×

“A Lannister always pays his debts.” นิโคไล คอสเตอร์-วัลดาอู นักแสดงผู้ไม่เคยติดค้างใครกับภารกิจตอบแทนสังคม

02.10.2017
  • LOADING...

HIGHLIGHTS

6 Mins. Read
  • นิโคไล คอสเตอร์-วัลดาอู หรือที่รู้จักกันในนาม ‘เจมี แลนนิสเตอร์’ จากซีรีส์ชื่อดัง Game of Thrones เดินทางถึงประเทศไทยเมื่อวันที่ 28 กันยายนที่ผ่านมา พร้อมกับการปฏิบัติหน้าที่ Goodwill Ambassador หรือทูตสันถวไมตรีของโครงการพัฒนาแห่งสหประชาชาติ (UNDP) เป็นเวลา 3 วันระหว่างวันที่ 28-30 กันยายน 2560
  • โดยระหว่างการเดินทาง เขาได้เยี่ยมชมตลาดบกแห่งแรกของประเทศไทยที่ชุมชนนางเลิ้ง ก่อนที่จะเดินทางไปตำบลโคกขาม จังหวัดสมุทรสาคร เพื่อเยี่ยมชมโครงการรับมือการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและการอนุรักษ์ความหลากหลายทางชีวภาพ ก่อนจะปิดท้ายด้วยการเป็นผู้ตัดสินกิตติมศักดิ์ในการแข่งขันฟุตบอลหญิงที่โรงเรียนนานาชาติ NIST ในกรุงเทพมหานคร

     ในซีรีส์มหากาพย์ Game of Thrones คนในตระกูลราชสีห์อย่างแลนนิสเตอร์นั้นไม่เคยเป็นหนี้ใคร “A Lannister always pays his debts.” เป็นคำพูดที่อาจจะดูมีความหมายในแง่ลบ เนื่องจากทองของบ้านแลนนิสเตอร์มักจะใช้ในสถานการณ์เอาตัวรอดจากความยากลำบากต่างๆ และบทบาทของตัวละคร เจมี แลนนิสเตอร์ ได้สร้างความรู้สึกทั้งรัก ชอบ หลง เกลียด มาตลอด 7 ซีซันที่ผ่านมา แต่เชื่อว่าหลังจากคุณได้อ่านบทความนี้จนจบ ความรู้สึกต่อ นิโคไล คอสเตอร์-วัลดาอู (Nikolaj Coster-Waldau) นักแสดงชาวเดนมาร์ก วัย 47 ปี อาจจะเปลี่ยนแปลงไป

     เมื่อวันที่ 28 กันยายน ช่วงเวลาบ่ายสองครึ่ง ตลาดนางเลิ้ง ซึ่งปกติหากเลยเวลาเที่ยงไปแล้วจะเงียบเหงาลง แต่วันนี้กลับมีชีวิตชีวาขึ้นอีกครั้ง เมื่อนิโคไล คอสเตอร์-วัลดาอู หรือเจมี แลนนิสเตอร์ จากซีรีส์ชื่อดังที่คนค่อนโลกกำลังติด Game of Thrones ได้เดินทางมาถึงประเทศไทย พร้อมกับภารกิจการเป็นทูตสันถวไมตรี (Goodwill Ambassador) ของโครงการพัฒนาแห่งสหประชาชาติ หรือ UN Development Program ซึ่งใช้เวลาเดินทางไปตามชุมชนนางเลิ้งเพื่อสัมผัสประสบการณ์ตลาดบกแห่งแรกของประเทศไทย

 

 

     ในระหว่างที่นิโคไลกำลังใช้มือขวาหยิบขนมไทยนานาชนิดขึ้นมาชิมระหว่างเดิมชมตลาด พร้อมกับเสียงผู้คนข้างหลังซุบซิบกันว่า “ไหนล่ะ มือทองที่โด่งดังของเจมี แลนนิสเตอร์” บ่งบอกได้ว่าคนไทยคุ้นเคยกับตัวละครของนิโคไลมากน้อยขนาดไหน

     แต่สิ่งที่เป็นจุดประสงค์ของนิโคไลกับ UNDP ครั้งนี้ไม่ใช่การโปรโมตซีซันสุดท้ายของ Game of Thrones ที่คนต่างเฝ้ารอ แต่การเดินทางของเขาในครั้งนี้คือการพัฒนาชุมชนนางเลิ้งผ่านการสร้างความตื่นตัวให้กับผู้คนเกี่ยวข้องกับเรื่องอาหารและศิลปวัฒนธรรมไทยต่างๆ ในชุมชนที่กำลังจางหายไป

 

 

ทำไมต้องนางเลิ้ง

     ตลาดนางเลิ้งจากคำบอกเล่าของคนในชุมชนคือสยามเซ็นเตอร์ของผู้คนสมัยก่อน เนื่องจากเป็นตลาดบกแห่งแรกที่เกิดขึ้นจากการขยายตัวของชุมชน โดยจากหนังสือ ‘จดหมายเหตุเล่าเรื่องถนนเมืองบางกอก เล่มที่ 1’ ในสมัยรัชกาลที่ 5 ได้โปรเกล้าฯ ให้สร้างสะพานเทวกรรมรังรักษ์ข้ามคลองผดุงกรุงเกษม เชื่อมต่อถนนประตูยอดกับถนนคอเสื้อ (ถนนพิษณุโลก) และได้ก่อสร้างตลาดนางเลิ้ง ตลาดบกแห่งแรกขึ้นเพื่อสนับสนุนการค้าในย่านนี้

     ด้วยสาเหตุนี้ ถนนเส้นที่ตัดผ่านหน้าตลาดนางเลิ้งได้มีชื่อเรียกจากคนในชุมชนว่า ‘ถนนตลาด’ (ก่อนจะเปลี่ยนชื่อเป็นถนนนครสวรรค์ในรัชสมัยของพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว) การสร้างตลาดบกพร้อมกับถนนผ่านหน้าตลาดส่งผลให้พื้นที่แห่งนี้มีความเจริญรุ่งเรืองตามแนวถนนและย่านตลาด ดังที่ปรากฏความใน นิราศชมพระราชวังสวนดุสิต ของกวีนิรนาม ซึ่งคาดว่าประพันธ์ขึ้นในรัชสมัยของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เมื่อราว พ.ศ. 2451

 

     “ลงสะพานมาในย่านทางถนน ประชาชนอึงอื้อเขาซื้อขาย เช่าอยู่สองชั้นกั้นสบาย ทั้งหญิงชายขายค้าสารพัน”

 

     แต่มาถึงวันนี้ ตลาดนางเลิ้งกลับประสบปัญหาจำนวนคนเดินตลาดน้อยลง เนื่องจากการเดินทางของคนได้เปลี่ยนจากการคมนาคมด้วยเรือไปสู่รถม้า สู่รถราง และเมื่อรางเก่าถูกรื้อออกเพราะต้องหลีกทางให้กับการคมนาคมแบบปัจจุบันอย่างรถยนต์ ผู้คนก็ไม่สามารถเดินทางมาสู่ตลาดแห่งนี้ได้เหมือนเมื่อก่อน เนื่องจากปัญหาการหาที่จอดรถลำบาก

     ผลกระทบนี้ส่งผลให้รายได้ในชุมชนลดลง และนั่นก็เป็นเหตุผลที่ UNDP นำนักแสดงอย่างนิโคไลมาสำรวจทั้งรสชาติและความเปลี่ยนแปลงที่กำลังเกิดขึ้นต่อชุมชนโบราณของกรุงเทพฯ แห่งนี้ เพื่อสร้างความตื่นตัวผ่านกระบอกเสียงของโลกโซเชียลมีเดีย

 

 

     นิโคไลเดินทางไปสำรวจแผงอาหารต่างๆ พร้อมพูดคุยกับคนในชุมชน ซึ่งระหว่างการชิมไปคุยไปของนิโคไล กิจกรรมต่างๆ ของเขาก็ถูกบันทึกลงกล้อง DSLR Mirrorless และสมาร์ทโฟน ก่อนที่จะแพร่กระจายสู่โลกโซเชียลมีเดียอย่างรวดเร็ว

     แต่ท่ามกลางการพาดหัวข่าวนั้น สิ่งที่อยู่คู่กับชื่อของนิโคไล, เจมี หรือ Game of Thrones นั้นคือ ‘ตลาดนางเลิ้ง’ แม้จะไม่สามารถกระตุ้นให้คนลุกขึ้นมาอนุรักษ์ชุมชนนางเลิ้งได้ภายในไม่กี่วันหลังจากที่เขาเดินทางกลับขึ้นเหนือ (ไปบ้านเกิดที่เดนมาร์ก) เชื่อว่าหลายคนจะมีโอกาสได้กลับมาพูดถึงและลองไปเยี่ยมชมชุมชน หรือเห็นความสำคัญของตลาดนางเลิ้งมากขึ้น

     อชิ-อชิรญา ธรรมปริพัตรา CEO & Chief of Fun ของ HiveSters ซึ่งเป็นบริษัทนำเที่ยวและอนุรักษ์ชุมชนโบราณต่างๆ ในเมืองไทยที่ได้ร่วมนำนักแสดงคนดังเดินเที่ยวชุมชนนางเลิ้งเปิดเผยว่า นี่เป็นโอกาสสำคัญในการสร้างความรู้สึกภูมิใจให้กับผู้คนในชุมชน เนื่องจากภาพที่เห็นคือนักแสดงระดับโลกเดินทางมาชิมอาหารถึงหน้าร้าน และพูดคุยสอบถามเกี่ยวกับศิลปวัฒนธรรมของผู้คนในชุมชน

     แต่ภารกิจของเจมี แลนนิสเตอร์ ยังไม่จบเพียงเท่านี้ เพราะในช่วงเวลา 3 วันของการเป็น Goodwill Ambassador ครั้งนี้คือการสร้างความตื่นตัวทั้งหมด 3 ภาคส่วน ตั้งแต่การสร้างความตื่นตัวต่อชุมชนที่ได้รับผลกระทบจากความเปลี่ยนแปลง และหาแนวทางการพัฒนาที่ยั่งยืน

 

 

     วันที่ 29 กันยายน นิโคไลยังได้เดินทางไปสำรวจตำบลโคกขาม จังหวัดสมุทรสาคร โดยจุดประสงค์คือการเยี่ยมชมโครงการรับมือการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและการอนุรักษ์ความหลากหลายทางชีวภาพ ที่ประกอบไปด้วยจุดชมนกชายเลนชนิดต่างๆ รวมถึงนกที่อพยพมาหากินจำนวนกว่า 50 สายพันธ์ุ และร่วมปลูกต้นโกงกางเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พื้นที่ป่าชายเลนอีกด้วย

     ความสำคัญของโครงการรับมือการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและการอนุรักษ์ความหลากหลายทางชีวภาพ คือพื้นที่นาเกลือโคกขามนี้เป็นแหล่งอาหารสำคัญของนกหลากหลายสายพันธุ์ที่อพยพมาตามแนวเส้นทางเอเชียตะวันออก-ออสเตรเลีย ซึ่งการเปลี่ยนแปลงของภูมิอากาศและรูปแบบการใช้งานที่ดินนั้นส่งผลกระทบต่อถิ่นที่อยู่อาศัย ทำให้ช่วง 30 ปีที่ผ่านมา จำนวนประชากรนกลดลงถึง 80% ซึ่งหากพื้นที่นี้ถูกทำลาย นกอพยพสายพันธ์ุต่างๆ ต้องหาที่อยู่ใหม่ และหากไม่สามารถหาพื้นที่ใหม่ได้ สุดท้ายก็จะสูญพันธุ์ไป

     และภารกิจวันสุดท้ายในประเทศไทยในวันที่ 30 กันยายนนั้น นิโคไลได้รับหน้าที่เป็นผู้ตัดสินกิตติมศักดิ์ในการแข่งขันฟุตบอลหญิง Global Goal World Cup เพื่อให้ผู้คนรู้จักกับโครงการ 17 Sustainable Development Goals ของ UNDP ที่โรงเรียนนานาชาติ NIST ในกรุงเทพฯ เพื่อเป็นการรณรงค์เรื่องของความเท่าเทียมทางเพศ โดย GGWCup นี้ยังมีหน้าที่ช่วยปลุกจิตสำนึกให้กับชุมชนผ่านกีฬาฟุตบอลในการตระหนักถึงผลกระทบที่เกิดขึ้นจากความยากจน ความไม่เสมอภาค และการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ รวมถึงสนับสนุนความก้าวหน้าในการพัฒนาที่ยั่งยืนทั่วโลกอีกด้วย

     เท่ากับว่าช่วงเวลาที่นิโคไลอยู่ในประเทศไทย เขาได้ปฏิบัติหน้าที่ส่งเสริมการพัฒนาชุนชน การอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม และการเรียกร้องความเท่าเทียมทางเพศทั้งหมดภายในเวลา 3 วันด้วยกัน

 

 

     “ผมดีใจที่มีโอกาสได้เดินทางมาประเทศไทย พร้อมกับการเยี่ยมชมโครงการที่น่าสนใจของ UNDP Thailand และงานที่พวกเขาทำเป็นสิ่งสำคัญ ผู้คนเหล่านี้เป็นความภาคภูมิใจของคนไทยที่ยินดีและพร้อมจะทุ่มเทเวลาเพื่อช่วยรักษาธรรมชาติและดูแลประเทศไปพร้อมกัน

     “ประสบการณ์ที่มีค่าที่สุดของผมคือการได้พบกับผู้คนในชุมชนนางเลิ้ง และได้พบทุกคนที่ทำงานเกี่ยวกับการพัฒนาสังคมแบบยั่งยืน ถึงแม้ว่าครั้งนี้จะเป็นครั้งแรก แต่คุณแม่ของผมได้เดินทางมาก่อนหน้านี้แล้วเล่าว่าคนไทยเป็นคนที่น่ารักมาก ตอนแรกผมก็ไม่เชื่อ แต่พอได้มาครั้งนี้ก็พบว่าคนไทยใจดีและต้อนรับดีมาก”

     จากการสังเกตการณ์ของ THE STANDARD ตลอดการเดินทางติดตามรายงานภารกิจของนักแสดงคนดัง 2 วันที่ตลาดนางเลิ้งและตำบลโคกขาม สิ่งที่สังเกตเห็นได้ชัดเจนที่สุดคือความใส่ใจของชายชื่อนิโคไลคนนี้ที่มักจะถามความรู้สึกของผู้คนในชุมชน รวมถึงสอบถามข้อมูลต่างๆ เกี่ยวกับแผนการอนุรักษ์และพัฒนาสังคมต่างๆ จากคนในพื้นที่ ซึ่งถือว่าเป็นภาพที่น่าประทับใจสำหรับนักแสดงที่โดยปกติแล้วหลายๆ คนไม่คิดไม่ฝันว่าจะได้พบเจอ

 

 

     นิโคไลได้พกทั้งรอยยิ้ม ความเป็นกันเอง และ ความเอาใจใส่มาให้กับผู้คนในชุมชนผ่านโครงการของ UNDP Thailand ซึ่งน่าสนใจที่ว่า ในฐานะคนไทยที่อยู่ร่วมกับศิลปวัฒนธรรมต่างๆในประเทศเองจะสามารถอนุรักษ์สิ่งต่างๆ ที่คนดังได้เดินทางมาเยี่ยมชมในครั้งนี้ต่อไปได้หรือไม่

     นิโคไล คอสเตอร์-วัลดาอู หรือที่รู้จักกันในภาพของบทบาทเจมี แลนนิสเตอร์ ตัวละครที่คนดูทั้งรักและเกลียดปนๆ กัน ได้สร้างความผูกพันให้กับผู้คนทั่วโลกผ่านซีรีส์ Game of Thrones ซึ่งประโยคที่ตัวละครของเขามักจะพูดบ่อยคือคำว่า “A Lannister always pays his debts.” แต่คำว่า debts หรือ ‘หนี้’ ในที่นี้อาจจะเป็นคนละความหมายกับในซีรีส์ เนื่องจากวันนี้นิโคไลได้ใช้หนี้ที่แท้จริงแล้วเขาไม่ได้ติดค้างอะไร

     นี่คือความรับผิดชอบต่อสังคมที่มักจะมาพร้อมกับชื่อเสียง เพราะยิ่งมีผู้ติดตามในโลกโซเชียลมีเดียมาก เช่นเขาที่มีผู้ติดตามกว่า 1 ล้านคนในอินสตาแกรม ก็มีส่วนสำคัญไม่น้อยในการสร้างความเปลี่ยนแปลงและปลุกให้ผู้คนตื่นตัวในการแก้ไขปัญหาต่างๆ ในสังคมได้

     ปัญหาต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นความยากจนที่เกิดจากการขาดการพัฒนาแบบยั่งยืนที่ชุมชนนางเลิ้ง ปัญหาโลกร้อนและสัตว์สูญพันธ์ุ ซึ่งอาจเกิดจากการไม่อนุรักษ์ธรรมชาติในพื้นที่โคกขาม และ ปัญหาความไม่เท่าเทียมกันทางเพศ ซึ่งนิโคไลได้เคยให้สัมภาษณ์ไว้กับ UNDP ว่า เขาต้องการให้ลูกสาวของเขาเติบโตขึ้นมาในโลกที่พวกเธอสามารถเดินตามฝันได้อย่างเต็มที่โดยไม่มีข้อจำกัดเรื่องเพศอีกต่อไป

     เพราะเมื่อวันหนึ่งที่ปัญหาใหญ่เกินกว่าที่จะสามารถแก้ไขได้ เปรียบเสมือนคำพูดของจอน สโนว์ ที่นำแสดงโดยคิต แฮริงตัน พูดใน Game of Thrones ว่า “Winter has come.” เราจะกลับมาเสียใจไม่ได้ว่า ในวันที่มีโอกาส เรากลับยืนนิ่งเฉยเพราะเชื่อว่าไวต์วอล์กเกอร์ไม่มีอยู่จริง

 

 

Photo: สลัก แก้วเชื้อ

อ้างอิง

FYI
  • นิโคไล คอสเตอร์-วัลดาอู นักแสดงชาวเดนมาร์ก วัย 47 ปี ตัดสินใจร่วมงานกับ UNDP ในฐานะ Goodwill Ambassador ครั้งแรกเมื่อเดือนกันยายน ปี 2016
  • นิโคไลให้สาเหตุการตัดสินใจเข้าร่วมโครงการว่า “เหมือนกับพ่อแม่ทุกคน ผมต้องการให้ลูกสาวทั้ง 2 คนเดินทางตามความฝันในชีวิตของพวกเขาได้ แต่เราไม่สามารถสร้างโอกาสและอนาคตที่สดใสให้กับลูกๆ ของเราโดยไม่ปกป้องโลกที่เราใช้ชีวิตอยู่ทุกวันนี้”
  • ไวต์วอล์กเกอร์ คือซอมบี้และภูติหิมะซึ่งเป็นปัญหาใหญ่สุดของผู้คนในซีรีส์มหากาพย์บัลลังก์เหล็ก Game of Thrones แต่เป็นปัญหาที่ถูกละเลยและไม่มีใครเชื่อ โดยสุดท้ายแม้จะรวมใจทุกคนให้ช่วยแก้ไขปัญหานี้ได้ก็อาจจะสายเกินไปก็ได้
  • LOADING...

READ MORE




Latest Stories

Close Advertising