หลังจากเป็นกระแสในโลกโซเชียลมีเดียตั้งแต่เมื่อวาน วันนี้ (28 มิ.ย) พล.ท. สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงโครงการสร้างหอชมเมืองว่า สร้างเพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยว เป็นพื้นที่เก็บประวัติศาสตร์ มีการเก็บบัตรเข้าชมที่นำไปใช้เพื่อการกุศล และย้ำว่างบที่ใช้ไม่มีงบของรัฐแม้แต่บาทเดียว
พล.ท. สรรเสริญ กล่าวว่า ในเรื่องนี้ ครม. อนุมัติหลักการให้มูลนิธิหอชมเมือง กทม. สามารถดำเนินการสร้างหอชมเมืองในพื้นที่ดินราชพัสดุ ประมาณ 4 ไร่ ที่ซอยเจริญนคร 7 ถนนเจริญนครได้ โดยใช้งบประมาณ 4,621.47 ล้านบาท ซึ่งแบ่งเป็น 2 ส่วนคือ งบก่อสร้าง 4,422.96 ล้านบาท และค่าเช่าที่ดิน 198.51 ล้านบาท ในระยะเวลา 30 ปี
โดยหอชมเมืองมีวัตถุประสงค์เพื่อเป็นแหล่งดึงดูดนักท่องเที่ยวทั้งคนไทยและชาวต่างชาติ โดยภายในอาคารจะไม่มีการแบ่งพื้นที่เพื่อการค้าเลย แต่จะเป็นพื้นที่เก็บเรื่องราวประวัติศาสตร์ของประเทศไทย ซึ่งจะใช้รูปแบบสถาปัตยกรรมและเทคโนโลยีชั้นสูงในการก่อสร้าง
นอกจากนี้ พล.ท. สรรเสริญ ยังกล่าวอีกว่า โครงการยังมีการกำหนดอีกว่า ค่าบัตรเข้าชมที่ได้นั้นจะไม่มีการแบ่งสันปันส่วนให้กับเอกชนโดยเด็ดขาด แต่จะใช้เพื่องานกุศลทั้งสิ้น อีกทั้งยังกำหนดเงื่อนไขว่า ระหว่างการก่อสร้าง ทางมูลนิธิหอชมเมือง กทม. จะต้องวางแผนการก่อสร้างที่ไม่ส่งผลกระทบต่อประชาชนที่อาศัยอยู่แถวนั้น
ทั้งนี้งบที่ใช้ในการก่อสร้างเป็นงบประมาณของมูลนิธิฯ และอีกส่วนก็เป็นการลงขันระหว่างนักธุรกิจภาคเอกชน ไม่มีงบของรัฐแม้แต่บาทเดียว อีกทั้งได้ค่าเช่าที่ด้วย แต่เรื่องนี้ก็ต้องผ่านมติ ครม. เนื่องจากสร้างบนพื้นที่ราชพัสดุ ดังนั้นก็ถือว่ารัฐมีส่วนร่วมด้วย ซึ่งเรื่องนี้ผ่านขั้นตอนของคณะกรรมการให้เอกชนร่วมลงทุนในกิจการของรัฐ (คณะกรรมการพีพีพี) ตาม พ.ร.บ. ว่าด้วยการให้เอกชนเข้าร่วมงานหรือดำเนินการในกิจการของรัฐ พ.ศ. 2535 (พ.ร.บ. ร่วมทุนฯ) แล้ว
ส่วนเหตุผลการที่โครงการนี้ไม่ต้องผ่านการประมูล เนื่องจากการสร้างหอชมเมืองไม่ได้ใช้งบประมาณของรัฐบาล อีกทั้งยังต้องใช้เทคโนโลยีขั้นสูงในการก่อสร้าง และหวังผลเชิงสังคม ด้วยเหตุนี้การประมูลอาจจะทำให้เกิดความล่าช้าได้
บิ๊กตู่ เน้นหอชมเมืองไม่ใช่เรื่องของธุรกิจ
ด้าน พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ให้สัมภาษณ์ที่ทำเนียบรัฐบาลไปในทางเดียวกันตั้งแต่ช่วงสายวันนี้ว่า ไม่ได้เป็นการใช้งบประมาณของรัฐบาล จึงขอสื่อมวลชนชี้แจงให้ประชาชนเข้าใจ เพราะสิ่งที่ทำเป็นโครงการที่เสนอขึ้นมา มีการจัดตั้งคณะกรรมการ รวมถึงมีการพิจารณามานานแล้ว
นายกฯ ย้ำอีกว่า ไม่ใช่เรื่องธุรกิจ รัฐบาลไม่ต้องออกเงิน โดยแค่มีส่วนการจัดหาที่เท่านั้น ไม่ได้เอื้อประโยชน์ให้ใคร หากมองแต่เรื่องเอื้อประโยชน์ก็ไม่ต้องเกิดอะไรทั้งสิ้น
ที่มา: สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ), สำนักนายกรัฐมนตรี, คมชัดลึก, ผู้จัดการออนไลน์