×

ทำไม จอห์นนี เดปป์ เป็นนักแสดงที่ไม่ต้องท่องบท

26.06.2017
  • LOADING...

HIGHLIGHTS

5 Mins. Read
  • จอห์นนี เดปป์ จ่ายค่าว่าจ้างซาวด์เอ็นจิเนียร์ส่วนตัวในราคาหลายแสนเหรียญ เพื่อไปออกกองกับเขา และเป็นคนคอยบอกบทที่จอห์นนีต้องพูดในฉาก
  • ไมเคิล ฟาสเบนเดอร์ เนิร์ดขั้นสุดด้วยการจำบทหนัง Steve Jobs ทั้งเล่ม แล้วพอมาซ้อม ก็ไม่ต้องพกบทมาอีกเลย เพราะจำได้หมดแล้ว

Photo: johnny-depp.org

 

     1. เคิร์สเตน ดันสต์ เคยให้สัมภาษณ์ว่า ดนตรีมีผลกับการแสดงของเธอมาก เวลาจะต้องเล่นฉากบ้าๆ เธอเคยลองฟังเพลงของ Arcade Fire มันก็ช่วยได้ และเธอเคยได้ยินมาว่าสุดยอดนักแสดงอย่าง จอห์นนี เดปป์ นั้นสร้างผลงานการแสดงอันสุดยอดออกมาได้ เพราะเขามักจะใส่หูฟังไว้ตลอดเวลาขณะที่แสดง โดยใช้ทรงผมมาปกปิดหูอีกที ซึ่งเธออยากรู้มากว่าเพลงอะไรบ้างที่เขาฟังขณะทำการแสดง สิ่งนี้เป็นเทคนิคการแสดงที่เธอทึ่งมาก

     2. อดีตผู้จัดการของจอห์นนี เดปป์ ออกมาเปิดเผยระหว่างที่พวกเขามีคดีฟ้องร้องเรื่องเงินทองกันว่า ค่าใช้จ่ายของจอห์นนี เดปป์ในแต่ละเดือนนั้นสูงมาก และที่สูงเป็นพิเศษคือค่าว่าจ้างซาวด์เอ็นจิเนียร์ส่วนตัวในราคาหลายแสนเหรียญไปออกกองกับเขาด้วย เพื่อที่จะเป็นคนคอยบอกบทที่เดปป์ต้องพูดในฉากผ่านหูฟังขนาดเล็กส่วนตัวขณะที่เขาแสดง ดังนั้นเดปป์จึงไม่จำเป็นต้องท่องบทอีกต่อไป

 

     เอาจริงๆ เกร็ดนี้ยังคงเป็นเกร็ดที่ไม่ได้รับการคอนเฟิร์มอย่างจริงจัง แต่เราสามารถประกอบคำสัมภาษณ์สองทางจากเคิร์สเตน ดันสต์ และผู้จัดการเอามาประกอบกันก็ดู…เป็นประเด็นที่น่าสนใจไม่น้อย

     มีหลายครั้งขณะที่ตัดต่อ บางครั้งผมต้องเป็นคนพากย์เสียงไกด์สำหรับวอยซ์โอเวอร์ในหนัง ซึ่งบทพากย์บางทีก็ยาวมาก (ตัวเองเขียนเองบ่นเอง) เลยพบว่าการที่เราคอยบังคับให้นักแสดงไปจำบทมาจากบ้านเนี่ย จริงๆ แล้วแม่งยากใช้ได้เลย ขนาดเราต้องพากย์ตามแค่หน้าเดียว ยังใช้เวลาในการจำหลายรอบมากเพื่อที่จะพากย์ให้ได้ตามสคริปต์ที่เขียนมา (นี่ขนาดเขียนเอง ยังจำไม่ค่อยได้) เลยค้นพบว่า การจำสคริปต์พร้อมกับการแสดงให้ได้ด้วยนี่เป็นเรื่องที่ต้องพึ่งพาอิทธิบาท 4 พอสมควร พลันคิดไปถึงเกร็ดหนึ่งที่ ไมเคิล ฟาสเบนเดอร์ เนิร์ดขั้นสุดด้วยการจำบทหนัง Steve Jobs ทั้งเล่ม แล้วพอมาซ้อม ก็ไม่ต้องพกบทมาอีกเลย เพราะจำได้หมดแล้ว นี่พี่เขาเป็นคนหรือเปล่า อ๋อ ลืมไป พี่เขาเป็นแม็กนีโต้

     เอาเป็นว่า แม้การท่องจำบทจะเป็นส่วนหนึ่งในการทำงาน แต่ก็เป็นส่วนหนึ่งที่ยากลำบากในการทำ จนทำให้วันหนึ่งคงมีนักแสดงสักคนคิดขึ้นมาว่า แล้วทำไมไม่มีคนคอยบอกบทล่ะ จะได้ไม่ต้องท่อง, แล้วระหว่างเล่นจะบอกบทยังไงล่ะ, อืม ก็หาหูฟังมาใส่สิ จะได้เล่นไปด้วยได้ ฟังไลน์พูดไปด้วยได้

     แม้ว่าตัวเองจะยังไม่เคยเจอสถานการณ์นักแสดงไม่ท่องบทแล้วมาเข้าฉาก แต่พอจะนึกออกเลยว่า ถ้าเกิดเหตุการณ์นั้นขึ้นคงเป็นความฉิบหายขั้นสุด เพราะการจำบทให้ได้นั้น จริงๆ เป็นพื้นฐานที่หนึ่งของการเล่นได้ การจำบทไม่ได้จะทำให้นักแสดงมัวแต่พะวงว่า ต่อไปต้องพูดอะไรวะ จะทำให้พวกเขาไม่มีสมาธิและไม่สามารถแสดงได้ หรือแสดงได้ก็จะแข็งๆ เหมือนกำลังไปสอบท่องกลอนมากกว่าเล่นหนัง แต่ถ้าจำได้แล้ว หรือซึมเข้าไปแล้ว คราวนี้จิตใจจะโฟกัสที่แอ็กติ้งและอารมณ์ที่พูดได้เต็มๆ

     ถ้าเรื่องหูฟังเป็นเรื่องจริง จริงๆ ผมก็งงอยู่ดีว่าพี่จอห์นนีเขาจะแสดงได้ยังไง คือจิตหนึ่งต้องรอรับบท อีกจิตหนึ่งต้องคอยปรับอารมณ์และปรับแอ็กติ้ง และถ้าเป็นเรื่องจริง และแอ็กติ้งที่ออกมานั้นก็เหมือนที่พวกเราเห็นและชื่นชมพี่เขากันตลอด ผมก็คิดว่ามันถือเป็นสุดยอดการแสดงที่ใช้ได้เลยนะ เป็นมนุษย์สองจิตในร่างเดียว

 

Photo: johnny-depp.org

 

     เรื่องนี้ไม่ใช่ความผิดหรือความน่าเศร้าของวงการ เพราะอันที่จริงแล้ววงการเองก็เป็นส่วนหนึ่งที่มีผลทำให้เกิดสิ่งนี้ขึ้นมา ดาราฮอลลีวูดนั้นเป็นมากกว่านักแสดง พวกเขาเป็นดารา เป็นพรีเซนเตอร์ เป็นเซเลบ เป็นนักร้อง และเป็นอะไรอีกมากมายที่ทำให้ตารางการทำงานคงแน่นมาก และเม็ดเงินอันสะพัดในหมู่บรรดานักแสดงเอลิสต์นั้น ย่อมทำให้พวกเขาบางคนคิดว่าการแสดงนั้นเป็นการ ‘มาทำงาน’ โดยแท้จริง คือ มาเล่น มาแสดง จำบทให้ได้ ถ่ายเสร็จก็ไปเที่ยวต่อหรือกลับบ้านไป (โรเบิร์ต ดาวนีย์ จูเนียร์ เคยประกาศออกสื่อว่า เขาจะไม่ไปเล่นหนังอินดี้หรือหนังเล็กๆ ให้เสียเวลา เพราะเขาเล่นเป็นไอรอนแมนก็มีสวัสดิการและค่าตอบแทนที่ดีและสมน้ำสมเนื้ออยู่แล้ว จะไปลำบากเล่นหนังเล็กทำไม) นอกจากนี้ประเภทหนังที่พวกเขาเลือกรับนั้นก็ดีไซน์ให้พวกเขาค่อยๆ แสดงครั้งละสั้นๆ ได้ เพราะบางเรื่องก็แทบจะถ่ายในสตูดิโอทั้งเรื่อง และช็อตที่ต้องถ่ายทำนั้นหลายครั้งก็เป็นเพียงช็อตสั้นๆ เล็กๆ น้อยๆ มาผสมและประกบกัน (โดยเฉพาะพวกหนังบล็อกบัสเตอร์ที่ตัดเร็วๆ ฉึบฉับๆ ตลอดเวลา) ทำให้พวกเขาไม่จำเป็นต้องจำบทเสียทีเดียว

      ไม่มีอะไรผิดอะไรถูกในเกมนี้ครับ ถ้ามีเงินจ่ายค่าหูฟังและเล่นออกมาดีได้ก็ทำไป, ถ้าอยากเล่นแค่หนังบล็อกบัสเตอร์อย่างเดียวก็ทำไป, ถ้าอยากได้ออสการ์ก็ต้องพยายามกันหน่อย กับความต้องการของผู้กำกับที่อาจจะเคี่ยวเป็นพิเศษ, ถ้าไปเล่นหนังเล็กก็อาจจะได้เล่นบทแปลกๆ ที่น่าสนใจ สนุกระหว่างถ่ายทำ แต่ว่าเงินน้อยนิดนึง ฯลฯ

      เพราะอันที่จริงคนดูอย่างเราๆ ก็ดูผลสุดท้ายบทจอภาพยนตร์อยู่ดี ส่วนทัศนคติที่มีต่ออาชีพนักแสดงของแต่ละคนนั้นเป็นสิทธิส่วนบุคคลจริงๆ    

  • LOADING...

READ MORE






Latest Stories

Close Advertising