Facebook, Microsoft, Twitter และ YouTube ผนึกกำลังต้านภัยก่อการร้าย

เมื่อวันที่ 26 มิถุนายนที่ผ่านมาตามเวลาท้องถิ่น ผู้ให้บริการด้านเทคโนโลยีและโซเชียลมีเดียเบอร์ต้นๆ ของโลกอย่าง Facebook, Microsoft, Twitter และ YouTube ได้ร่วมกันออกนโยบายสำคัญๆ อย่างเป็นทางการเพื่อต่อต้านผู้ใช้งานหัวรุนแรง รวมถึงกลุ่มผู้ใช้งานที่มีแนวโน้มเป็นผู้ก่อการร้ายบนโลกออนไลน์

ความร่วมมือกันในครั้งนี้เป็นไปเพื่อต้องการควบคุมคอนเทนต์ที่มีเนื้อหาเกี่ยวข้องกับความรุนแรง รวมถึงลดการเข้าถึงบริการอินเทอร์เน็ตของผู้ใช้งานกลุ่มดังกล่าวจากแต่ละแพลตฟอร์มของผู้ให้บริการ

ใจความสำคัญของแถลงการณ์ผ่านบล็อกทวิตเตอร์ระบุว่า การเเพร่กระจายเป็นจำนวนมากของกลุ่มลัทธิผู้ก่อการร้ายและผู้คลั่งไคล้ความรุนแรงเป็นปัญหาสำคัญที่ทำให้พวกเขาต้องร่วมมือกันกำหนดนโยบายและมาตรการโต้กลับต่อกลุ่มผู้ใช้งานดังกล่าว ทั้งยังเชื่ออีกด้วยว่าการร่วมมือกันแบ่งปันเทคโนโลยีที่สุดยอดด้วยความพยายามอย่างถึงที่สุด จะสร้างผลกระทบต่อการถูกคุกคามโดยเนื้อหาที่เกี่ยวเนื่องกับการก่อการร้ายบนโลกออนไลน์ได้เป็นอย่างดี

ความร่วมมือกันในครั้งนี้เริ่มต้นจากหน่วยงานหลายๆ ฝ่าย ทั้ง EU Internet Forum และ Shared Industry Hash Database ที่ได้หารือร่วมกันกับรัฐบาลสหราชอาณาจักร รวมถึงข้อสรุปที่ได้จากการประชุมร่วมกันระหว่างกลุ่ม G7 และสภายุโรป

ทั้งนี้มาตรการดังกล่าวจะโฟกัสไปที่หลักการสำคัญๆ 3 ข้อดังนี้

1. การแก้ปัญหาทางเทคโนโลยี (Technological Solutions) ใช้เทคนิคเเมชีนเลิร์นนิงขั้นสูงในการออกแบบการตรวจจับเนื้อหาแบบใหม่ เพื่อจำแนกประเภทข้อมูลว่าเนื้อหาแบบใดควรจะถูกลบออกจากระบบ

2. การวิจัย (Research) ดำเนินการวิจัยเพื่อกำหนดนโยบายและการตัดสินใจเชิงเทคนิคในอนาคต

3. การแบ่งปันความรู้ (Knowledge-sharing) นอกเหนือจากการร่วมแบ่งปันข้อมูลระหว่างผู้ให้บริการอย่าง Facebook, Microsoft, Twitter และ YouTube พวกเขายังได้วางแผนในการทำงานร่วมกับภาครัฐ กลุ่มพลเมือง นักวิชาการ และบริษัทอื่นๆ เพื่อไปสู่เป้าหมายและหาแนวทางจัดการกับเนื้อหาที่มีความรุนแรงร่วมกัน

มีการเปิดเผยว่าเมื่อต้นเดือนที่ผ่านมา Facebook มีความพยายามในการลบเนื้อหาที่มีความเชื่อมโยงกับการก่อการร้าย ขณะที่กูเกิลก็เริ่มเข้มงวดกับการคัดกรองและลบคอนเทนต์วิดีโอที่มีเนื้อหาเกี่ยวข้องกับความรุนแรงบนแพลตฟอร์ม Youtube ขณะที่ Twitter ก็ดำเนินการแบนผู้ใช้งานจำนวนกว่า 376,890 รายที่คาดว่าน่าจะมีส่วนในการสนับสนุนการก่อการร้ายและคอนเทนต์ที่มีเนื้อหาความรุนแรงในครึ่งปีหลังของปี 2016 ส่วน Microsoft เองก็จะเข้มงวดกับเสิร์ชเอนจิน Bing เช่นกัน

นอกจากนี้ยังเชื่อกันอีกว่า ทั้ง 4 บริษัทจะเพิ่มความเข้มงวดในการจัดการกับข้อความที่แสดงออกถึงความเกลียดชัง (Hate Speech) บนโลกออนไลน์ ตลอดจนการใช้มาตรการท้ัง 3 ข้อดังกล่าวฝึกฝนองค์กรภาคประชาสังคมให้มีส่วนร่วมในลักษณะเดียวกัน

ภาพประกอบ: Pichamon Wannasan

อ้างอิง: