×

เมืองรองอยู่ไม่ไหว? เมื่อ ‘โอกาส’ กระจุกตัว และคนรุ่นใหม่ที่กลับบ้านถูกมองว่าล้มเหลว

08.11.2025
  • LOADING...
เมืองรอง คนรุ่นใหม่

ตลาดแรงงานในเมืองหลวงอาจกำลังต้องการ ‘เป็ดตึง’ แต่ในเมืองรอง พวกเขากำลังเผชิญวิกฤตที่ต่างออกไป คนรุ่นใหม่ถูกผลักให้ออกไปหาแสงไฟในกรุงเทพฯ และเมื่อใครสักคนตัดสินใจกลับบ้าน พวกเขากลับถูกมองว่าเป็น ‘ผู้ล้มเหลว’

 

นั่นคือสิ่งที่ ไมล์-เกศมลจันทร์ โคคาไพบูลย์ กรรมการผู้จัดการ บวรเวชสมุนไพรไทย, เสือ-ธรรมวิชญ์ ลินเนอร์เจริญวนิช เจ้าของ ‘ออนซอน’ คราฟต์สุราชุมชนของสกลนคร และ พัตเตอร์-พัทารัตน์ ตั้งนิสัยตรง ผู้ก่อตั้ง Roots Incubation Program ได้ถ่ายทอดผ่านบทสนทนาบนเวที Young Leader Dialogue ใน Session ‘Local Power: Turning Small Towns into Big Opportunities คนรุ่นใหม่กลับบ้าน สร้างเมืองรองที่มีศักยภาพ’ เพื่อจะบอกว่าความเจริญไม่ควรกระจุกตัวอยู่แต่ในกรุงเทพฯ

 

🏠 โลกความจริงของ ‘คนกลับบ้าน’ ไม่ได้สวยงาม แต่เจ็บปวดกับ


ภูมิทัศน์ของเมืองรองกำลังน่าเป็นห่วง การกลับบ้านไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ พัตเตอร์ชี้ว่า คนรุ่นใหม่ต้องเจอกับกำแพงใหญ่ ซึ่งขอเรียกว่าหลัก “3 Ls” ที่ทำให้การกลับบ้านเป็นเรื่องยาก:

🔸1. Lack (ขาดแคลน): ขาดโอกาสในการทำงานที่ตรงกับศักยภาพ
🔸2. Lose (สูญเสีย): สูญเสียความมั่นใจในตัวเอง ถูกสังคมและ “ป้าข้างบ้าน” ตั้งคำถามว่า ล้มเหลว หรือมีปัญหาอะไรถึงต้องกลับมา
🔸3. Lonely (โดดเดี่ยว): รู้สึกเหงา ขาดเครือข่ายเพื่อน และไม่สามารถเชื่อมต่อกับชุมชนเดิมได้

 

ทว่าอีกหนึ่งมุมปัญหา คือการที่บางคนอยากกลับบ้านแต่กลับไม่ได้ เพราะไม่เคยวางแผนการเงินมาก่อน โดยเฉพาะในกลุ่มคนที่ต้นทุนน้อย ไม่มีเงินออม และเมื่อเจอกับสถานการณ์ที่ไม่อาจรับมือ เช่น โควิด-19 หรือการเลิกจ้าง จึงไม่มีทุนสำหรับกลับภูมิลำเนา หรือเริ่มทำอะไรใหม่ๆ

 

🌱 กลยุทธ์สร้างโอกาสจากรากเหง้า


เมื่อ AI ในเมืองหลวงต้องกลายเป็น Generalist เพื่ออยู่รอด คนรุ่นใหม่ที่เมืองรองก็พิสูจน์ว่า พวกเขาเป็น Specialist ที่สร้างโอกาสจากสิ่งที่พวกเขามีได้

🔸ไมล์: นอกจากกลับไปพัฒนาโรงงานยาสมุนไพรของที่บ้านให้ได้มาตรฐาน P-GMP เธอยังเลือกสร้างธุรกิจของตัวเองจากจุดที่เล็กที่สุด คือความต้องการของอากง จนเกิดเป็นแบรนด์ ‘อากงอาม่า’
🔸เสือ: ถูกบังคับกลับบ้าน และเจอวิกฤตน้ำท่วมใหญ่ แต่เขาเปลี่ยนมันเป็นโอกาส ด้วยการออกสำรวจ 18 อำเภอ เพื่อค้นหารากเหง้าของสกลนคร จนเกิดเป็นร้านอาหาร และสุราชุมชน ‘ออนซอน’
🔸พัตเตอร์: สร้างภูมิคุ้มกันให้คนกลับบ้าน ด้วยโปรแกรมบ่มเพาะ 5 ด้าน ที่เน้นการเข้าใจตัวเอง (Discovering Oneself) และการทำงานอย่างมีส่วนร่วมกับชุมชน (Community Engagement)

 

🛡️ลบภาพลักษณ์เก่า สู่ ‘City Branding’ ที่แข็งแกร่ง

อุปสรรคที่มองไม่เห็นแต่ทรงพลังคือ ‘ภาพจำ’ (Perception) คุณเสือชี้ว่า เมืองรองในไทยไม่มีภาพจำที่ชัดเจนเหมือนนิวยอร์กหรือเกียวโต ซ้ำร้าย บางเมืองยังมีภาพจำด้านลบที่ฝังหัวคนที่ขัดขวางการเติบโต

 

ซึ่งกลยุทธ์สำคัญที่คนในพื้นที่กำลังผลักดันคือการสร้างแบรนด์ใหม่ให้แต่ละเมืองรอง เช่น

 

เสือเล่าว่า สกลนคร มีภาพจำที่ถูกนำไปเล่าเป็นเรื่องตลกอย่างการกินสุนัข จึงต้องการลบภาพนั้นและผลักดันสกลนครให้เป็นเมืองคราฟต์และศิลปะ รวมถึงกำลังสร้างสรรค์โปรเจกต์เมืองที่เป็นมิตรต่อสัตว์เลี้ยงที่สุดในประเทศ ผ่านการผลักดันให้ร้านอาหาร โรงแรม และสินค้าบริการต่างๆ ในจังหวัด มีพื้นที่สำหรับต้อนรับสัตว์เลี้ยง

 

อีกด้านหนึ่ง ไมล์ชี้ว่าภาพจำด้านความรุนแรงเป็นปัญหาในภาคใต้อย่างพัทลุง หรือนครศรีธรรมราช จึงต้องชูจุดขายใหม่ที่แข็งแกร่งอย่าง ‘Wellness’ หรือสมุนไพร และการท่องเที่ยวสายมู ที่ภูมิภาคนี้ก็เด่นไม่แพ้กัน

 

🏛️ ภาครัฐต้องเปลี่ยนบทบาท

วิกฤตเมืองรองครั้งนี้ไม่ใช่ปัญหาของคนรุ่นใหม่ แต่เป็นปัญหาเชิงโครงสร้างที่พวกเขาไม่มีอำนาจพอจะแก้ไข

 

ทั้งสามได้แลกเปลี่ยนแง่คิดที่น่าสนใจ ดังนี้

 

1. เปลี่ยน KPI และ TOR ที่ล้าสมัย: เสือชี้ว่าปัญหาคือโครงการรัฐส่วนใหญ่ถูกเขียน TOR มาเมื่อ 2-3 ปีที่แล้ว ทำให้ล้าสมัย และ KPI ของรัฐมุ่งเน้นปริมาณ เช่น จำนวนคนเข้าร่วม ทว่าไม่ได้มองภาพชีวิตของประชาชนว่าเปลี่ยนจริงไหม

 

2. สร้าง ‘Sandbox’ ไม่ใช่สร้างกำแพง: รัฐควรเปลี่ยนบทบาทเป็น “ผู้สร้างสิ่งแวดล้อม” (Enabler) เสือเสนอให้รัฐสร้างพื้นที่ Sandbox ให้คนรุ่นใหม่ได้ทดลองทำธุรกิจ ให้พวกเขาสามารถล้มสบาย หรือล้มแล้วลุกใหม่ได้ โดยไม่ต้องเสี่ยงหมดตัว

 

3. ปรับโครงสร้างภาษีและสวัสดิการพื้นฐาน: ไมล์ตั้งคำถามว่า ทำไมคนพัทลุงที่ไม่มีรถไฟฟ้าใช้ ต้องจ่ายภาษี เช่น ภาษีป้าย, ภาษีโรงเรือน ในอัตราเดียวกับกรุงเทพฯ หากรัฐลดภาษีเหล่านี้ ผู้ประกอบการสามารถนำเงินไปเพิ่มค่าแรงให้พนักงานได้ นอกจากนี้ รัฐต้องลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานอย่างการคมนาคมขนส่ง ซึ่งปัจจุบันในเมืองรองแทบไม่มีอยู่จริง

 

4. อัดฉีด ‘แพ็คเกจกลับบ้าน’: พัตเตอร์ เสนอว่ารัฐควรมีทุนตั้งต้น (Seed Funding) เหมือนในต่างประเทศ และยกระดับสวัสดิการพื้นฐาน เช่น โรงเรียน, โรงพยาบาล เพื่อให้คนรุ่นใหม่ไม่ต้องเสียสละภาพชีวิตของตัวเอง เพื่อกลับไปพัฒนาบ้านเกิด

 

เราควรต้องมีนโยบาย หรือการขับเคลื่อนเชิงสังคมซึ่งต้องอาศัยความร่วมมือกันทั้งประชาชน เด็กจบใหม่ องค์กร หรือหน่วยงานภาครัฐ เพื่อทำให้การ ‘กลับบ้าน’ ไม่ใช่ทางเลือกของคนล้มเหลว แต่เป็นทางเลือกของคนที่มีศักยภาพ ที่จะนำพาเมืองรองให้กลายเป็นศูนย์กลางความเจริญแห่งใหม่แทน

  • LOADING...

READ MORE






Latest Stories

Close Advertising