เศรษฐาเตรียมเยือนฝรั่งเศสเพื่อประชุมทวิภาคีกับ เอ็มมานูเอล มาครง พร้อมมอบหมายให้ว่าที่ซีอีโอใหม่ของ ปตท. หรือ PTT ศึกษาดูงานที่โรงไฟฟ้านิวเคลียร์ของฝรั่งเศส หวังหาโอกาสใหม่ให้กับอุตสาหกรรมไทย
ปัญหาสถานการณ์พลังงานของประเทศไทยถือว่าเป็นวาระสำคัญของรัฐบาลเพื่อไทยที่ต้องการเร่งแก้ปัญหาเรื่องนี้ โดยจะเห็นได้ว่าช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา เศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ออกมาพูดถึงเรื่องประเด็นสำคัญเกี่ยวกับพลังงานของไทยถึง 2 ครั้งภายในสัปดาห์เดียว ครั้งแรกคือวันที่ 14 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา นายกรัฐมนตรียืนยันจะเดินหน้าเจรจาพื้นที่ทับซ้อนไทย-กัมพูชา เพื่อดึงขุมทรัพย์พลังงานในทะเลมูลค่า 20 ล้านล้านบาทออกมาใช้ประโยชน์ร่วมกัน เพื่อความมั่นคงทางพลังงานในระยะยาว ซึ่งต้องหารือให้สำเร็จในเร็วๆ นี้ โดยการอุ้มหรือทุบราคาพลังงานลงโดยไม่สนใจกลไกตลาด ยิ่งทำให้เกิดรัฐประหารทางเศรษฐกิจ อาจได้ค่าไฟถูกลงเพียงไม่กี่วัน แต่ต้องควักเงินของประชาชนมาจ่ายชดเชยซึ่งเป็นผลลบต่อเศรษฐกิจ
ล่าสุดครั้งที่สอง เมื่อวันที่ 16 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา เศรษฐา ทวีสิน กล่าวปาฐกถาในงาน iBusiness Forum 2024 หัวข้อ ‘RESHAPING THAILAND FOR A SUSTAINABLE FUTURE พลิกเศรษฐกิจไทย’ ว่า พลังงานสะอาดถือว่าเป็นจุดที่มีความสำคัญในการดึงดูดนักลงทุนต่างประเทศให้เข้ามาลงทุนในประเทศไทยได้ เพราะปัจจุบันนักลงทุนต่างชาติไม่ได้ดูเพียงปัจจัยสิทธิประโยชน์ทางภาษีที่บีโอไอให้, ค่าครองชีพที่เหมาะสม, ระบบสาธารณสุขกับโรงเรียนนานาชาติที่มีคุณภาพ หรือสภาพแวดล้อมของคนไทยที่เป็นมิตรเท่านั้น แต่ยังให้ความสำคัญในการมีพลังงานสะอาดเป็นเรื่องหลัก
โดยการเข้ามาลงทุนในธุรกิจดาต้าเซ็นเตอร์ ของทั้งผู้ประกอบการรายใหญ่ระดับโลกจากต่างประเทศ ทั้ง Amazon Web Services (AWS), Google และ Huawei ในการพิจารณาเข้ามาลงทุนมีคำถามแรกที่ถูกถามคือ ประเทศไทยมีความพร้อมในเรื่องพลังงานสะอาดหรือไม่
อย่างไรก็ดีรัฐบาลชุดที่ผ่านมามีนโยบายในการสนับสนุนการลงทุนในพลังงานสะอาดซึ่งเป็นนโยบายที่ดี ส่งผลให้ไทยมีสัดส่วนของพลังงานสะอาดเพิ่มขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง โดยรัฐบาลชุดปัจจุบันจะยังสนับสนุนในการเพิ่มสัดส่วนของนโยบายพลังงานสะอาดต่อไปเพราะเป็นเรื่องสำคัญต่ออนาคตของประเทศไทย โดยในฐานะที่ตนเองเป็นนายกรัฐมนตรีออกไปพบนักลงทุนต่างประเทศ ทำหน้าที่เป็นเซลส์แมนเพื่อดึงดูดให้นักลงทุนเข้าลงทุนในประเทศไทย ซึ่งจะทำควบคู่กับเรื่องทำราคาพลังงานให้มีความเหมาะสม สามารถแข่งขันกับประเทศเพื่อนบ้านได้ ซึ่งอนาคตของประเทศไทยขึ้นอยู่กับปัจจัยพลังงานสะอาดค่อนข้างจะมาก
เศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ขึ้นเวทีปาฐกถาในงาน iBusiness Forum 2024
“ในช่วง 50 ปีที่แล้ว เรามีเขื่อนขนาดใหญ่ที่ใช้ผลิตไฟฟ้าหลายเขื่อน เขื่อนขนาดใหญ่สุดคือเขื่อนภูมิพลที่เป็นพลังงานไฮโดรพาวเวอร์ ทำให้ในอดีตเราเหนือกว่าในหลายๆ ประเทศ ทำให้ไฟฟ้าเราไม่ดับ แต่ปัจจุบันอุตสาหกรรมของประเทศไทยเติบโตขึ้นเยอะมากจนสัดส่วนการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานไฮโดรพาวเวอร์ลดลง ไม่แน่ใจว่าลดลงเหลือประมาณ 3-4% หรือเปล่า”
สั่งว่าที่ CEO ศึกษางานโรงไฟฟ้านิวเคลียร์
เศรษฐายังกล่าวต่ออีกว่า “พื้นที่ของเขื่อนที่มีพื้นที่ของน้ำอยู่เป็นจำนวนมหาศาล สามารถพัฒนาเป็น Floating Solar ได้อีกมาก ซึ่งคาดว่าจะสามารถรองรับความต้องการใช้ไฟฟ้าของประเทศไทย อีกสัดส่วนประมาณครึ่งหนึ่งของความต้องการใช้ไฟฟ้าของประเทศไทยในอนาคตได้อีก 5 ปี
“ส่วนเรื่องต่อมาที่ผมจะพูดก็ค่อนข้างจะเซนสิทีฟนิดหนึ่ง เรื่องโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ ซึ่งไม่ได้หมายความว่าเราจะนำพลังงานนิวเคลียร์มาใช้ แต่พลังงานนิวเคลียร์ถือเป็นพลังงานสะอาดประเภทหนึ่งที่มีราคาถูกที่สุด หากมองไปในอนาคตเชื่อว่าทุกๆ ประเทศจะเดินหน้าไปสู่ทิศทางเดียวกันคือการมีพลังงานสะอาด
โดยในเร็วๆ นี้ตนเองจะเดินทางไปเยือนฝรั่งเศสเพื่อประชุมทวิภาคีร่วมกับประธานาธิบดีเอ็มมานูเอล มาครง จึงมอบหมายให้ว่าที่ผู้ว่าฯ (ซีอีโอใหม่ ดร.คงกระพัน อินทรแจ้ง) ของ บมจ.ปตท. หรือ PTT ติดต่อนัดเพื่อศึกษาดูงานที่โรงไฟฟ้านิวเคลียร์ที่ฝรั่งเศสว่าดำเนินการอย่างไร เป็นการวางรากฐานไว้ว่าต้องมาดูเรื่องนี้ไหม แล้วจะต้องดูแน่นอน” เศรษฐากล่าว
อย่างไรก็ตาม ยืนยันว่าหากรัฐบาลจะทำหรือไม่ทำนั้น จะต้องคำนึงถึงความปลอดภัยของประชาชนเป็นเรื่องที่สำคัญที่สุด ในขณะเดียวกันก็หยุดไม่ได้ที่จะต้องหาโอกาสใหม่ๆ ให้กับอุตสาหกรรมของประเทศไทยด้วย
ปตท. แจง อยู่ระหว่างรอรัฐบาลติดต่อมา
ขณะที่ล่าสุด บุรณิน รัตนสมบัติ ประธานเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการกลุ่มธุรกิจใหม่และโครงสร้างพื้นฐาน บมจ.ปตท. กล่าวกับ THE STANDARD WEALTH ในประเด็นนี้ว่า โรงไฟฟ้าพลังงานนิวเคลียร์ถือเป็นกลุ่มธุรกิจซึ่งอยู่ในความรับผิดชอบของกลุ่มธุรกิจใหม่และโครงสร้างพื้นฐานของ ปตท. ซึ่งขณะนี้การศึกษาดูงานโรงไฟฟ้าพลังงานนิวเคลียร์ในฝรั่งเศสที่นายกรัฐมนตรีให้ข่าวออกมายังอยู่ระหว่างรอการติดต่อประสานงานจากฝั่งรัฐบาลก่อน หากได้กำหนดการที่ชัดเจนแล้วจะนำข้อมูลที่เกี่ยวข้องมาเปิดเผยอีกครั้งในภายหลัง
“เข้าใจว่าตามข่าวที่ออกมาว่ากรณีนี้รัฐบาลน่าติดต่อจะประสานไปที่ ดร.คงกระพัน อินทรแจ้ง ก่อน ซึ่งปัจจุบันเป็นซีอีโอของ บมจ.พีทีที โกลบอล เคมิคอล (PTTGC) และกำลังจะมารับตำแหน่งซีอีโอ ปตท. ในเดือนพฤษภาคมนี้ จากนั้นคงจะประสานส่งกำหนดการต่อมาที่ ปตท. ต่อไป” บุรณินกล่าว
