ชื่อ OOOBkk (โอโอโอบีเคเค) อาจจะฟังดูแปลกหูและดูแปลกตา แต่สำหรับผู้ที่อยู่เบื้องหลังคาเฟ่ไสตล์มินิมัลแห่งใหม่ในย่านทาวน์อินทาวน์แห่งนี้อย่าง One Ounce for Onion ไม่ใช่คนแปลกหน้าในวงการกาแฟไทยเลย จากร้านกาแฟเล็กๆ ที่เอกมัย สู่คาเฟ่ที่เสิร์ฟอาหารเต็มรูปแบบที่ช่างชุ่ย One Ounce for Onion ได้เปลี่ยนโฉมใหม่ โดยร่วมมือกับ Espressoman ผู้นำเข้าและจัดจำหน่ายอุปกรณ์ทำกาแฟและเมล็ดกาแฟ ให้เป็นคาเฟ่ที่เรียกง่ายขึ้นและผ่อนปรนข้อจำกัดต่างๆ ในเมนูอาหารและเครื่องดื่มของตนเองให้เข้าถึงลูกค้าได้หลากหลายกลุ่ม ไม่ว่าคุณจะเป็นเซียนกาแฟที่ต้องดื่มเฉพาะ Specialty Coffee เท่านั้น หรือเพิ่งเริ่มดื่มกาแฟและชื่นชอบการดื่มกาแฟแบบไทยๆ อย่างเอสเพรสโซเย็น ก็สามารถเดินเข้าร้าน OOObkk ได้อย่างไม่รู้สึกเคอะเขิน
บรรยากาศภายในร้าน
The Vibe
โทนสีเทาและปูนแบบหยาบที่คลุมทับผนังของคาเฟ่ บวกกับการตกแต่งแบบมินิมัล ทำให้ OOObkk เป็นสวรรค์ของคนชอบถ่ายรูปก็ว่าได้ (บางคนบอกว่าเหมือนคาเฟ่สไตล์เกาหลี) ฟ้า-นิโรธา วีรธรรมพูลสวัสดิ์ เล่าให้เราฟังว่า เมื่อก่อนพื้นที่ตรงนี้เป็นร้านอาหารตามสั่ง เธอได้ปรับจากร้านอาหารตามสั่งที่เพดานเตี้ย ทางสถาปนิกได้เอาฝ้าอันเดิมออก โดยทำฝ้าใหม่ให้รองรับหลังคา ทำให้เพดานดูสูงขึ้น และยังเก็บโครงหลังคาเดิมไว้ ร้านได้รับการออกแบบให้มีความโค้ง ทำให้คาเฟ่ดูมีความลื่นไหลและยังมีช่องแสงที่เพดาน ทำให้ร้านได้รับแสงธรรมชาติจากภายนอก สร้างเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันกับพื้นที่ภายในร้านและสภาวะแวดล้อมภายนอก
หาหนังสือมานั่งอ่านยามบ่ายคงไม่เลวเลย
ส่วนเฟอร์นิเจอร์ ฟ้าเลือกให้เข้ากับความดิบของปูนหยาบที่ตกแต่งร้าน ให้ได้บรรยากาศของการตกแต่งบ้านช่วงกลางยุค 90 โดยนำโครงของเฟอร์นิเจอร์มือสองมาทำใหม่ให้ดูลงตัวกับบรรยากาศโดยรวมของร้าน นอกจากนี้ร้าน OOObkk ยังอยู่ติดกับโชว์รูมของ Espressoman ซึ่งผู้ที่สนใจสามารถเลือกซื้อเมล็ดกาแฟและอุปกรณ์กาแฟต่างๆ ได้ตามต้องการอีกด้วย
คงความตกแต่งอย่างเรียบง่ายเอาไว้เหมือนร้านก่อนหน้า
The Concept
ฟ้าเปิดใจว่า การทำร้านครั้งใหม่ของ One Ounce for Onion เป็นการแก้ไขและเรียนรู้ข้อผิดพลาดจากการทำร้านทั้งสองที่ไม่ประสบความสำเร็จเท่าที่ควร “ตอนเราเริ่มทำร้าน คิดว่าเราไม่ค่อยประนีประนอมลูกค้าเท่าที่ควร เรามุ่งมั่นที่จะเสิร์ฟกาแฟในแบบที่เราคิดว่าถูกต้อง ค่อนข้างเอาตัวเองเป็นศูนย์กลาง เช่น เราไม่เสิร์ฟเอสเพรสโซหรือคาปูชิโนเย็นเลย กาแฟเราก็คั่วติดเปรี้ยว เหมือนเราฟิกซ์ลูกค้าเกินไป ทำให้ลูกค้าบางคนอึดอัด” ร้าน OOObkk จึงเป็นการทำร้านโดยที่คอนเซปต์ของอาหารและกาแฟมีความเข้าถึงทุกคน ไม่ว่าคุณจะมีประสบการณ์ด้านกาแฟมาในระดับใด ก็จะได้รับการตอนรับอย่างดี โดยทางร้านไม่ผ่อนปรนในคุณภาพของวัตถุดิบ ไม่ว่าจะเป็นอาหารและกาแฟ ซึ่งเข้ากับคอนเซปต์ ‘Non-boundary’ ของทางร้าน ซึ่งจะไม่สร้างพรมแดนระหว่างความต้องการของลูกค้าและทางร้าน แต่ขั้นตอนต่างๆ ในการเตรียมอาหารและเครื่องดื่มก็ยังคงความเป็นมืออาชีพตามมาตรฐานของ One Ounce for Onion
The Drinks
OOObkk ยังมีเมล็ดกาแฟจาก Espressoman ให้เลือกถึง 3 แบบ จากที่เมื่อก่อนมีเพียงแบบเดียวคือ กาแฟคั่วอ่อนที่มีรสเปรี้ยว แบบแรกที่ลูกค้าสามารถเลือกได้คือ กาแฟคั่วอ่อนที่มีรสเปรี้ยว แสดงถึงความเป็นผลไม้ ซึ่งเป็นการเบลนด์ระหว่างเมล็ดกาแฟจากเอธิโอเปียและบราซิล เหมาะสำหรับสั่งแบบอเมริกาโน แบบที่สองคือ กาแฟคั่วปานกลาง ไม่ไหม้และไม่เปรี้ยวเกินไป โชว์รสชาติของถั่ว ซึ่งเป็นกาแฟ Single Origin ของบราซิล หรืออาจจะใช้กาแฟไทยจากดอยสามหมื่นแล้วแต่วัน ส่วนแบบสุดท้ายคือ กาแฟคั่วเข้ม มีความหนักแน่น แต่ไม่ขมเกินไป โดยทางร้านใช้กาแฟไทย
Dirty และ Coffee Cream Cake
เมนูกาแฟมีให้เลือกตั้งแต่แบบเบสิกอย่าง Dirty (100 บาท) ซึ่งเป็นนมเย็นราดช็อตเอสเพรสโซ เราเลือกเป็นเมล็ดกาแฟคั่วปานกลาง มีรสชาตินุ่มนวล ไม่เข้มและอ่อนเกินไป หรือแม้กระทั่ง ‘กาแฟแบบไทยๆ’ อย่างเอสเพรสโซเย็นหรือคาปูชิโนเย็น ที่ทางร้านเคยปฏิเสธที่จะทำให้ลูกค้า ฟ้าบอกว่า ทางร้านตีความกาแฟประเภทนี้ใหม่โดยถอดรหัสดูว่าลักษณะที่ลูกค้าใจกาแฟจำพวกนี้คืออะไร และออกมาในรูปแบบของทางร้าน โดยที่ไม่ดูผิดจนเกินไป เช่น เอสเพรสโซเย็น (90 บาท) กาแฟที่มีความเข้มข้นของรสชาติและบอดี้ของตัวกาแฟ ซึ่งทางร้านจะใช้น้ำตาลมะพร้าวเพื่อเสริมเนื้อสัมผัสของกาแฟ หรือ คาปูชิโนเย็น (95 บาท) ที่ได้คิดค้น ‘ครีมกาแฟ’ ที่ผสมระหว่างครีมกับนมเข้าด้วยกัน
Coffee Granita & Lemon with Meringue แบบเย็นชื่นใจ
นอกจากนี้ยังมีกาแฟซิกเนเจอร์เช่น Coffee Granita & Lemon with Meringue (135 บาท) โดยนำกาแฟเอธิโอเปียกับบราซิลมาทำเป็นช็อตเอสเพรสโซ ผสมกับน้ำผึ้งและมะนาว แช่แข็งและนำมาขูดเป็นกรานิตา โปะหน้าด้วยเมอแรงก์ มีความหวานมันโดยตัดกับกรานิตากาแฟที่ให้รสชาติคล้ายชามะนาว แต่มีความเข้มข้นกว่าจากกาแฟ ส่วนเมนูกาแฟที่เราชอบอีกตัวคือ Coffee Cream Shake (130 บาท) ที่เป็นครีมกาแฟแช่แข็งแล้วเอามาปั่น ทำให้ไม่มีความเจือจางของน้ำเหมือนกาแฟปั่นทั่วไปตามท้องตลาด
ไก่ทอดหนังกรอบๆ
The Dishes
แทน-ภากร โกสิยพงษ์ ซึ่งเป็นผู้อยู่เบื้องหลังเมนูคอนเซปต์ความหลากหลายทางวัฒนธรรมที่เสิร์ฟที่สาขาช่างชุ่ย และเจ้าของร้าน Ekamian ที่เอกมัย เล่าให้ฟังว่า เมนูอาหารของ OOObkk ยังคงคอนเซปต์เดิม แต่ทำออกมาในรูปแบบที่เข้าใจง่ายและสื่อสารกับลูกค้าได้สะดวกขึ้น เมนูอาหารแบ่งออกเป็นหมวดหมู่ต่างๆ ให้เข้าใจง่าย เช่น หมวด OOO’s On Toast ซึ่งเป็นเมนูแซนด์วิชที่ใช้ขนมปังจากร้าน Conkey’s ทั้งหมด เราลอง Vegetarian (180 บาท) เป็นแซนด์วิชบริออชหน้าเปิด (Open Sandwich) ทาด้วยครีมที่ทำจากมะเขือยาวเผา มีรสชาติสโมกกี้กลบรสชาติดินของบีทรูททาร์ทาร์ได้เป็นอย่างดี แต่ยังคงความหวานและรสสัมผัสกรอบนิดหน่อยของบีทรูทอยู่ โรยหน้าด้วยเฟตาชีส
เลือกจานไหนดีล่ะ?
Chinese Fried Chicken (240 บาท) ไก่ทอดของทางร้านถูกจับคู่กับรสชาติแบบจีน โดยทางร้านได้ทำเพสโต้แบบจีนขึ้นมาเอง โดยใช้ต้นหอม ขิง น้ำมันงา กระเทียม และเหล้าจีน มีความแปลกและรสชาติเผ็ดปลาย ส่วนพิซซ่าถูกตีความใหม่เป็นสไตล์เกาหลี ออกมาในรูปแบบ Korean Pizza (260 บาท) โดยใช้แป้งต๊อกโบกีเป็นเบสราดด้วยซอสโบโลญเนสในแบบฉบับของทางร้าน โดยทำจากมะเขือเทศ โคชูจัง และน้ำปลา ให้ความกลมกล่อมและแปลกไปอีกแบบ
What You Should Know
- ทางร้านไม่มีที่จอดรถ เราแนะนำให้จอดได้ในซอยข้างๆ หรือใครอยากสะดวกหน่อย ไม่ต้องลุ้นที่ว่าง ก็จอดได้ในคอมมูนิตี้มอลล์อย่าง The Scene ซึ่งอยู่ไม่ไกลมาก
- OOObkk ได้รับความนิยมโดยสายคาเฟ่ฮอปเปอร์และช่างภาพอินสตาแกรมสมัครเล่นอย่างมาก ถ้าอยากนั่งอ่านหนังสือสบายๆ เราแนะนำให้มาช่วงเช้า ก่อนเที่ยง หรือบ่ายแก่ๆ
OOObkk
Open: เปิดบริการวันจันทร์-ศุกร์ เวลา 08.00-19.00 น. และวันเสาร์-อาทิตย์ เวลา 08.00-20.00 น.
Address: 291 ซอยลาดพร้าว 94 วังทองหลาง กรุงเทพฯ
Budget: 100-300 บาท
Contact: โทร. 09 8812 4649
Map:
พิสูจน์อักษร: พรนภัส ชำนาญค้า