×

เนย์มาร์ จากเจ้าชายสุริยาแห่งบราซิลสู่ ‘ราชาลูกหนังทะเลทราย’

16.08.2023
  • LOADING...

“ผมอยู่ที่นี่แล้วที่ซาอุดีอาระเบีย ผมคือ อัล ฮิลาลี” นี่คือคำทักทายอย่างเป็นทางการจากเนย์มาร์ ซูเปอร์สตาร์ลูกหนังวัย 31 ปีที่กลายเป็นดาวดวงล่าสุดที่ย้ายมาค้าแข้งบนแผ่นดินทะเลทราย

           

การย้ายทีมของเนย์มาร์เกิดขึ้นหลังจากที่อัล ฮิลาล 1 ใน 4 สุดยอดสโมสรของซาอุดีโปรลีก ที่ได้รับการสนับสนุนจากกองทุนความมั่งคั่งแห่งชาติ (PIF) บรรลุข้อตกลงเรื่องค่าตัวกับปารีส แซงต์ แชร์กแมง สโมสรอันดับ 1 ของฝรั่งเศส – ซึ่งเป็นสมบัติของกาตาร์ – ที่เริ่มต้นที่ 77 ล้านปอนด์ และถ้ารวมเงินพิเศษตามเงื่อนไขอาจจบที่ 90 ล้านปอนด์

 

แต่เรื่องค่าตัวไม่ใช่เรื่องใหญ่ เพราะสิ่งสำคัญที่สุดคือการตัดสินใจของเนย์มาร์

 

สำหรับนักฟุตบอลที่มีความฝันจะไปให้ถึงจุดสูงสุดของโลก และโดยเฉพาะอย่างยิ่งการแบกรับความหวังของคนบราซิลทั้งชาติที่จะพา ‘ลา เซเลเซา’​ กลับมาครองความยิ่งใหญ่ด้วยการเป็นแชมป์ฟุตบอลโลกให้ได้อีกครั้งหลังห่างหายมาตั้งแต่ปี 2002

           

การตัดใจอำลาเกมลูกหนังในยุโรปไม่ใช่การตัดสินใจที่ทำได้ง่ายนัก

           

ถึงแม้ว่าชื่อเสียงและความโดดเด่นของเนย์มาร์ในช่วงหลายปีที่ผ่านมาจะถูกลดทอนลงไปมาก แต่ครั้งหนึ่งนี่คือนักฟุตบอลที่อยู่ในคำทำนาย

           

“เด็กคนนี้จะนำแสงสว่างและความสุขกลับมาสู่บราซิลอีกครั้ง”

 

 

เนย์มาร์มีชื่อเสียงโด่งดังมาตั้งแต่ยังไม่ได้ก้าวขึ้นมาเป็นนักฟุตบอลอาชีพ ด้วยลีลาการเล่นในระดับฟ้าประทาน หากเทียบกันในเรื่องของพรสวรรค์แล้วเขายืนอยู่ในระดับสูงสุดที่ไม่ได้เป็นรองลิโอเนล เมสซี หรืออาจเหนือกว่าด้วยซ้ำไป

           

และด้วยเหตุผลนี้ทำให้วงการฟุตบอลบราซิลหวงแหนเขายิ่งกว่าไข่ในหิน ไม่เพียงแค่ต้องถนอมเอาไว้อย่างดี เส้นทางเดินของเนย์มาร์ในแต่ละก้าวก็ถูกขีดเส้นเอาไว้ให้อย่างเรียบร้อย

           

เป้าหมายอยู่ที่การนำบราซิลคว้าแชมป์ฟุตบอลโลก 2014 ที่พวกเขาเป็นเจ้าภาพ ลบล้างคำสาปอันเลวร้าย ‘มาราคานาโซ’ (หรือจะจำเป็นมาราคานาโศกก็ได้) เมื่อบราซิลพ่ายต่ออุรุกวัยคาสนามมาราคานา ด้วยประตูดับฝันของอัลซิเดส จิ๊กเกีย

           

ทุกอย่างเป็นไปด้วยดีในช่วงแรก โดยเฉพาะการเปลี่ยนผ่านครั้งสำคัญ เมื่อวงการฟุตบอลบราซิล ซานโตสในฐานะสโมสรต้นสังกัด และ Nike ผู้ที่ให้การสนับสนุนหลักของสหพันธ์ฟุตบอลบราซิล ยอมให้เนย์มาร์เดินทางมาค้าแข้งในยุโรปได้ และได้อยู่ในทีมที่เหมาะสมที่สุดอย่างบาร์เซโลนา

           

เจ้าชายสุริยาแห่งบราซิลจะได้อยู่ร่วมทีมกับเมสซี นักฟุตบอลที่เก่งที่สุดของโลก

           

เราเชื่อกันในครั้งนั้นว่าเนย์มาร์จะสามารถก้าวขึ้นมาในระดับเดียวกับเมสซีและแซงหน้าได้ในอนาคต ด้วยวัยที่อ่อนเยาว์กว่าร่วม 5 ปี เป็นระยะห่างระหว่างวัยที่กำลังพอเหมาะพอเจาะ ไม่มากไปและไม่น้อยเกินไป

 

 

แต่สิ่งที่เกิดขึ้นจริงกลับเป็นในทางตรงกันข้าม เมื่อเนย์มาร์ไม่สามารถก้าวพ้นเงาอันยิ่งใหญ่ของเมสซีที่ปกคลุมกว้างใหญ่ไพศาลได้ สิ่งที่ดีที่สุดที่เขาทำได้คือการเป็นส่วนหนึ่งของ 3 ประสานที่กล่าวกันว่าดีที่สุดตลอดกาลอย่าง ‘MSN’ อันประกอบไปด้วยเมสซี-หลุยส์ ซัวเรซ-เนย์มาร์

           

และเกมที่ดีที่สุดในชีวิตการเล่นของเขาคือวันที่พลิกสถานการณ์ช่วยให้บาร์เซโลนาไล่ถล่มปารีส แซงต์ แชร์กแมง 6-1 ได้ผ่านเข้ารอบ 8 ทีมสุดท้ายยูฟ่าแชมเปียนส์ลีกอย่างสุดมหัศจรรย์ เพราะเกมแรกแพ้ที่ปาร์ค เดส์ แพรงซ์ มาถึง 4-0 (ก่อนที่บาร์ซาจะพ่ายยูเวนตุสตกรอบต่อมาโดยไม่มีปาฏิหาริย์อะไรอีก)

           

ตรงนี้เองที่เป็นจุดเปลี่ยนสำคัญของชีวิต

           

แต่ก่อนนั้นต้องย้อนกลับไปในปี 2014 ก่อน ครั้งนั้นเนย์มาร์เหมือนถูกทำลายชีวิตไปแล้วครึ่งหนึ่ง หลังจากที่เขาทำความฝันของคนทั้งชาติไม่สำเร็จ เมื่อไม่สามารถนำบราซิลคว้าแชมป์ฟุตบอลโลกบนแผ่นดินเกิดของตัวเองได้

           

โดยฉากสุดท้ายที่น่าเศร้าคือการที่เขาต้องทนเห็นบราซิลถูกเยอรมนีไล่ถล่มแบบไม่ไว้หน้าถึง 7-1 ในเกมที่เบโล โฮริซอนเต โดยที่เนย์มาร์ไม่สามารถจะช่วยอะไรทีมได้ เพราะตัวเขาเองได้รับบาดเจ็บรุนแรงเมื่อโดนฮวน ซูนิกา กองหลังจอมโหดของโคลอมเบียกระโดดใช้เข่าแทงที่กลางหลัง

           

ว่ากันว่าหากเข่าของซูนิกาแทงเข้าตำแหน่งที่เคลื่อนไปจากนี้อีกแค่เล็กน้อย เนย์มาร์มีโอกาสที่จะกลายเป็นคนพิการไม่สามารถเดินเหินได้อีกครั้ง

           

เมื่อความฝันที่จะพาบราซิลเป็นแชมป์ฟุตบอลโลกบนแผ่นดินเกิดสลายไป ความฝันต่อมาคือการเป็นนักฟุตบอลอันดับหนึ่งของโลกให้ได้ ซึ่งการจะอยู่ใต้ร่มเงาของเมสซีที่ไม่มีทีท่าว่าจะเสื่อมถอยลงสักเท่าไรนัก อาจทำให้เขาไปไม่ถึงฝัน

           

นั่นนำไปสู่การย้ายทีมแบบบันลือโลก

 

 

ปารีส แซงต์ แชร์กแมง สร้างความตื่นตะลึงด้วยการกระชากตัวเนย์มาร์มาร่วมทีมในแบบที่บาร์เซโลนาไม่สามารถทำอะไรได้ เพราะพวกเขาใช้การจ่ายเงินค่าปล่อยตัวตามสัญญาซึ่งเป็นไปตามกฎหมายของประเทศสเปน โดยเงินที่จ่ายไปอยู่ที่ 222 ล้านยูโร อันเป็นสถิติของโลกตั้งแต่นั้นจนถึงตอนนี้

           

เนย์มาร์ตัดสินใจว่าเขาต้องการเป็น ‘ที่หนึ่ง’ จึงเลือกเส้นทางของตัวเองแบบนี้ ซึ่งแน่นอนเรื่องของความมั่งคั่งจากเงินรายได้มากมายมหาศาลที่กาตาร์ประเคนให้ก็มีส่วน เช่นกันกับการได้รับการปฏิบัติดุจดัง ‘ราชา’ ไม่เพียงแค่ของสโมสร แต่เป็นแขกระดับคนสำคัญของประเทศด้วย

           

เพียงแต่การตัดสินใจครั้งนี้กลายเป็นการตัดสินใจที่ผิดพลาด

           

เนย์มาร์รู้ใจของเขาในภายหลังว่าไม่น่าย้ายออกมาเลย และพยายามหาหนทางที่จะกลับไปบาร์เซโลนาให้ได้อีกครั้ง แต่ความพยายามทุกครั้งก็จบลงด้วยความล้มเหลว เพราะบาร์ซาไม่มีความสามารถและอำนาจที่จะพาเขากลับมาได้

           

แม้กระทั่งคำวิงวอนของเมสซีที่อยากให้เนย์มาร์กลับมาเล่นร่วมกันในสีเสื้อเบลากรานาก็ไม่เป็นผล

           

ชีวิตในปารีสของเนย์มาร์ยังเต็มไปด้วยความบอบช้ำ เขามีปัญหาอาการบาดเจ็บหนักแทบทุกปี (จนมีคนตั้งข้อสังเกตด้วยว่าเขามักจะบาดเจ็บในช่วงใกล้วันเกิดของน้องสาว) และนั่นทำให้เปแอสเชจะขาดคนสำคัญอย่างเขาเสมอในเกมสำคัญ โดยเฉพาะในรายการแชมเปียนส์ลีก ซึ่งเป็นสิ่งที่สโมสรหมายมั่นปั้นมือว่าเนย์มาร์จะช่วยพาทีมคว้าแชมป์ได้

 

ครั้งเดียวที่เนย์มาร์พาทีมไปได้ไกลและใกล้เคียงที่สุดคือนัดชิงชนะเลิศในปี 2020 เพียงแต่เขาก็ไม่สามารถพาทีมเอาชนะทีมที่ยอดเยี่ยมในทุกจุดอย่างบาเยิร์น มิวนิกได้

           

ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมาชีวิตของเนย์มาร์กับทีมเป็นขาลงอย่างเห็นได้ชัด และเกิดปัญหาใหญ่ในความไม่ลงรอยกับรุ่นน้องที่ย้ายไล่ตามกันมาอย่างคีลิยัน เอ็มบัปเป

 

 

ในขณะที่เนย์มาร์กำลังอยู่ในช่วงการเดินทางขาลง เอ็มบัปเปกำลังอยู่ในช่วงขาขึ้น ในเกมแห่งอำนาจและบารมีในสโมสร ดูเหมือนชัยชนะจะเป็นของฝ่ายหลังที่กลายเป็นนักเตะที่ผู้บริหารสโมสร โดยเฉพาะประธานอย่างนาสเซอร์ อัล เคไลฟี ต้องยอมทุกอย่างให้

           

เรื่องเดินทางมาถึงจุดตัดสินเมื่อไม่นานมานี้

           

จากเดิมที่เอ็มบัปเปมีปัญหากับสโมสรอย่างหนัก เพราะส่อเค้าจะย้ายไปเรอัล มาดริดแบบฟรีๆ หลังจบฤดูกาลหน้า ซึ่งเป็นเรื่องที่เปแอสเชยอมไม่ได้ด้วยหลายเหตุผล ส่วนเนย์มาร์ดูเหมือนจะยังมีความสุขดีอยู่ในปาร์ค เดส์ แพรงซ์

           

สถานการณ์กลับกลายเป็นว่าเอ็มบัปเปกับอัล เคไลฟี ที่ตีกันผ่านสื่อกลับมาชื่นมื่นกันอีกครั้ง โดยสตาร์ชาวฝรั่งเศสจะกลับมาอยู่ในทีมฤดูกาลนี้ พร้อมขยายสัญญาต่อไปจนถึงปี 2025 ซึ่งหมายถึงเรอัล มาดริดต้องจ่ายค่าตัวการย้ายทีม

           

ส่วนเนย์มาร์กลับกลายเป็น ‘ส่วนเกิน’ ที่สโมสรไม่ต้องการ โดยหลุยส์ เอ็นริเก โค้ชคนใหม่แสดงออกชัดว่าเขาไม่อยู่ในแผนการทำทีมสำหรับฤดูกาลใหม่แล้ว

           

ไม่ว่าจะเกี่ยวกับเอ็มบัปเปหรือไม่ในการเป็นผู้วางแผนสร้างฉากละครทุกอย่างจากเบื้องหลัง เนย์มาร์ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากการย้ายทีม

           

ปัญหาคือตลอดช่วงระยะเวลาที่ผ่านมา ถึงเขาจะอยากค้าแข้งอยู่ในยุโรป แต่ก็ไม่มีสโมสรไหนเลยที่ให้ความสนใจ

           

เหตุผลหลักไม่ใช่เรื่องของฝีเท้า เพราะพรสวรรค์และประสบการณ์ของเนย์มาร์ยังเหลือกินเหลือใช้ และร่างกายก็ยังถือว่าดีอยู่

           

ปัญหาใหญ่อยู่ที่เรื่องของค่าตอบแทนมหาศาลตามประสานักเตะระดับซูเปอร์สตาร์ของโลก ซึ่งไม่มีสโมสรไหนในโลกที่สามารถจ่ายให้กับเนย์มาร์ได้ในระดับเดียวกับเปแอสเช

           

ไม่นับเรื่องของไลฟ์สไตล์นักท่องราตรีที่ชอบการปาร์ตี้ ที่อาจเป็นปัญหาสำหรับทีมที่มีระบบระเบียบได้

           

ทีมเดียวในยุโรปที่อยากได้ตัวเนย์มาร์คือบาร์เซโลนา แต่บาร์ซาเวลานี้ยังแทบเอาตัวไม่รอดจากปัญหาทางการเงินที่เป็นบ่วงรัดคอตัวเองมาเกือบ 3 ปี การจะกลับไปบาร์ซาเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้ในทางทฤษฎี

           

และที่เจ็บกว่าคือ ในทางปฏิบัติดูเหมือนชาบี เอร์นานเดซ จะไม่ได้ต้องการเขา

 

เมื่อไม่เหลือทีมในยุโรป ตัวเลือกของเขาจึงเหลือแค่ในเมเจอร์ลีกซอกเกอร์ สหรัฐอเมริกา และซาอุดีอาระเบีย ซึ่งมีอัล ฮิลาล ที่พร้อมมอบทุกอย่างที่เขาต้องการ ขอแค่ย้ายมาเล่นบนแผ่นดินทะเลทรายเถอะ

 

 

 

สุดท้ายเนย์มาร์ตอบตกลงกับข้อเสนอที่ยากจะปฏิเสธได้ลงจากอัล ฮิลาล

           

เงินรายได้ 300 ล้านยูโรต่อการเล่น 2 ปี ซึ่งว่ากันว่าเป็นรายได้ที่มากกว่าที่ได้จากเปแอสเชถึง 6 เท่า

           

ไม่นับเรื่องอื่นๆ อีกมากมาย เช่น เครื่องบินส่วนตัว ไปจนถึงรายได้จากการโพสต์โซเชียลมีเดีย Tie-in ให้ซาอุดีอาระเบียอีกโพสต์ละครึ่งล้าน

           

ที่นี่เขาจะได้เป็น ‘ราชา’ อีกครั้ง มีเพื่อนร่วมทีมที่พอคุยกันได้อย่างคาริม เบนเซมา, รูเบน เนเวส และคาลิดู คูลิบาลี ไม่นับสตาร์ร่วมลีกอีกมากมายซึ่งรวมถึงคริสเตียโน โรนัลโด

           

ความท้าทายใหม่ที่เนย์มาร์พยายามบอกในการเปิดใจครั้งแรกหลังย้ายมาอัล ฮิลาล ก็ไม่ถึงกับดูแย่เกินไปนัก

           

งานเปิดตัวของเขาที่คาดว่าจะมีอย่างเป็นทางการในสนามคิง ฟาฮัด ที่จะมีแฟนบอลมากกว่า 60,000 คนมาต้อนรับ จะเป็นการเปิดตัวที่ยิ่งใหญ่สมเกียรติของหนึ่งในนักฟุตบอลที่เก่งที่สุดของโลกในยุคนี้

           

แม้แต่ ริเวลลิโน ตำนานผู้ยิ่งใหญ่ของบราซิลที่เคยเป็นไม้เบื่อไม้เมากับเนย์มาร์เอง ก็ยังส่งสารอวยพรให้ เพราะครั้งหนึ่งก็เคยค้าแข้งให้อัล ฮิลาล เป็น ‘ฮิลาลี’ ด้วยเหมือนกัน

           

มีเพียงสิ่งเดียวที่ยังคงเป็นคำถามคือความสงสัยด้วยพรสวรรค์ที่ฟ้าประทานมาให้ เนย์มาร์จะไปได้ไกลถึงไหนกัน

           

และวันนี้เขาจะเป็นอย่างไรหากตัดสินใจเลือกทางเดินที่แตกต่างเมื่อปี 2017

           

น่าเสียดายที่เรื่องนี้จะไม่มีคำตอบตลอดไป 

 

อ้างอิง:

  • LOADING...

READ MORE




Latest Stories

Close Advertising