ธงชัย บุศราพันธ์ ประธานกรรมการ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารร่วม และกรรมการผู้จัดการ บริษัท โนเบิล ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือ NOBLE แถลงผลประกอบการปี 2561 เติบโตด้วยกำไรต่อหุ้นที่ 2.16 บาท ซึ่งสูงที่สุดครั้งหนึ่งนับจากก่อตั้งบริษัท มียอดขายเพื่อรอรับรู้รายได้ (Pre-sales) ของโครงการในอนาคตเพิ่มขึ้นถึง 148% พร้อมประกาศกลยุทธ์ 3 ปีจากนี้ที่จะขับเคลื่อนด้วยทีมผู้บริหารชุดใหม่ต่อไปด้วย
กลยุทธ์ใหม่ของบริษัทคือการสร้างยอดขายรวมให้มากกว่า 3 หมื่นล้านบาทในช่วง 3 ปีนับจากนี้ และเพิ่มอัตราผลตอบแทนต่อหุ้นเป็น 30% หรือ 2 เท่าจากเดิม โดยจะยังคงรักษาอัตราส่วนของหนี้ต่อทุนสุทธิที่ 1.5 เท่าเอาไว้ ขณะนี้มีโครงการที่อยู่ระหว่างดำเนินการ 7 โครงการ และโนเบิลจะปรับเพิ่มสัดส่วนโครงการในเซกเมนต์ที่มีการเติบโต เช่น คอนโดมิเนียมที่มีราคาขายอยู่ระหว่าง 1-1.5 แสนบาทต่อตารางเมตร นอกจากนี้จะปรับพอร์ตการลงทุนในที่ดินของบริษัทให้สร้างผลตอบแทนในอัตราที่สูงขึ้น และเพิ่มยอดขายในตลาดต่างประเทศ
ส่วน แฟรงค์ เหลียง รองประธานกรรมการและประธานเจ้าหน้าที่บริหารร่วมของโนเบิล ให้ข้อมูลว่าบริษัทยังมีสินทรัพย์ที่สร้างเสร็จพร้อมขายมูลค่ากว่า 6 พันล้านบาท และพื้นที่เชิงพาณิชย์มูลค่ากว่า 2.5 พันล้านบาท ซึ่งมีต้นทุนที่ต่ำกว่าราคาตลาดในปัจจุบันและไม่มีหนี้สินผูกพัน การเร่งสร้างยอดรับรู้รายได้จากสินทรัพย์ที่มีจะช่วยเพิ่มกระแสเงินสดให้ได้ในทันที และสร้างอัตราผลกำไรสุทธิให้ดีขึ้นได้ ซึ่งโนเบิลได้ร่วมกับฟัลครัม โกลบอล ซึ่งเชี่ยวชาญในตลาดต่างประเทศตั้งแต่ปี 2561 ที่ผ่านมา เชื่อว่าจะสามารถสร้างจุดเปลี่ยนที่สำคัญให้องค์กรได้ จากนี้จะเน้นลงทุนในที่ดินที่มีศักยภาพสูง ติดกับแนวสถานีรถไฟฟ้า โดยตั้งงบประมาณไว้ที่ 3 พันล้านบาทต่อปีในการจัดซื้อที่ดินเพิ่มเติม
THE STANDARD ตรวจสอบราคาหุ้นของ NOBLE จากเว็บไซต์ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยวันนี้ (2 พ.ค.) เวลา 14.30 น. พบว่าราคาหุ้นอยู่ที่ 19 บาท ปรับเพิ่มขึ้น 0.7 บาท หรือ 3.83% ถือเป็นการประกาศรุกธุรกิจครั้งสำคัญที่น่าจับตา ในเวลาที่ความกังวลต่อภาคอสังหาริมทรัพย์เพิ่มมากขึ้นทั้งเรื่องอุปทานส่วนเกินของคอนโดมิเนียมและหนี้ครัวเรือนที่ปรับเพิ่มขึ้น โนเบิลจะขยายตลาดที่ท้าทายนี้อย่างไร ต้องติดตามก้าวต่อไปนับจากนี้
พิสูจน์อักษร: ภาสิณี เพิ่มพันธุ์พงศ์
อ้างอิง:
-
- บริษัท โนเบิล ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน)