Officine Universelle Buly เป็นอีกหนึ่งแบรนด์ความงามกลุ่ม Niche Luxury ที่ได้เข้ามาดิปรัปต์วงการบิวตี้อย่างจริงจังในรอบเกือบทศวรรษที่ผ่านมา และตอบโจทย์คนที่กำลังมองหาสินค้าที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวในท้องตลาด โดยเฉพาะหากเทียบกับเคาน์เตอร์แบรนด์แม้จะระดับพรีเมียม ซึ่งความสำเร็จของ Officine Universelle Buly ก็ถึงขั้นที่ว่าบริษัทลักชัวรีอันดับ 1 ของโลกอย่าง LVMH ก็ได้ซื้อกิจการไปเพื่อเป็นแบรนด์ที่ 76 ในเครือเมื่อปลายปีที่แล้ว
ล่าสุด Officine Universelle Buly ก็ได้เปิดแฟลกชิปสโตร์ร้านแรกในไทย ณ ชั้น 1 ของห้างเซ็นทรัลชิดลม ติดทางเข้าถนนใหญ่ ซึ่งตกแต่งได้อย่างสง่างามกับกลิ่นอายความเป็นร้านขายยาแบบโบราณที่เรียกว่า Apothecary ผสมผสานดีเทลความโมเดิร์นสมัยใหม่ที่ผลลัพธ์ถือว่า Instagrammable สุดๆ และคนต้องอยากไปเช็กอินถ่ายรูป โดย Ramdane Touhami ที่ได้ปัดฝุ่นแบรนด์ Officine Universelle Buly เมื่อปี 2014 และซื้อกิจการมาทำกับภรรยา Victoire de Taillac ก็ได้เป็นคนดูแลด้านการดีไซน์ของร้านที่กรุงเทพฯ เองแบบทุกกระเบียดนิ้วเหมือนที่เขาได้ทำมากับร้านที่ปารีส นิวยอร์ก โซล และโอซาก้า ซึ่งเขาก็เคยบอกนิตยสาร Vogue ว่าไม่อยากให้แต่ละร้านดูเหมือนกัน เพราะมองว่าน่าเบื่อ และทุกที่ควรมีเรื่องราวเป็นของตัวเอง
ความน่าสนใจของ Officine Universelle Buly ก็คือจนถึงปี 2014 ที่ Ramdane Touhami และ Victoire de Taillac ได้ซื้อกิจการมาทำใหม่ ทางแบรนด์ก็มีเพียงไอเท็มเดียวเท่านั้นที่เป็นโลชั่นชื่อว่า Vinaigre de Bully ซึ่งคิดค้นโดยผู้ก่อตั้งแบรนด์ Jean-Vincent Bully เมื่อปี 1803 โดยต่อมาทางสามีภรรยาคู่นี้ก็ได้นำเสนอสินค้ากว่าอีกพันรายการ ซึ่งตัวไฮไลต์ก็มีให้จับจองแบบครบเซ็ตที่ร้านกรุงเทพฯ เร่ิมด้วยน้ำหอมสูตร Water-based ชื่อ Eau Triple ที่มีทั้งหมด 12 กลิ่นและปราศจากการใช้แอลกอฮอล์ ต่อด้วยไอเท็มสกินแคร์ต่างๆ แฮนด์ครีม เทียนหอมที่มาในบรรจุภัณฑ์หินอ่อนและจุดได้นาน 100 ชั่วโมง ลิปมันที่สามารถสลักตัวอักษรย่อตรงฝาเปิดได้ ยาสีฟัน แปรงสีฟัน และยังมีหวีที่ทำมาจากไม้ Minebari จากประเทศญี่ปุ่นอีกด้วย
สินค้าทุกไอเท็มก็สามารถซื้อเป็นของขวัญชิ้นพิเศษได้ โดยมีพนักงานเขียนข้อความในรูปแบบของอักษรวิจิตร (Calligraphy) ให้ได้ พร้อมกับห่อผลิตภัณฑ์ในสไตล์ญี่ปุ่น และปิดท้ายด้วยตราประทับของ Officine Universelle Buly
ภาพ: Officine Universelle Buly