Night in Paradise คือภาพยนตร์ออริจินัลจาก Netflix โดยผู้กำกับชาวเกาหลีใต้อย่าง พัคฮุนจอง เจ้าของผลงาน New World (2013), V.I.P. (2017), The Witch: Part 1. The Subversion (2018) และเป็นภาพยนตร์เกาหลีเพียงเรื่องเดียวที่ได้รับเลือกให้เข้าฉายในเทศกาลภาพยนตร์นานาชาติเวนิส ครั้งที่ 77
Night in Paradise เป็นหนังแนวแก๊งสเตอร์ที่บอกเล่าเรื่องราวของ แทกู (อึมแทกู) หนึ่งในสมาชิกแก๊งมาเฟียฝีมือดีที่สูญเสียครอบครัวของตัวเองจากน้ำมือของแก๊งคู่อริ เขาจึงตัดสินใจแอบลอบสังหารหัวหน้าแก๊งคู่อริ ทำให้เขาต้องหนีไปซ่อนตัวที่เกาะเชจู
เมื่อแทกูเดินทางไปถึง เขาได้พบกับ แจยอน (จอนยอบิน จาก Vincenzo) หญิงสาวที่กำลังถูกโรคร้ายค่อยๆ กัดกินชีวิต ที่แปรผันกลายเป็นจุดเริ่มต้นของการหลบหนีบนเส้นทางแห่งการล้างแค้นที่ไม่สิ้นสุด
แม้ว่าในคลิปตัวอย่างจะนำเสนอฉากแอ็กชันไล่ล่าสุดระทึก แต่เมื่อเราได้สัมผัสกับเรื่องราวของภาพยนตร์อย่างครบถ้วน Night in Paradise กลับไม่ได้โดดเด่นด้วยฉากแอ็กชันอย่างที่เราเข้าใจ เพราะภาพยนตร์ค่อนข้างเน้นหนักไปทางประเด็นดราม่าของตัวละครเป็นส่วนใหญ่
ภาพยนตร์ค่อนข้างดำเนินเรื่องไปอย่างเนิบช้า เพื่อให้ผู้ชมได้ซึมซับเรื่องราวของตัวละครหลัก ไล่เรียงตั้งแต่ แทกู ที่ถูกความเคียดแค้นเข้าครอบงำ จนทำให้เขาตัดสินใจแอบลอบสังหารหัวหน้าคู่อริ ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของเรื่องราวทั้งหมด, แจยอน หญิงสาวผู้มีอดีตอันขมขื่นและกำลังจะตายด้วยโรคร้าย เธอจึงเลือกใช้ชีวิตไปวันๆ อย่างไร้ค่า เพื่อเฝ้ารอความตาย
จุดเด่นข้อแรกของภาพยนตร์จึงเป็นเนื้อเรื่องที่เข้มข้นและชวนติดตาม มากกว่าฉากแอ็กชันไล่ล่าที่ถูกโปรโมตในตัวอย่าง
และหนึ่งในองค์ประกอบสำคัญที่ดึงดูดผู้ชมได้ดีไม่แพ้กันคือ มู้ดแอนด์โทนของเรื่องที่ช่วยเสริมให้ภาพยนตร์มีความเคร่งเครียดและจริงจังมากขึ้นกว่าเดิม ทั้งการเกรดดิ้งสีของภาพไปในทางหม่นเป็นส่วนใหญ่ การออกแบบฉากแอ็กชันที่ไม่หวือหวา แต่กลับให้ความรู้สึกรุนแรงและดิบเถื่อน รวมถึงดนตรีประกอบที่เข้ามาเสริมความรู้สึกกดดันของตัวละครให้เด่นชัดยิ่งขึ้น
อีกทั้งการเลือกเกาะเชจู สถานที่ท่องเที่ยวยอดฮิตของเกาหลี มาเป็นโลเคชันหลัก นับว่าเป็นอีกหนึ่งหัวใจสำคัญของเรื่อง เพราะบรรยากาศและทิวทัศน์อันงดงามของเกาะเชจู เราอาจเปรียบได้กับเกาะสวรรค์ที่กำลังถูกชโลมไปด้วยกลิ่นคาวเลือดในยามค่ำคืน ซึ่งสอดคล้องกับชื่อเรื่อง Night in Paradise อย่างลงตัว
จุดเด่นอีกหนึ่งข้อที่ผู้เขียนชื่นชอบเป็นการส่วนตัวคือ นักแสดงนำอย่าง ชาซึงวอน ผู้รับบทเป็นประธานมา ตัวร้ายหลักของเรื่อง ที่ถ่ายทอดความน่าเกรงขามของหัวหน้าแก๊งมาเฟียได้อย่างมีเสน่ห์ ทั้งการใช้น้ำเสียงและท่าทางการแสดงออก ซึ่งโดดเด่นไม่แพ้สองตัวละครหลัก
โดยภาพรวมแล้ว ด้วยรูปแบบการเล่าเรื่องที่ค่อยเป็นค่อยไป ไม่หวือหวา เราจึงคิดว่า Night in Paradise น่าจะเหมาะสำหรับผู้ชมที่ชอบเสพความเข้มข้นของเนื้อเรื่อง และสำหรับใครที่ชื่นชอบหนังแอ็กชันที่รวดเร็ว สนุก และตื่นเต้น ก็อาจจะทำให้ผู้ชมรู้สึกเบื่อได้ง่ายๆ เช่นเดียวกัน
รับชมตัวอย่างได้ที่นี่
พิสูจน์อักษร: ชฎานิสภ์ นุ้ยฉิม
