จากวิกฤตต่างๆ รอบด้าน ทำให้ภาพรวมราคาของที่พักอาศัยในสหราชอาณาจักรในปีนี้ ปรับตัวลดลงเหลือตัวเลขการเติบโตหนึ่งหลัก แต่ถือว่ายังสูงกว่าช่วงโควิด
มร.แฟรงค์ ข่าน กรรมการบริหาร ฝ่ายที่อยู่อาศัย บริษัท ไนท์แฟรงค์ ชาร์เตอร์ (ประเทศไทย) บริษัทที่ปรึกษาและบริหารงานขายอสังหาริมทรัพย์ กล่าวว่า ขณะที่การเติบโตของราคาอสังหาริมทรัพย์ในลอนดอนเติบโตขึ้น 9.2% จากข้อมูลการจดทะเบียนในลอนดอน ประเทศอังกฤษ พบว่าราคาเฉลี่ยของที่พักอาศัยในลอนดอนอยู่ที่ 22 ล้านบาท และคาดว่าราคาที่พักอาศัยในย่านไพรม์แอเรียในกรุงลอนดอนจะปรับตัวขึ้น 2.4%
ข่าวที่เกี่ยวข้อง:
- ‘ดอกเบี้ยขาขึ้น’ กำลังเขย่าตลาดที่อยู่อาศัยในหลายประเทศทั่วโลก ราคาบ้านในออสเตรเลีย-แคนาดาร่วงกว่า 10%
- ภาระ ‘ผ่อนบ้าน’ อาจเป็นพายุลูกใหม่ซ้ำเติมเศรษฐกิจโลก เมื่อดอกเบี้ยบ้านแพงสุดรอบ 15 ปี
- ผู้ซื้อบ้านชาวจีนกลับลำ เร่งชำระคืนเงินกู้ที่อยู่อาศัยล่วงหน้า ท่ามกลางความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจ
ขณะเดียวกันตลาดอสังหาริมทรัพย์เริ่มกลับมาน่าสนใจและมีความต้องการมากขึ้น โดยเฉพาะในไตรมาส 1-2 เห็นได้จากจำนวนการปล่อยกู้ที่เพิ่มขึ้น โดยปัจจุบันธนาคารเริ่มปล่อยเงินกู้ให้กับลูกค้าทั้งในประเทศและต่างประเทศ
ทำให้ในเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา การทำธุรกรรมด้านที่อยู่อาศัยในอังกฤษเพิ่มขึ้นเกือบ 1.5 แสนธุรกรรม แม้อัตราดอกเบี้ยธนาคารในสหราชอาณาจักรจะเพิ่มขึ้นเป็น 2.25% ซึ่งการอนุมัติสินเชื่อที่อยู่อาศัยนั้นก็จะเป็นตัวชี้วัดความต้องการในอนาคตที่คาดการณ์ว่าจะมีมากกว่า 74,000 ธุรกรรม
อีกทั้งอัตราดอกเบี้ยการแลกเปลี่ยนในสกุลเงินเดียวกัน 5 ปี จะเป็นตัวกำหนดราคาสินเชื่อที่อยู่อาศัยแบบคงที่ในสหราชอาณาจักร โดยในช่วงต้นเดือนตุลาคมขยับขึ้นมากว่า 5% ขณะที่ในช่วงต้นเดือนกรกฎาคม อยู่แค่ระดับ 3%
และอีกหนึ่งปัจจัยที่น่าจับตามอง คือค่าเงินดอลลาร์แข็งค่า ทำให้นักลงทุนหลายรายมองหาการลงทุนนอกประเทศ โดยพุ่งเป้าไปที่ลอนดอน ประเทศอังกฤษ ถือเป็นตลาดที่นักลงทุนให้ความสนใจ เพราะใช้เงินลงทุนไม่มากนัก
ด้าน ลาร์ส คริสเตียนส์ ผู้อำนวยการร่วมก่อตั้งของ Fenton Whelan ธุรกิจการลงทุนด้านอสังหาริมทรัพย์ กล่าวต่อว่า เพื่อรองรับโอกาสการเติบโตของตลาด จึงต้องการผลักดันโครงการ Park Modern คอนโด 9 ชั้น ตั้งอยู่บนพื้นที่ใกล้ๆ กับไฮด์พาร์กในกรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ
โครงการมีพื้นที่รวม 190,000 ตารางฟุต มูลค่ารวมมูลค่ากว่า 2 หมื่นล้านบาท เน้นเจาะกลุ่มลูกค้าที่กำลังซื้อสูงไปจนถึงระดับไฮเอนด์ โดยมีราคาเริ่มต้น 2.2 ล้านปอนด์สเตอร์ลิง หรือราว 94 ล้านบาท (คำนวณจากอัตราแลกเปลี่ยน 1 ปอนด์สเตอร์ลิงเท่ากับ 42.56 บาท)
ปัจจุบันโครงการได้ถูกขายออกไปแล้ว 50% ส่วนใหญ่ซื้อไว้เพื่ออยู่อาศัย และล่าสุดได้เตรียมจัดโรดโชว์ในไทย มาเลเซีย และสิงคโปร์ เพื่อหาฐานลูกค้าที่มีรายได้สูง ซึ่งเชื่อว่าจะสามารถตอบโจทย์กลุ่มคนที่มองหาที่อยู่อาศัยไว้ให้บุตรที่ไปเรียนต่อต่างประเทศ
คริสเตียนส์กล่าวอีกว่า ในอนาคตประเมินว่าราคาจะสูงขึ้น ซึ่งหากต้องการขายต่อจะได้ผลตอบแทนจากการลงทุนเพิ่มกว่า 21% และแม้อยู่ใจกลางเมืองที่เป็นย่านที่มีการแข่งขันสูง แต่เชื่อว่าโครงการอสังหาริมทรัพย์ไม่จำเป็นต้องลดราคา เพราะความต้องการยังมีอยู่มาก และที่สำคัญกลุ่มลูกค้าเป้าหมายส่วนใหญ่อยู่ระดับบนที่มีกำลังซื้อสูง
อีกทั้ง ประเมินว่าในอนาคต มูลค่าเช่าในพื้นที่ใจกลางลอนดอนจะปรับตัวเพิ่มขึ้น 19% เนื่องจากมีการฟื้นตัวหลังการแพร่ระบาดของโควิด ส่วนพื้นที่นอกลอนดอน ราคาน่าจะปรับเพิ่มขึ้น 15%