×

ตำนาน ‘MSN’ สุดยอดสามประสานมหัศจรรย์ของบาร์เซโลนา

24.09.2020
  • LOADING...

HIGHLIGHTS

7 mins. read
  • กาลครั้งหนึ่งบาร์เซโลนาเคยมี 3 กองหน้าที่เก่งที่สุดในโลกมาอยู่รวมกันในทีมเดียว ภายใต้รหัสพิฆาตที่น่าเกรงขาม ‘MSN’
  • ความพิเศษที่ทำให้ทั้ง ลิโอเนล เมสซี, เนย์มาร์ และ หลุยส์ ซัวเรซ เล่นด้วยกันได้คือ มิตรภาพ การเคารพซึ่งกันและกัน และการที่ หลุยส์ เอ็นริเก โค้ชในเวลานั้น ปล่อยให้เล่นกันอย่างมีอิสระ
  • ในฤดูกาลแรกที่ MSN เล่นด้วยกัน บาร์ซาสร้างตำนานคว้า 3 แชมป์มาครองได้ และผลงานรวม 3 ฤดูกาล พวกเขาทำได้ประตูรวมกันได้มากถึง 364 ประตู

ข่าวการอำลาบาร์เซโลนาของ หลุยส์ ซัวเรซ ไม่ได้เป็นข่าวใหญ่โตอะไรมากมายนัก เมื่อเทียบกับข่าวช่วงที่ ลิโอเนล เมสซี ประกาศขออำลาสโมสรเมื่อเดือนที่แล้ว แต่ก็นับเป็นข่าวที่สร้างความสะเทือนใจให้แก่แฟนฟุตบอลอย่างมาก โดยเฉพาะเหล่าบาร์เซโลนิสตาที่ทำใจยอมรับได้ลำบาก

 

เพราะการจากไปของดาวยิงชาวอุรุกวัยไม่ต่างอะไรจากการปิดฉากตำนาน ‘MSN’ สามประสานสุดเทพที่เคยเขย่าโลกลูกหนังทั้งใบมาแล้ว

 

และการที่ดาวยิงเจ้าของสถิติทำประตูสูงสุดตลอดกาลเป็นลำดับที่ 3 ของสโมสร ต้องถูกขับออกจากทีมแบบน่าเศร้า เพราะถูกต้นสังกัดบีบให้ย้ายออกจากทีมด้วยเหตุผลเรื่องของอายุและความจำเป็นทางการเงินของสโมสรที่เข้าสู่ภาวะถังแตก ก็ยิ่งทำให้เรื่องนี้เคล้าน้ำตามากกว่าเดิม

 

นักเตะอย่างซัวเรซควรจะได้รับการอำลาที่ดีและสวยงามกว่านี้

 

ในฐานะผู้หนึ่งที่เคยร่วมสร้างความทรงจำและวันเวลาที่ดีที่สุดช่วงหนึ่งในประวัติศาสตร์ของสโมสร

 

 

กำเนิด MSN 

กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว บาร์เซโลนาเคยมี 3 พ่อมดลูกหนังที่พร้อมจะแสดงอภินิหารให้แฟนๆ ได้ตื่นตาตื่นใจกันทุกวันที่มีการแข่งขัน

 

ประโยคข้างต้นคือสิ่งที่พ่อแม่ที่มอบหัวใจให้ยอดทีมแห่งแคว้นคาตาลันสามารถนำไปเล่านิทานให้แก่ลูกหลานฟังได้ทุกคืนโดยไม่มีเบื่อ

 

จุดเริ่มต้นของนิทานเรื่องนี้เกิดขึ้นในช่วงฤดูร้อนก่อนเข้าฤดูกาล 2014/15 เมื่อบาร์เซโลนาสามารถบรรลุข้อตกลงในการคว้าตัว หลุยส์ ซัวเรซ กองหน้าผู้เคยเกือบนำลิเวอร์พูลสร้างปรากฏการณ์คว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกมาครองได้ ก่อนที่ความผิดพลาดครั้งเดียวของ สตีเวน เจอร์ราร์ด จะทำให้ความฝันในวันนั้นสูญสลายไป

 

ซัวเรซ ซึ่งทุ่มเททุกสิ่งทุกอย่างให้กับทีมหงส์แดงในฤดูกาลดังกล่าว ขอย้ายออกจากทีมทันที ตามคำสัญญาที่เคยให้ไว้กับกัปตันอย่างเจอร์ราร์ด ที่พยายามเกลี้ยกล่อมดาวยิงเจ้าอารมณ์ให้อยู่ช่วยลิเวอร์พูลอีกหนึ่งฤดูกาลก่อน หากครบแล้วอยากจะย้ายออกจากแอนฟิลด์ก็ไม่เป็นไร

 

สุดท้าย เอล ปิสโตเลโร ที่มีคดีอื้อฉาวจากฟุตบอลโลกที่ไป ‘งับ’​ ใส่ จอร์โจ คิเอลลีนี ในฟุตบอลโลกที่บราซิล เลือกย้ายมาเล่นให้กับบาร์เซโลนา สุดยอดทีมในความฝันของนักเตะทุกคน และทำให้เกิดการพูดถึงโอกาสที่เกมฟุตบอลอาจจะได้เห็น 3 ประสานที่น่าสะพรึงกลัวที่สุดในโลก

 

เพราะก่อนหน้าซัวเรซจะมา บาร์ซามี ลิโอเนล เมสซี ราชาลูกหนังชาวอาร์เจนไตน์ และ เนย์มาร์ เจ้าชายลูกหนังจากบราซิลที่ถูกวางตัวเอาไว้ในเวลานั้นให้เป็นทายาทนักเตะเบอร์หนึ่งในอนาคตอยู่แล้ว

 

นั่นทำให้บาร์ซามีนักเตะที่เก่งที่สุดของ 3 ชาติในลาตินอเมริกา อยู่ในทีมเดียวกัน

 

อาร์เจนตินา บราซิล และอุรุกวัย!

 

 

เสียงคลิกครั้งแรก

สิ่งที่หลายคนอาจจำไม่ได้คือ การเริ่มต้นของ MSN ไม่ได้สวยงามอะไร

 

ซัวเรซลงสนามในเกมนัดแรกคือเกม ‘เอล กลาสิโก’ และนัดนั้นบาร์ซาพ่ายต่อเรอัล มาดริด แบบหมดรูป 1-3  และในช่วงแรกเห็นได้ชัดว่า การเล่นร่วมกันของเมสซี เนย์มาร์ ซัวเรซ ไม่ได้เข้ากันได้พอดีเหมือนช็อตเอสเพรสโซกับนมและฟองนมที่ออกมาเป็นคาปูชิโนแก้วกลมกล่อม

 

บาร์ซาตกอยู่ในสภาพที่ไม่ค่อยดีนักจากผลงานที่สะดุดเป็นระยะ และใช้เวลาหลายเดือนกว่าที่ทั้งสามจะเริ่ม ‘จูน’ กันติด โดยที่เก้าอี้ของ ‘ลูโช’ เอ็นริเก ร้อนจนแทบนั่งไม่ไหวแล้ว

 

แต่แล้วเอ็นริเกก็ค้นพบกับคำตอบบางอย่างที่นำไปสู่เสียงคลิกแรกของ MSN เกิดขึ้นในเกมลาลีกา ที่พวกเขาเอาชนะแอตเลติโก มาดริด ได้ 3-1

 

คำตอบที่ว่าคือ การไม่ต้องไปกำหนดกฎเกณฑ์อะไรให้มากมาย ปล่อยให้ทั้งสามได้เล่นตามใจตัวเอง แค่นั้น

 

ใครจะยืนซ้าย ยืนกลาง ยืนหน้า ถอยลงต่ำ ขยับขึ้นสูง ก็แล้วแต่เซนส์บอลจะพาไป

 

อิสระที่เกิดขึ้นเป็นการปลดปล่อยทั้งเมสซี เนย์มาร์ และซัวเรซ ให้เป็นอิสระ และทั้งสามก็ไม่ทำให้ใครต้องผิดหวัง เมื่อร่วมผนึกกำลังกันถล่มประตูอย่างถล่มทลายชนิดที่ไม่เคยมีใครได้เห็นปรากฏการณ์เช่นนี้มาก่อน ซึ่งแต่ละคนจะมีรายละเอียดที่แตกต่างในสไตล์การเล่นของตัวเอง

 

เมสซี สุขุม สร้างสรรค์เกม และหาจังหวะสังหารในแบบของตัวเอง 

 

เนย์มาร์ เปี่ยมด้วยสีสัน จินตนาการ และสองบ่าที่แข็งแรงพอจะแบกความหวังของทีมได้

 

ซัวเรซ เกรี้ยวกราด ดุดัน ทุ่มเทให้ทีมแบบเต็มร้อย ไม่เคยยอมแพ้ใคร

 

สิ่งสำคัญที่สุดที่ร้อยรัดทั้งสามให้เป็นผ้าผืนเดียวกันคือ ‘มิตรภาพ’ ที่สวยงามของทั้งสามคน ที่เนย์มาร์ยังยอมรับในเวลาต่อมาว่า เขาคิดถึงการเล่นเคียงข้างเมสซีและซัวเรซ ซึ่งหาที่ไหนไม่ได้อีกแล้ว

 

ผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นคือ บาร์เซโลนากลายเป็นทีมที่มาจากนอกโลก อยู่คนละมิติกับทีมอื่น หรือบางทีพวกเขาอาจเป็นทีมที่มาจากอนาคตเหมือน Tenet 

 

 

แน่นอนว่าฟุตบอลเป็นกีฬาที่เล่นเป็นทีม และสามประสานไม่ใช่ทั้งหมดของบาร์ซา พวกเขามี อันเดรส อิเนียสตา เป็นผู้ควบคุมจังหวะและถักทอการเล่นให้ในฤดูกาลแรกที่บาร์ซาไม่มี ชาบี เอร์นานเดซ ที่ประกาศอำลาทีมไปก่อนจบฤดูกาลนั้น โดยมี อิวาน ราคิติช เป็นลูกมือในแดนกลาง

 

อย่างไรก็ดี สามประสานแนวรุกนั้นมหัศจรรย์เกินกว่าที่จะมองข้ามได้

 

พวกเขาเปลี่ยนบาร์ซาจากทีมไม่ได้แชมป์สักรายการในฤดูกาล 2013/14 กลับมาคว้า 3 แชมป์ในฤดูกาล 2014/15 ได้สำเร็จ โดยที่ทั้งสามทำประตูรวมกันได้มากถึง 122 ประตูในฤดูกาลเดียว!

 

โดยในนัดชิงชนะเลิศซัวเรซและเนย์มาร์ มีชื่อเป็นผู้ทำประตูใส่ยูเวนตุสได้ด้วย ขณะที่เมสซีไปคว้ารางวัลบัลลงดอร์สมัยที่ 5 ของตัวเอง

 

 

 

ภาพสุดท้ายของ MSN ก่อนที่เนย์มาร์ (ขวาสุด) จะย้ายออกจากทีม

 

ความมหัศจรรย์ที่สิ้นสุดลง

ความมหัศจรรย์ของ MSN ยังต่อเนื่องในฤดูกาลต่อมา

 

จากฤดูกาล 2014/15 ที่ทำได้ 122 ประตู ในฤดูกาลต่อมา 2015/16 พวกเขายิงได้เยอะกว่าเดิม ด้วยการทำได้ถึง 127 ประตู

 

บาร์ซาป้องกันแชมป์ลาลีกาได้ และคนที่โดดเด่นที่สุดคือซัวเรซ ที่ก้าวจากคนที่ทำประตูได้น้อยที่สุดใน MSN ในฤดูกาลก่อนหน้า มาเป็นคนที่ทำประตูได้สูงสุดในทีม

 

ซัวเรซยิงไปถึง 59 ประตูในฤดูกาลนั้น โดยในจำนวนนี้เป็นการยิงในลาลีกาถึง 40 ลูก เป็นสถิติที่มหัศจรรย์อย่างแท้จริงที่อาจจะมีเพียงเมสซีและ คริสเตียโน โรนัลโด เท่านั้นที่สามารถจะสร้างสถิติได้ในระดับนี้

 

เพียงแต่สำหรับบาร์ซา พวกเขาเริ่มตกในความเสื่อม เริ่มสังเกตเห็นสัญญาณอันตรายถึงความเปราะบางของบาร์ซาได้ชัดเจนมากขึ้นเรื่อยๆ โดยเฉพาะความสมดุลที่เคยทำให้ทีมของพวกเขาเป็นหนึ่งไม่มีสอง เวลานั้นเริ่มชัดเจนว่า บาร์ซาพึ่งพา MSN อย่างมาก

 

เหมือนทุกเรื่องบนโลก ที่เรื่องดีๆ นั้นย่อมมีวันจบ สำหรับ MSN ก็เช่นกัน เมื่อบาร์ซากลายเป็นทีมที่มีเกมรุกระดับเวิลด์คลาส แต่เกมรับในระดับเวิลด์แก๊ส

 

 

ในฤดูกาล 2016/17 เป็นเนย์มาร์ที่ก้าวมาเป็นพระเอกของทีมบ้าง โดยเฉพาะเกมแห่งประวัติศาสตร์ที่ถือว่าเป็นสุดยอดการคัมแบ็กของโลกลูกหนัง เมื่อบาร์ซาซึ่งแพ้ต่อปารีส แซงต์ แชร์กแมง หรือเปแอสเช มา 0-4 ที่พาร์ก เดส์ แพรงซ์ สามารถโกงความตายกลับมาผ่านเข้ารอบได้อย่างเหลือเชื่อในเกมรอบ 16 ทีมสุดท้าย

 

หลังจบเกมนัดแรก หลุยส์ เอ็นริเก บอกว่า “ถ้าพวกเขายิงได้ 4 เราก็ยิงได้ 6” 

 

เมื่อถึงคราวกลับมาเล่นที่คัมป์นู บาร์ซานำอยู่ 3-1 เมื่อถึงนาทีที่ 88 ซึ่งพวกเขาต้องการอีก 3 ประตูในการจะผ่านเข้าสู่รอบต่อไปให้ได้ (ผลต่างประตูรวม ณ เวลานั้นคือเปแอสเชนำ 5-3) 

 

แต่แล้วเนย์มาร์ก็จุดประกายความหวังให้ทีมและแฟนบาร์ซาทั่วโลกด้วยการปั่นฟรีคิกเข้าไปให้ทีมนำ 4-1 ก่อนที่จะเรียกจุดโทษและเป็นผู้สังหารเองในอีกไม่กี่อึดใจต่อมา

 

สถานการณ์ตอนนั้นคือ บาร์ซาต้องการอีกประตูเดียว และพวกเขาเริ่มเชื่อแล้วว่าพวกเขาจะทำได้ ซึ่ง MSN ก็ทำได้จริงๆ เมื่อเนย์มาร์คราวนี้เปลี่ยนจากคนทำประตูมาเป็นคนที่เปิดบอลให้ เซร์จี โรเบร์โต ทำประตู 6-1 ที่ทำให้ทีมพลิกสถานการณ์ ผ่านเข้ารอบได้อย่างน่าเหลือเชื่อที่สุด

 

เกมนัดนั้นถูกจดจำว่าเป็นความทรงจำที่สวยงามที่สุดครั้งสุดท้ายของสามประสาน เพราะหลังจากนั้นบาร์ซาพ่ายต่อยูเวนตุสในรอบ 8 ทีมสุดท้าย ก่อนที่ MSN จะเล่นร่วมกันเป็นครั้งสุดท้ายในเกมโกปา เดล เรย์ ที่เอาชนะเดปอร์ติโบ อลาเบส ได้ไม่ยาก

 

ก่อนที่เนย์มาร์จะตัดสินใจครั้งสำคัญของชีวิต ด้วยการขอย้ายออกจากบาร์ซา เพื่อหนีให้พ้นเงาของเมสซี ในช่วงฤดูร้อนของปี 2017 โดยไปร่วมทีมเปแอสเช ด้วยสถิติโลก 222 ล้านยูโร ซึ่งถือเป็นจุดจบของ MSN รวมถึงเป็นการเริ่มต้นยุคเสื่อมถอยของบาร์เซโลนาที่ส่งผลต่อมาจนถึงปัจจุบัน

 

และวันนี้ที่ซัวเรซอำลาจากทีมไป ทำให้บาร์ซาเหลือเพียงแค่เมสซีคนเดียว โดยที่ราชาลูกหนังจะอยู่กับทีมอีกแค่จนจบฤดูกาลนี้เท่านั้น หากไม่มีการเปลี่ยนใจไปก่อน

 

อย่างไรก็ดี แม้ความมหัศจรรย์ของ MSN จะอยู่กับบาร์ซาและวงการฟุตบอลเพียงแค่ 3 ฤดูกาล แต่ก็ถือว่าเป็นช่วงเวลาที่น่าจดจำสำหรับแฟนฟุตบอล ที่ครั้งหนึ่งโลกลูกหนังเคยได้เห็น 3 นักเตะที่เก่งกาจที่สุดเล่นเคียงข้างกัน

 

โดยที่ไม่รู้จะมีวันได้เห็นอะไรแบบนี้อีกไหม

 

ภาพประกอบ: ฉัตรชัย เฉยชิต

พิสูจน์อักษร: ภาวิกา ขันติศรีสกุล

อ้างอิง:

  • LOADING...

READ MORE






Latest Stories

Close Advertising
X
Close Advertising