นายสมชัย ศรีสุทธิยากร กรรมการการเลือกตั้ง แสดงความเห็นเกี่ยวกับประเด็นที่ สนช. มีมติไม่รับรองว่าที่กรรมการการเลือกตั้ง หรือ กกต. ทั้ง 7 คน เมื่อวานนี้ว่า ในนาม กกต. ไม่สามารถจะบอกได้ว่า เรื่องที่เกิดขึ้นเป็นใบสั่งหรือไม่ แต่หากดูจากคะแนนที่ออกมา ตัวเองคิดว่าคะแนนดูเป็นธรรมชาติ ประเด็นของใบสั่งน่าจะไม่เกิดขึ้น และไม่ได้ออกมาแก้ตัวให้ใคร เพราะถ้าเป็นใบสั่งคะแนนต้องเกาะกลุ่มและเป็นแบบแผนมากกว่านี้ อีกทั้งการลงคะแนนก็เป็นไปในทางลับ สนช. แต่ละคนก็มีเสรีภาพในการลงคะแนน แต่คิดว่า สนช. ต้องทำการวิเคราะห์เพื่อหาทางแก้ไขในรอบใหม่ เพื่อไม่ให้เกิดการซ้ำรอย
นายสมชัย ยังวิเคราะห์อีกว่า เหตุที่ สนช. ไม่รับรองว่าที่ กกต. เพราะเป็นเรื่องกระบวนการสรรหา ที่ใช้วิธีการใหม่ตามรัฐธรรมนูญ ที่ประชุมใหญ่ศาลฎีกาและกรรมการสรรหาต้องทบทวนวิธีการว่าการลงคะแนนโดยเปิดเผย ตีความว่าอย่างไร ไม่ให้เกิดเหตุซ้อนเพราะประเทศชาติมีต้นทุน
“กระบวนการสรรหาทั้งสองทางยังไม่ได้ทำตามกฎหมายใหม่ที่ให้ลงคะแนนโดยเปิดเผย จึงเป็นบทเรียนในครั้งต่อไป ให้ดำเนินการให้ถูกต้องตามรัฐธรรมนูญ”
ส่วนที่มีการตั้งข้อสงสัยในความรู้ความสามารถของว่าที่ กกต. ที่พูดกันว่า มือไม่ถึง นายสมชัยมองว่าจะโทษผู้สมัคร 7 คนไม่ได้ เพราะเขาผ่านกระบวนการสรรหามา และก็โทษกรรมการสรรหาไม่ได้ เพราะทุกอย่างทำตามรัฐธรรมนูญ
ดังนั้นเรื่องนี้หากจะต้องโทษใคร ก็ต้องโทษคนเขียนกติกา คือ กรธ. เพราะเขียนคุณสมบัติขั้นเทพเกินจริง และทำให้กระบวนการลงมติโดยเปิดเผยซึ่งสร้างความลำบากใจให้กับกรรมการสรรหา
นายสมชัยระบุว่า ต่อจากนี้อยู่ในช่วงประคองสถานการณ์ ที่เป็นโจทย์ให้กรรมการสรรหาต้องคัดคนที่มีความรู้ความสามารถ ตรงตามสเปกขั้นเทพและมีประวัติที่สมบูรณ์แบบ และนับจากนี้ไปกระบวนการทั้งหมดจะเริ่มขึ้นใหม่ คือการรับสมัคร การสรรหา กกต. ภายใน 90 วัน กระบวนการในที่ประชุม สนช. พิจารณาประวัติอีก 45 วัน และเมื่อได้ชื่อว่าที่ กกต. แล้ว ผู้ที่เป็นว่าที่ กกต. ต้องลาออกจากงานที่ทำอยู่ ภายใน 15 วัน หลังจากนั้นในขั้นตอนของการนำรายชื่อขึ้นทูลเกล้าฯ รวมระยะเวลา ทั้งหมดประมาณ 6 เดือน คือในเดือนสิงหาคมก็คาดว่าจะได้เห็นหน้า กกต. ใหม่