้ชีวิตของตัวเองให้สนุก”

 

BNK48

 

ตาหวาน: อยากให้ทุกคนได้เอ็นจอยกับชีวิต อะไรที่ไม่ได้ทำในปี 2022 เมื่อขึ้นปี 2023 ก็อยากทุกคนได้มีความสุขและได้ลงมือทำในสิ่งที่รัก รักตัวเองให้เยอะๆ พักผ่อนให้เยอะๆ ด้วย และอาจจะมีวันที่เจองานหนักหรืออะไรที่ไม่เป็นใจ ตาหวานก็อยากจะเป็นกำลังใจอยู่ตรงนี้ให้ทุกคนเหมือนเดิม อาจจะไม่ได้เจอกันบ่อย แต่ถ้ามีงานที่ทำให้เราได้พบกันก็จะคอยอัปเดตเสมอเผื่อทุกคนจะเวียนมาพบปะและมาให้กำลังใจกัน อยากให้ทุกคนมีความสุขมากๆ ในชีวิต พบเจอสิ่งดีๆ แล้วพบกันนะคะ

 

BNK48

 

อร: อรจะพยายามมีกิจกรรมที่ทำให้ได้เจอกับแฟนคลับบ่อยๆ ไม่ได้อยากให้ห่างหายกันไป พยายามทำให้เราได้มาเจอกัน ให้พวกเราได้เข้าถึงกันมากขึ้น ขอบคุณที่คอยซัพพอร์ตกันมาตลอดหลายปี หนูเชื่อว่าทุกคนจะยังรักและหวังดีกับเราเสมอ หนูรู้สึกอุ่นใจทุกครั้งที่หันไปเจอแฟนคลับทุกคน อยากจะจับมือแฟนคลับและเดินต่อไปด้วยกันจนสุดเส้นทาง ก็ขอบคุณที่เข้ามาเป็นความทรงจำที่ดีของเรา ซึ่งเราก็ดีใจที่ได้เป็นส่วนหนึ่งของแฟนคลับ ดีใจที่ได้เจอทุกคน และหวังเป็นอย่างยิ่งว่าอนาคตเราจะได้เจอกันอีก

  • LOADING...

READ MORE





Latest Stories

Close Advertising
X