×

คุยกระทบไหล่ นิค บาโรส ถึงการทำงานยุค New Normal และสิ่งที่เขาได้เรียนรู้หลังจากทำงานแต่งหน้าให้ดาราระดับโลกมา 25 ปี

25.09.2020
  • LOADING...

HIGHLIGHTS

  • คุยกระทบไหล่ นิค บาโรส ช่างแต่งหน้าคนไทยที่มีฝีมือระดับงานพรมแดง ถึงชีวิตการทำงานในยุค New Normal รวมถึงสิ่งที่ได้เรียนรู้ด้วยตัวเองหลังจากทำงานกับดาราระดับโลกมา 25 ปี

จากผลกระทบการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ที่เกิดขึ้นทั่วโลก อุตสาหกรรมความงามเผชิญกับช่วงเวลาแห่งวิกฤต วงการบันเทิงระดับโลกมีการหยุดชะงักต่อเนื่องราวกับโดมิโน ภาพยนตร์หลายเรื่องประกาศชะลอการถ่ายทำเพื่อความปลอดภัยของนักแสดงและทีมงาน ในขณะที่เหล่าดาราฮอลลีวูดและคนดังบางคนเริ่มมีข่าวว่าพวกเขาติดเชื้อโควิด-19 เมื่อโลกแห่งอุตสาหกรรมใหญ่ทั้งภาพยนตร์ ดนตรี แฟชั่น และความงามต่างได้รับผลกระทบ อาชีพที่อยู่เบื้องหลังวงการเหล่านั้นอย่างช่างทำผมและช่างแต่งหน้าก็พลอยได้รับผลกระทบไปเต็มๆ เช่นกัน ในโอกาสที่ นิค บาโรส ช่างแต่งหน้าคนไทยฝีมือขั้นเทพระดับงานพรมแดงของโลกเดินทางกลับเมืองไทยเพื่อเยี่ยมครอบครัว THE STANDARD POP จึงชวนเขามาอัปเดตเรื่องราวการทำงานในช่วงเวลาสำคัญเช่นนี้ ว่าเขาปรับตัวอย่างไรในยุคที่วิถีชีวิตของผู้คนก้าวเข้าสู่วิถีชีวิตแบบใหม่โดยไม่ทันตั้งตัว 

 

 

 
 
 
 
 
View this post on Instagram
 
 
 
 
 
 
 
 
 

 

#TBT When @lancomeofficial asked me to teach class on make up on dark skin and these are the gorgeous models that the @sephorapro worked on ( and they go train other artists. ) I love this picture because it reminds me of this pic of Yves Saint Laurent at one of his shows I’m always obsessed with ( Obviously Not comparing myself to YSL but that was what I saw in fashion magazines growing up, you always see him featuring WOC on his shows and I can relate to it growing up in Asia where colorism is deeply rooted in our culture even before the European arrived ( was even told by one of the cousins that I shouldn’t pursue a career in beauty because no one will take my expertise seriously because I don’t look the part. Best thing someone ever said to me actually, it made me think about it more seriously…then years later after my name printed in Vogue, NY Times, People, etc then it get translated to many other languages so I guess I look the part then. Never interested in “ looking the part” just do own thing and Be the part 🤷🏽‍♂️) We even had pretend YSL shows w my sisters and cousins in the 80s ( when I was also one of the models) I feel like what I do is like being a florist and I always prefer mixed bouquet and work w different flowers. Career is a pompous word, I just do my thing and it’s cool to share my expertise and get to have fun, I still feel like that kid in that picture. #Beauty 🌻🌼🌸🌺🥀🌷🌹💐💃🏿💃🏾💃🏼💃🏻💃🏽💃💃🏿💃🏿🕺🏽

A post shared by Nick Barose (@nickbarose) on

 

ชีวิตการทำงานที่นิวยอร์กในช่วงโควิด-19 เกิดขึ้น เป็นอย่างไรบ้าง

ตอนนั้นก็ค่อนข้างเครียดพอสมควร เพราะงานของเรามันเป็นลักษณะงานที่สัมผัสกับผู้คนโดยตรง แล้วเราก็คิดว่าจะเอาอย่างไรดี เพราะตอนนั้นทุกอย่างมันก็ถูกพักไปหมด อย่างลูกค้าประจำที่เป็นดาราต่างๆ เขาก็พักไปเหมือนกัน เราโชคดีตรงที่เราก็ไม่ต้องไปทำงานกับผู้คน ความน่ากลัวคือตอนนั้นที่นิวยอร์กโควิด-19 มันกำลังระบาดหนัก แต่ตอนนี้มันก็เริ่มซาลงไปแล้ว มันก็ไประบาดที่ลอสแอนเจลิสมากกว่า แล้วตอนที่อยู่นิวยอร์กก็จะเป็นแบรนด์แอมบาสเดอร์ให้กับเครื่องสำอาง Giorgio Armani Beauty ขณะเดียวกันก็ทำให้แบรนด์ความงามอื่นด้วยที่มันไม่ได้คอนฟลิกซ์กัน ก็มีการสอนแต่งหน้าผ่าน Zoom และมีอีเวนต์ต่างๆ ผ่านทาง Zoom รวมถึงคอนเทนต์ต่างๆ ที่ต้องคิดค้นอะไรใหม่ๆ ให้มันสอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบัน ทำให้ต้องคิดไอเดียว่าเราจะทำคอนเทนต์อย่างไร เรายังจะทำงานสายนี้ในยุคที่เป็น New Normal อย่างไร มันก็ทำให้เราได้คิดค้นลองทำอะไรใหม่ๆ ขึ้นมา 

 

การตั้งรับกับวิกฤตโควิด-19 ในช่วงนั้นเป็นอย่างไร

ก็คิดอยู่แล้วว่าอาจจะต้องกลับเมืองไทย เพราะตอนนั้นเมืองไทยก็ยัง Under Control ปกติเราจะแพลนกลับบ้านที่เมืองไทยในช่วงเดือนสิงหาคมของทุกปีอยู่แล้ว เพราะมันเป็นช่วงพักร้อนที่อเมริกา มันก็จะไม่ค่อยมีงาน แต่พอดีว่าเกิดข่าวโควิด-19 ก่อน ก็เลยกลายเป็นว่ากลับมาเร็วกว่าแผนปกติราวๆ 1 เดือน แต่พอมาเมืองไทยก็ต้องทำการ Quarantine เป็นเวลา 14 วัน หลังจากนั้นก็กลับบ้าน และอยู่ที่นี่ก็มีคนชวนไปทำอะไรเยอะแยะมากมายเต็มไปหมด ก็ได้ถ่ายงานกับนิตยสารในไทย ได้ถ่ายแฟชั่นเซต และได้ถ่ายหนังสือของอเมริกาด้วย เพราะว่าตอนนั้นเขาถ่ายงานกันที่โน่นไม่ได้เลย กองถ่ายก็ต้องเล็กๆ แล้วบางทีหนังสือของอเมริกาในช่วงนั้นมีการทำงานกันแบบให้นางแบบถ่ายตัวเองก็มี บางทีนางแบบก็ให้แฟนถ่าย หรือดาราบางคนก็ให้สามีช่วยถ่ายรูปให้ รูปมันก็จะออกมาในสไตล์ที่ไม่หวือหวามาก เพราะมันก็จะต้องแต่งหน้ากันเอง หรืออย่างลูกค้าบางคน เขาก็มีคิวจะต้องไปถ่ายลงคอลัมน์ของหนังสือบางเล่ม เราก็จะ Zoom ไปหาเขา ช่วยอธิบายสเตปให้เขาแต่งหน้าด้วยตัวเองได้ มันก็เป็นการทำงานแบบใหม่ๆ 

 

 

เล่าประสบการณ์ในยุค New Normal 

พอกลับมาที่เมืองไทยก็ได้ถ่ายคอลัมน์ของหนังสือที่อเมริกาบางเล่ม โดยถ่ายจากเมืองไทยส่งไป เพราะว่าตอนนี้ที่อเมริกาก็จะมีเรื่องเด่นๆ อย่างความ Diversity มากๆ สื่อต่างๆ ก็ต้องการประเด็นของเรื่องคนผิวสี เรื่องความสวยงามที่หลากหลาย แล้วนางแบบที่เมืองไทยก็มีความหลากหลายมากเช่นกัน มีการผสมผสานหลายๆ เชื้อชาติ หลายๆ สไตล์เข้าด้วยกัน ซึ่งตรงกับโจทย์ความเป็น Diversity พอเราเสนอไปหนังสือที่โน่นเขาก็มีความตื่นเต้น เราก็เลยได้ถ่ายทำจากที่นี่ส่งไปลงในหนังสือของเขา คือถ้าเป็นปีเก่าๆ ที่ได้กลับเมืองไทย เวลากลับมาก็จะมาประมาณ 2-3 สัปดาห์ ก็จะทำอะไรไม่ได้มาก ที่ผ่านมาก็จะไปถ่ายกับ Vogue เมืองไทย หรือ Elle เมืองไทย แต่ช่วงนี้กลับมาอยู่นานเพื่อรอดูสถานการณ์ ก็ต้องหาอะไรทำที่มันสามารถเชื่อมโยงจากเมืองไทยไปถึงอเมริกาได้ด้วย 

 

 

การทำงานกับแบรนด์เครื่องสำอางต่างๆ ก็ต้องมีการ Reinvent กันว่าจะทำอย่างไร อย่างงานประกาศรางวัลในปีนี้ก็ได้ทำ Golden Globe กับ Oscar แค่นั้นในช่วงต้นปี แต่พอมาเป็นเดือนมีนาคมที่ผ่านมา โควิด-19 มันระบาดหนัก ทุกอย่างก็ชัตดาวน์ไปเลย มาถึงเดือนนี้ที่เพิ่งมีรางวัล Emmy Awards 2020 ครั้งที่ 72 ก็เป็นรูปแบบของออนไลน์ไป ก็จะเป็น Red Carpet ผ่านทาง Zoom ซึ่งงานที่ทำกับแบรนด์ต่างๆ ก็มีการ Reinvent อาจจะถ่ายจากที่เมืองไทยแล้วส่งไปที่โน่น หรือถ้าเป็นงานดารา ก็โชคดีที่ดาราที่เป็นลูกค้าของเราตอนนี้เขาก็อยู่ในช่วงที่ไม่ได้โปรโมตอะไร เราก็ไม่เสียงาน แต่เหมือนเขาก็อยู่ในช่วงพักเพื่อรอวันจะไปถ่ายหนัง และเราก็ไม่ได้แต่งเวลาเขาถ่ายหนังอยู่แล้ว เราจะแต่งเฉพาะในงานพรมแดง งานโฆษณา หรืองานถ่ายปกหนังสือ ซึ่งในการทำงานของดาราต่างๆ ตอนนี้ทางอเมริกาก็เริ่มจะทยอยกลับมาทำงานกันแล้ว และถ้าดาราที่เป็นลูกค้าของเราจะเริ่มกลับมาทำงานเพื่อโปรโมตหรือถ่ายงานต่างๆ เราก็อาจจะต้องกลับไปเมื่อถึงเวลา 

 

 

สิ่งที่ได้เรียนรู้จากการทำงานกับดารามา 25 ปี  

ช่วงหลังๆ เราจะมีลูกค้าดาราเยอะ แต่จริงๆ งานดาราเราเองก็ไม่อยากได้เยอะ เพราะว่าอาชีพแต่งหน้าเราทำมานาน ถ้าไม่ได้สนิทกัน ด้วยงานมันก็ทำให้เราต้องใช้เวลาอยู่กับเขาเยอะ บางทีเราก็อยากทำงานให้กับดาราลูกค้าที่เรามีความเป็นเพื่อนกันมากกว่า ที่แบบทำงานด้วยกันจนรู้ใจกัน เดินทางด้วยกัน มันก็ง่าย ไม่ใช่แบบต้องร่วมงานกับคนที่ทำตัวเป็นดารามากๆ ก็จะแบบ (หัวเราะ) อยู่มานานแล้วไง เอาง่ายๆ ดีกว่า ตอนนี้เรามีลูกค้าประจำที่เป็นดาราและเป็นเพื่อนกันอยู่ 3-4 คน เราเดินทางทั่วโลกด้วยกัน อย่างลูกค้าดาราของเราที่สนิทกันอย่าง ลูพิตา เอ็นยองโก ก็ได้ลงสื่อความงามเยอะ เพราะส่วนตัวเขาจะชอบลองการแต่งหน้าใหม่ๆ ตัวเราเองก็ได้โชว์ฝีมือ คือไม่ใช่ดาราที่แต่งหน้าสวยก็สวยอย่างเดิมไปตลอด แล้วดาราส่วนใหญ่จะเป็นแบบนั้น คือชอบแต่งหน้าแบบเดิมๆ ตอนหลังๆ เราก็เลยตื่นเต้นหรือสนุกที่ได้ร่วมงานกับดาราที่ให้เราได้แสดงฝีมือและใส่ความคิดสร้างสรรค์เข้าไปมากกว่า มันทำให้งานเรามีลูกเล่นและไม่น่าเบื่อ 

 

 

หัวใจสำคัญของการทำงานในแวดวงความงามระดับโลก

อย่างถ้าเป็นงานดารา เรามีเอเจนต์ในการหางานให้กับเรา แต่ว่าเราก็ยังมี Relationship กับดาราที่โน่น เขาก็จะมีเป็นค่ายๆ ไป เขาจะมีบริษัทประชาสัมพันธ์ของเขา สมมติว่าเราทำดาราลูพิตามาแล้ว เวลามีลูกค้าใหม่เข้ามาเขาก็พยายามจะสนับสนุนเรา มันเป็นลักษณะปากต่อปาก หรือบางทีทำกับดาราคนนี้ แล้วเขาเป็นเพื่อนกับดาราอีกคน เขาก็จะแนะนำต่อๆ กัน อีกอย่างหนึ่งที่มีความสำคัญในการทำงานกับคนดังที่โน่นคือเรื่องของ Personality ช่างแต่งหน้าบางคนจะใช้โซเชียลมีเดียลงภาพเป็นเหมือนพอร์ตโฟลิโอ ในขณะที่เราจะลงภาพที่โชว์ Personality ของเราด้วยว่าเป็นอย่างไร ก็จะได้ลูกค้าจากตรงนี้ด้วย ที่พอเขาเห็น Personality ของเราแล้วมันไปด้วยกันได้ มันก็ดีกับการทำงานแบบนี้ เพราะว่าถ้า Personality มันไปด้วยกันไม่ได้มันก็ทำงานกันลำบาก เพราะต้องอยู่ด้วยกันเยอะ ก็เลยเน้นความเป็น Relationship มากกว่า 

 

ความสนุกในอาชีพช่างแต่งหน้า

อาชีพช่างแต่งหน้ามันสนุกอย่างหนึ่งตรงที่ได้เจอคนใหม่ๆ อยู่เรื่อยๆ สมมติว่าลูกค้าประจำเราจะได้เจอกันตอนโปรโมตหนังอยู่ 2-3 สัปดาห์ที่ต้องเจอกันทุกวัน แล้วพอจบโปรโมตก็จะไม่เจอกันอีกเป็นเดือน แล้วพอไปทำงานกับสายแฟชั่นก็จะเจอนางแบบคนนี้ พรุ่งนี้ก็เป็นอีกคนหนึ่ง วันนี้ได้ทำงานกับช่างภาพที่ต้องการใบหน้านางแบบเปลือยๆ วันต่อไปอาจจะเจอช่างภาพที่ต้องการลุคนางแบบที่มีความดราม่าเยอะๆ เราก็เลยชอบงานที่หลากหลายและได้ชาเลนจ์ตัวเอง ถ้าให้มาแต่งหน้าเน้นความสวยอย่างเดียว มันทำมา 25 ปีแล้ว มันก็ทำมาหมดแล้ว เลยอยากทำงานที่ไม่จำเจ แต่ด้วยความที่ตัวเราเองก็ค่อนข้างเป็น Renaissance Man คือถ่ายรูปก็เป็น อย่างบางคอลัมน์ที่ทำให้หนังสือในอเมริกาก็ถ่ายเอง มันทำให้งานของเราไม่จำเจ ตราบใดที่งานไม่จำเจมันก็สนุก เพราะว่า 25 ปีที่ทำมามันเริ่มจากทำงานกับสายแฟชั่น มาเป็นดารา แล้วพอถึงจุดหนึ่งแล้วเราก็ต้อง Evolve ตัวเองไปเรื่อยๆ

 

 

พิสูจน์อักษร: พรนภัส ชำนาญค้า

FYI

เร็วๆ นี้รอติดตามอ่านเคล็ดลับแต่งหน้า 2 สไตล์ โดย นิค บาโรส ที่ครีเอตลุคเพื่อ THE STANDARD POP โดยเฉพาะ ส่วนใครที่อยากติดตามผลงานอื่นๆ ของ นิค บาโรส สามารถติดตามได้ทาง Instagram: @nickbarose 

  • LOADING...

READ MORE






Latest Stories

Close Advertising