ในช่วงเวลาหนึ่งดูเหมือนว่าโลกลูกหนังจะสูญเสียหนึ่งในความหวังสูงสุดไปอย่างไม่มีวันกลับ
ถึงแม้ว่าอาการบาดเจ็บหนักจะเป็นเหมือนคำสาปที่ทำให้เนย์มาร์ ต้องใช้เวลาในช่วงเวลาสำคัญของฤดูกาลบนอัฒจันทร์มาต่อเนื่องกันในช่วง 2 ปีก่อนหน้านี้ และการบาดเจ็บนั้นมีส่วนสำคัญอย่างยิ่งในการตกรอบของปารีส แซงต์ แชร์กแมง หรือเปแอสเช ซึ่งขาดประกายแสงของทีมไป
แต่สิ่งที่เลวร้ายกว่าคือการที่เจ้าชายลูกหนังจากบราซิลดูเหมือนจะสูญเสียแรงบันดาลใจในการเล่นฟุตบอล
ส่วนหนึ่งเป็นเพราะสิ่งที่เขาหวังไม่ได้เป็นไปอย่างที่ตั้งใจ เมื่อการพยายามออกจากหลืบเงาของ ลิโอเนล เมสซี ด้วยการเลือกย้ายมาอยู่กับเปแอสเช ไม่ได้สวยสดและงดงามอย่างที่คิด เรื่องอาการบาดเจ็บก็ส่วนหนึ่ง เรื่องความท้าทายก็อีกส่วนหนึ่ง
ขณะที่ส่วนสำคัญที่บั่นทอนกำลังใจการที่เขารู้ตัวว่า ‘ตัดสินใจผิด’ และการจะแก้ไขดูเหมือนจะยากเกินไป
ความหวังที่จะกลับไปบาร์เซโลนาลดน้อยถอยลงไปตามวันเวลาที่ผันผ่าน ขนาด ลิโอเนล เมสซี พยายามอย่างสุดความสามารถในการโน้มน้าวให้บอร์ดบริหารพยายามที่จะดึงตัวนักเตะที่เขาอยากร่วมเล่นด้วยมากที่สุดกลับมาประตูสู่คัมป์นู ก็ไม่เคยถูกเปิดออก
และในวันนี้กับวิกฤตการณ์ในบาร์ซาดูเหมือนว่าประตูนั้นจะไม่มีวันถูกเปิดอีกตลอดไป
เช่นกันกับเรอัล มาดริด อีกหนึ่งสโมสรที่คู่ควรกับฝีเท้าและพรสวรรค์ วันนี้ ‘โลส บลังโกส’ ไม่คิดจะลงทุนมหาศาลแบบวันวานอีก พวกเขาเลือกที่จะลงทุนกับอนาคต กับนิวเนย์มาร์อย่าง วินิเชียส จูเนียร์ และ โรดริโก แทน
สิ่งที่เกิดขึ้นนี้ไม่น่าแปลกใจ ที่คนที่มีความเป็นเด็กมากกว่าผู้ใหญ่อย่างเนย์มาร์จะรับมือกับความผิดหวังได้ไม่ดีนัก และชวนให้กังวลว่าเส้นทางในอนาคตของเขาจะเป็นเหมือนกับรุ่นพี่อย่าง โรบินโญ หรือ โรนัลดินโญ ที่ไม่มีวันกลับไปยืนบนจุดสูงสุดได้อีก
อย่างไรก็ดี ดูเหมือนว่าสิ่งที่หลายคนคิด อาจจะเป็นความกังวลระคนเป็นห่วงมากเกินไป
เนย์มาร์กำลังพิสูจน์ให้ทุกคนได้เห็นว่าเขายังไม่สูญเสียแรงบันดาลใจในการเล่นฟุตบอลไป และเขาพร้อมแล้วที่จะกลับมาทวงในสิ่งที่เขาควรจะได้
นั่นคือการเป็นคนที่จะก้าวขึ้นมาแทนเมสซี และ คริสเตียโน โรนัลโด
โดยสิ่งเดียวที่เขาทำได้และจะทำในเวลานี้ คือการแสดงความเป็นผู้นำในทีมของเปแอสเช
ความผิดหวังตลอดมาถูกเก็บเข้าลิ้นชักในหัวใจไป เนย์มาร์ตัดใจจากทุกเรื่องและกลับมาลงเล่นให้กับยอดทีมแห่งปารีสโดยไม่มีความลังเลใจอะไรอีก
โดยจุดเปลี่ยนสำคัญอยู่ในเกมแชมเปียนส์ลีก รอบ 8 ทีมสุดท้ายที่พบกับอตาลันตา เมื่อเปแอสเชตกเป็นรองทีมม้ามืดจากอิตาลีตลอดทั้งเกม
แต่ตลอดช่วงเวลานั้น เนย์มาร์แสดงให้เห็นถึงความเป็นผู้นำของทีมที่ต้องการจะพาทีมกลับมาสู่เส้นทางให้ได้ ราวกับไม่ต้องการที่จะสูญเสียอะไรอีกต่อไปแล้ว
และในช่วงเวลาของความสิ้นหวัง บอลที่เปิดจาก เอริค มักซิม ชูโป-โมติง เข้ามาถึงเสาไกลในกรอบเขตโทษ และเป็นเนย์มาร์ที่ใช้ความสามารถเฉพาะตัวในการพักบอลลงอย่างนิ่มนวลก่อนที่จะตวัดเปิดบอลต่อเข้ามา
แม้ว่าน้ำหนักบอลจะไม่ดีนักแต่มันก็มาถึงเท้าของมาร์ควินญอส ปราการหลังที่เติมขึ้นมาช่วยเกมรุกในจังหวะนี้พอดี และกลายเป็นประตูตีเสมอให้เปแอสเช
อีก 142 วินาทีถัดมา เนย์มาร์ได้บอลอีกครั้งในจังหวะที่เปแอสเชพยายามโหมเกมรุกเพื่อพิชิตชัยให้ได้ โดยได้บอลตรงระยะ 20 หลาหน้ากรอบเขตโทษก่อนจะแทงทะลุช่องให้ คีเลียน เอ็มบัปเป้ รุ่นน้องได้หลุดทะลุเข้ากรอบเขตโทษและตบกลับมาให้ชูโป-โมติง ยิงประตูชัยได้สำเร็จ
สองจังหวะนี้คือจุดเปลี่ยนที่สำคัญของเกม ของเปแอสเช และของชีวิตเนย์มาร์ด้วย
มันคือสิ่งที่เขาเคยทำให้เห็นในเกมเหนือปาฏิหาริย์ ที่บาร์ซาพลิกสถานการณ์จากเป็นรองสุดกู่กลับมาเอาชนะเปแอสเชได้ 6-1 ในเกมแชมเปียนส์ลีก เมื่อ 3 ปีที่แล้ว
และมันยังเป็นการแสดงให้เห็นว่าเขาได้ก้าวผ่านกำแพงในใจตัวเอง พร้อมกับเติบโตขึ้นอีกขั้น
เนย์มาร์วันนี้ยอมรับที่จะเป็นผู้นำของเปแอสเชอย่างสมบูรณ์ และพร้อมที่จะพาทีมไปสู่ฝั่งฝันให้ได้กับตำแหน่งแชมป์ยุโรปที่เจ้าของสโมสรอย่างกลุ่ม QSI ปรารถนา และลงทุนมหาศาลกับทีมชุดนี้ โดยเฉพาะกับสตาร์ชาวบราซิลเจ้าของค่าตัว 200 ล้านปอนด์
ในเกมต่อมากับแอร์เบ ไลป์ซิก เป็นอีกครั้งที่เนย์มาร์วาดลวดลายในสนามอย่างสนุกสนาน การเล่นของเขาเพลิดเพลินชวนดู มีความเป็นนักเอ็นเตอร์เทนลูกหนังที่หาได้ยากยิ่งในเกมฟุตบอลยุคปัจจุบัน และที่สำคัญมีส่วนในการช่วยให้ทีมคว้าชัยชนะอย่างเด็ดขาด 3-0
อย่างไรก็ดี การกลับมาครั้งนี้ยังไม่ใช่ช่วงเวลาแห่งชัยชนะ เมื่อเขายังมีภารกิจแห่งชีวิตในการที่จะต้องนำเปแอสเชท้าดวลกับทีมที่สมบูรณ์แบบที่สุดในเกมฟุตบอลเวลานี้อย่างบาเยิร์น มิวนิก
จริงอยู่ที่เปแอสเชมีเขาเป็นผู้นำ มีความมหัศจรรย์อย่างเอ็มบัปเป้ มีผู้ปิดทองหลังพระอย่าง อังเคล ดิ มาเรีย
แต่บาเยิร์นก็มี โรเบิร์ต เลวานดอฟสกี, โธมัส มุลเลอร์, แซร์จ นาบรี เหมือนกัน และมีมากกว่าด้วยกับนักเตะอย่าง โจชัว คิมมิช, อัลฟอนโซ เดวีส์, ลีออน กอเร็ตซ์กา และ ติอาโก อัลคันทารา
ถึงจะเป็นทีมในระดับ Elite เหมือนกัน แต่เปแอสเชเป็นรองบาเยิร์นอย่างชัดเจนบนหน้ากระดาษ
90 นาทีที่ ‘สนามแห่งแสง’ หรือเอสตาดิโอ ดา ลุซ สำหรับเนย์มาร์จึงเป็นเกมแห่งชีวิตที่เขาต้องทำทุกสิ่งทุกอย่างเพื่อจะพาทีมไปสู่ฝั่งฝันให้ได้
เพราะชัยชนะครั้งนี้จะเป็นการปลดเปลื้องตรวนแห่งความหวังที่ผู้คนต่างพันธนาการเขาเอาไว้ตลอดชีวิตด้วยเช่นกัน
พิสูจน์อักษร: ลักษณ์นารา พักตร์เพียงจันทร์
- เนย์มาร์มีสถิติในการเล่นกับบาเยิร์นดีไม่น้อย โดยเคยทำไปแล้วถึง 4 ประตูในการเจอสุดยอดทีมจากเยอรมนี (กับทุกสโมสร) มีเพียงแค่กลาสโกว์ เซลติก และเปแอสเชเท่านั้นที่เขายิงประตูใส่ได้มากกว่า (7 ประตู)
- หากบาเยิร์นเป็นผู้ชนะจะได้เป็น ‘Treble Champ’ หลังพิชิตบุนเดสลีกาและเดเอฟเบ โพคาลมาแล้ว ซึ่งจะเป็นหนที่ 2 ที่ทำได้หลังเคยทำได้ในปี 2013
- หากเปแอสเชชนะจะได้เป็น ‘Quadruple Champ’ หรือ 4 แชมป์ หลังกวาดแชมป์ในประเทศครบทั้งลีกเอิง เฟรนช์คัพ และเฟรนช์ลีกคัพ มาก่อนหน้านี้