ผู้ต้องสงสัยว่าเป็นขบวนการลักลอบขนคนต่างด้าวเข้าเมือง 9 คนเตรียมขึ้นศาลกรีซ หลังเกิดกรณีเรือผู้อพยพล่มนอกชายฝั่งกรีซเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาจนทำให้มีผู้เสียชีวิตจำนวนมาก ถือเป็นอุบัติภัยทางเรือที่เลวร้ายที่สุดครั้งหนึ่งของทะเลเมดิเตอร์เรเนียน
เจ้าหน้าที่กรีซรายงานว่า พบศพผู้เสียชีวิต 78 คนด้วยกัน ขณะที่สามารถช่วยชีวิตผู้ประสบภัยไว้ได้ 104 คน ซึ่งส่วนใหญ่นั้นมาจากซีเรีย อัฟกานิสถาน อียิปต์ และปากีสถาน โดยจุดที่เรือล่มนั้นอยู่ห่างจากเมืองไพลอส (Pylos) ของกรีซราว 80 กิโลเมตร อย่างไรก็ตาม ยังมีผู้สูญหายอีกกว่า 500 คนซึ่งรวมถึงเด็กจำนวนมาก โดยบรรดาญาติพี่น้องยังคงพยายามหาข้อมูลเกี่ยวกับบุคคลที่ตนเองรักหลังเกิดเหตุเรือล่ม ซึ่งหลายฝ่ายคาดการณ์ว่าผู้สูญหายจำนวนดังกล่าวอาจเสียชีวิตแล้ว เนื่องจากเหตุเรือล่มเกิดตั้งแต่วันที่ 14 มิถุนายน โอกาสที่จะค้นพบผู้รอดชีวิตในเวลานี้จึงค่อนข้างริบหรี่
หลังจากข้อมูลปรากฏออกมาว่ามีชาวปากีสถานหลายสิบคนที่อยู่บนเรือลำดังกล่าวด้วย เชห์บาซ ชารีฟ นายกรัฐมนตรีของปากีสถาน จึงได้สั่งการให้มีการปราบปรามขบวนการลักลอบขนคนเข้าเมืองโดยทันที โดยกล่าวว่าคนกลุ่มนี้จะต้องถูกลงโทษอย่างหนัก นอกจากนี้ยังมีการประกาศไว้อาลัยทั่วประเทศในวันนี้ (19 มิถุนายน) ด้วย
หลังเกิดเหตุดังกล่าว หลายฝ่ายได้ตำหนิเจ้าหน้าที่กรีซที่ไม่สามารถให้ความช่วยเหลือเหล่าผู้อพยพได้อย่างทันท่วงที โดยทางการกรีซแก้ต่างว่าคนในเรือบอกว่าไม่ได้ต้องการรับความช่วยเหลือใดๆ แต่องค์กรนอกภาครัฐที่ไม่แสวงหาผลกำไร (NGO) หลายแห่งบอกว่า ทางองค์กรได้รับโทรศัพท์ขอความช่วยเหลือจากเรือดังกล่าวอยู่หลายครั้งก่อนที่จะเกิดเหตุสลดขึ้น
ขณะเดียวกัน เจ้าหน้าที่ตำรวจในแคชเมียร์ซึ่งบริหารงานโดยปากีสถานกล่าววานนี้ (18 มิถุนายน) ว่า พวกเขาได้จับกุมคน 10 คนซึ่งคาดว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับการลักลอบส่งตัวเยาวชนในท้องถิ่นไปยังลิเบียเพื่อเดินทางต่อไปยังยุโรป เจ้าหน้าที่กล่าวว่ามีผู้ถูกควบคุมตัว 9 คนในแคชเมียร์ และอีก 1 คนในรัฐคุชราต ซึ่งเป็นเมืองที่มีปัญหาเรื่องผู้อพยพมาช้านาน
อนึ่ง สำนักงานข้าหลวงใหญ่ผู้ลี้ภัยแห่งสหประชาชาติ หรือ UNHCR ระบุว่า เชื่อว่ามีคนราว 400-750 คนอยู่บนเรือลำนี้ และเหตุการณ์ดังกล่าวอาจเป็นเหตุเรืออับปางของผู้ลี้ภัยที่มียอดผู้เสียชีวิตมากเป็นอันดับสองรองจากเหตุการณ์ที่เรืออีกลำหนึ่งล่มในเส้นทางลิเบีย-อิตาลีเมื่อเดือนเมษายน 2015 ซึ่งคร่าชีวิตผู้คนไปประมาณ 1,100 คนด้วยกัน
แฟ้มภาพ: Greek Coast Guard/Handout/Anadolu Agency via Getty Images
อ้างอิง:
