‘อยู่บ้าน หยุดเชื้อ เพื่อชาติ’ คือมาตรการที่รัฐบาลพยายามรณรงค์ให้ทุกคนอยู่กับบ้านหรือทำงานที่บ้าน เพื่อลดการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 หลายบริษัทมีนโยบายให้พนักงานทำงานที่บ้านได้ หลายคนเมื่อต้องทำงานที่บ้านก็ต้องปรับตัว บริหารจัดการตัวเองให้เหมาะสมในช่วงที่ต้องทำงานที่บ้าน แล้วถ้าเลือกได้อยากจะทำงานที่บ้านต่อหรือจะกลับไปทำงานที่ออฟฟิศ THE STANDARD พูดคุยกับ 3 คน 3 อาชีพ ที่เปลี่ยนจากการทำงานในออฟฟิศมา Work from Home
ติว-ณกุล นาคะสุวรรณ เจ้าหน้าที่สื่อสารองค์กรของบริษัทเอกชนแห่งหนึ่ง
ติว-ณกุล นาคะสุวรรณ ดูแลงานรับผิดชอบงานด้านสื่อสารองค์กรของบริษัทเอกชนแห่งหนึ่ง เล่าให้เราฟังถึงภาระงานก่อนหน้านี้ที่ดูแล ติวบอกว่าจากเดิมที่ต้องเข้าออฟฟิศ 8โมงเช้า เลิก 5โมงเย็น เหมือนกับมนุษย์ออฟฟิศทั่วๆ ไป พอทำงานที่บ้านเวลาเข้า-ออกงานไม่ค่อยชัดเจนมาก บางครั้งมีงานด่วนตอน 3 ทุ่ม เขาก็ต้องทำ เพราะพรุ่งนี้จะได้เดินงานอื่นๆ ต่อ
ติวบอกว่าการทำงานที่บ้านของเขาเหนื่อยขึ้น ใช้พลังมากขึ้น เพราะต้องสื่อสารให้คนในทีมเข้าใจงานร่วมกันผ่านออนไลน์ ซึ่งบางครั้งอาจต้องใช้พลังมากกว่าเดิมที่เจอหน้ากัน แต่ข้อดีคือเขาไม่ต้องเดินทาง และทุกคนสามารถปรับใช้เทคโนโลยีเดิมที่มีอยู่ให้เกิดประโยชน์สูงสุด จากเดิมที่หลายๆ คนใช้การแชร์ไฟล์ผ่านออนไลน์ไม่เป็น ตอนนี้ก็ต้องทำแล้ว ด้วยสภาพบังคับ
ยอดเถา ช่วยประสิทธิ์ ช่างภาพอิสระ
ขณะที่ ยอดเถา ช่วยประสิทธิ์ ช่างภาพอิสระ ทันทีที่เราถามว่าอาชีพช่างภาพอิสระเป็นอย่างไรบ้างในช่วงนี้ เขาตอบทันทีว่า “แทบจะไม่มีงานเลยครับ” เขาเล่าให้เราฟังว่าช่างภาพอย่างเขาไม่มีงานมา 2 เดือนกว่าแล้ว ตอนนี้ก็ต้องอาศัยเงินเก็บและก็พยายามประหยัดให้ได้มากที่สุด แต่เขาบอกว่าโชคดีที่ก่อนเข้าสู่ภาวะวิกฤตเขาได้งานชิ้นใหญ่ ประกอบกับช่วงนี้ยังพอมีงานจากลูกค้าเก่าและเพื่อนที่รู้จัก แต่เขาก็ต้องถ่ายงานที่บ้าน ดังนั้น ขอบเขตงานอาจไม่ได้ดีเท่าถ่ายในสตูดิโอแบบเดิม
ยอดบอกว่าตอนนี้ยังเคว้งอยู่ แม้สถานการณ์ยังคงเป็นเช่นนี้ เขาก็ยังไม่มีแผนในการเปลี่ยนอาชีพหรือทำงานอื่น แต่เชื่อว่าอย่างไรก็ตามสถานการณ์น่าจะดีขึ้นในเร็ววัน งานต่างๆ คงจะกลับมาแม้อาจไม่เยอะเหมือนเดิม
แสตมป์-พล ศิริวัฒนกุล อาร์ตไดเรกเตอร์ บริษัทเอกชน
ด้าน แสตมป์-พล ศิริวัฒนกุล อาร์ตไดเรกเตอร์ บริษัทเอกชน ที่ดูแลเกี่ยวกับกราฟิกดีไซน์และออกแบบสื่อ ที่บอกกับเราว่า วิถีชีวิตเขาไม่ได้เปลี่ยนมากนัก บางวันเข้างานเร็ว บางวันก็เข้างานสายหน่อย แล้วแต่ว่าวันไหนมีงานมาก-น้อย เขาบอกว่าชีวิตอิสระมากขึ้น ไม่ต้องเผชิญรถติด และอยู่บ้านมีโอกาสได้ลุกขึ้นมาทำอย่างอื่นมากขึ้น ไม่ได้นั่งหน้าเครื่องคอมพิวเตอร์ตลอดเวลา แต่ถ้าเวลามีงานด่วนเขาก็พร้อมอยู่ตลอดเวลา
สิ่งสำคัญที่แสตมป์และติวพูดตรงกันคือ ถ้าเลือกได้ก็อยากกลับไปทำงานที่ออฟฟิศ เพราะการทำงานที่บ้าน ทำให้ต้องใช้พลังมากขึ้นกว่าเดิม โดยเฉพาะงานที่ต้องสื่อสารและต้องพูดคุยกัน จริงอยู่ที่มีเทคโนโลยีให้พูดคุยกันได้ แต่อย่างไรก็ตาม การพูดคุยกันโดยเจอหน้ากันจริงๆ ย่อมทำให้การสื่อสารมีประสิทธิภาพมากกว่า
