ปฏิเสธไม่ได้ว่าเทคโนโลยีเข้ามาอยู่ในชีวิตประจำวันของผู้คนอย่างเต็มรูปแบบ ทำให้ผู้บริโภคหลายคนคุ้นชินกับความสะดวกสบายและมองหาความคุ้มค่ากันมากขึ้น แน่นอนว่าทั้งหมดล้วนเป็นโจทย์ใหญ่ที่ธุรกิจและนักการตลาดที่ต้องรับมือ
ถึงกระนั้นยังมีหลายคนยังไม่คุ้นชินกับคำว่า MarTech มากนัก ต้องบอกว่า MarTech ย่อมาจากคำว่า Marketing Technology คือการนำเทคโนโลยีเข้ามาช่วยให้การทำงานด้านตลาด ทั้งการสื่อสารระหว่างลูกค้าและธุรกิจ รวมถึงการวิเคราะห์ข้อมูลต่างๆ ให้มีประสิทธิภาพมากขึ้นนั้นเอง
THE STANDARD WEALTH มีโอกาสเข้าร่วมงาน MarTech Expo 2025 ภายในงานนี้มีหลาย Session ที่น่าสนใจด้วยกัน โดยแต่ละหัวข้อได้มีผู้เชี่ยวชาญและกูรูนักการตลาดเข้ามาแชร์เทรนด์สำคัญเพื่อให้ธุรกิจและนักการตลาดปรับตัวและก้าวสู่ยุคการเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยีไปพร้อมกัน
AI เพื่อนร่วมงานคนใหม่ ลดเวลานักการตลาดเหลือ 2 ชม.
เริ่มจาก Session หัวข้อ The Next Era of Loyalty and Automation – How MarTech Empowers Modern Marketers โดยไชยพงศ์ ลาภเลี้ยงตระกูล PAM Real CDP and Marketing Automation ฉายภาพว่า ในยุคที่เทคโนโลยีเปลี่ยนแปลงบริบททุกอย่างไปอย่างรวดเร็ว สิ่งที่นักการตลาดต้องเผชิญคือปัญหาการจัดการ Data ที่ใช้เวลาค่อนข้างมาก จนทำให้เสียเวลามากกว่า 10 ชั่วโมง แต่การทำงานด้านการตลาดที่เหมาะสมควรจะอยู่ที่ 2 ชั่วโมงเท่านั้น ดังนั้นสิ่งที่นักการตลาดต้องหาคือวิธีการและเครื่องมือ AI มาช่วยลดกระบวนการทำงาน
เกิดคำถามว่าแล้ว AI จะเข้ามาช่วยด้านไหนได้บ้าง เมื่อนำมาใช้แล้วจะเห็นผลทันทีหรือไม่ ต้องบอกว่าการนำ AI เข้ามาใช้ในองค์กร ทุกคนต้องปรับรูปแบบการทำงานใหม่ และนักการตลาดต้องมอง AI เปรียบเสมือนเป็นเพื่อนร่วมงาน และอีกหนึ่งปัญหาใหญ่ที่นักการตลาดต้องเจอ วันนี้ทุกคนทำ Analytics แต่สิ่งสำคัญคือเราต้องรู้ Alert มีอะไรบ้าง ก่อนจะไปให้ AI ช่วยแก้ปัญหา
เช่นเดียวกับ ไมเคิล เชน ตัวแทนจาก BUZZEBEES กล่าวต่อไปว่า ทิศทางการทำงานอนาคต AI จะเข้ามาช่วยนักการตลาดได้อย่างมาก เริ่มตั้งแต่ Information ข้อมูลที่ผ่านการจัดการ การจัดเรียง การกลั่นกรอง การกำหนดรูปแบบของ Data โดยหลายคนคงรู้อยู่แล้วว่า AI จะเข้ามา แต่โจทย์คือเราจะนำ AI เข้ามาช่วยให้นักการตลาดทำงานน้อยลงแต่ประสิทธิภาพสูงได้อย่างไร
ขณะเดียวกันหลายๆ คนนำรอยัลตี้โปรแกรม CRM มาใช้ เพื่อวิเคราะห์ข้อมูลให้ตรงใจผู้บริโภคมากขึ้น แต่ถ้ามีเครื่องมือแล้วใช้ไม่เป็นก็ไม่เกิดผล แต่ถ้ายิ่งมี AI เข้ามาช่วยก็จะสนับสนุนการทำงานให้ดีขึ้นไปอีก
การตลาดที่ไม่สำเร็จ มาจากนักการตลาดที่บอกว่าไม่มีเวลา
อีกหนึ่งสิ่งที่น่าสนใจ คือ วิธีทำให้ลูกค้ารัก เราต้องรู้จักลูกค้า เน้นโฟกัสที่การใช้ Empower ซึ่งจะทำให้นักการตลาดรู้จักลูกค้ามากที่สุดและใช้เวลาน้อยที่สุด ยกตัวอย่าง วันนี้เราใช้ ChatGPT หาไอเดีย ส่วน Data ส่วนใหญ่ได้มาจากลูกค้า นำทั้งสองอย่างเข้ามาสู่กระบวนการทำงานเดียวกัน
สเต็ปถัดไปถึงจะไปเน้นสร้าง Engagement โฟกัสให้ถูกจุดและต้องรู้ว่าลูกค้าเรามีรอยัลตี้กับแบรนด์มากน้อยแค่ไหน โดยการตลาดที่ไม่ดี ล้วนมาจากนักการตลาดที่บอกว่าไม่มีเวลา ดังนั้นควรลิสต์สิ่งที่ตัวเองต้องทำ เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในยุคที่ธุรกิจแข่งขันกันรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ
ผู้บริโภคเอือมเทคโนโลยีใหม่ แห่ทิ้งแอป ธุรกิจต้องหาทางรับมือ
เมื่อมาถึง Session หัวข้อ MarTech Trend & Consumer Behaviors in 2025 โดยมี สหโรจ เลาหศิริ Sarojkhobkid และสิทธินนันท์ พลวิสุทธ์ศักดิ์ มาร่วมแชร์เทรนด์ผู้บริโภคและเทรนด์การตลาดดิจิทัล ทั้งสองกูรูเริ่มฉายภาพถึง พฤติกรรมผู้บริโภคในยุคปัจจุบันเหนื่อยหน่ายกับการต้องเรียนรู้ ปรับตัว แถมยังตามให้ทันเทคโนโลยีใหม่อยู่ตลอดเวลา
หากสังเกตจะเห็นว่าแอปพลิเคชันผุดขึ้นปีละกว่า 1.4 ล้านแอปทั่วโลก พร้อมเปิดตัวฟีเจอร์และ AI ใหม่ๆ เข้ามาป้อนผู้บริโภคในตลาดอย่างต่อเนื่อง แน่นอนว่าทำให้แบรนด์หรือธุรกิจ พยายามนำเทคโนโลยีมาใช้เพื่อยกระดับประสบการณ์ลูกค้าและเก็บข้อมูล
แต่จากสถิติผู้ใช้งานแอปกลับน้อยลง โดยคาดการณ์ว่าในปี 2027 จะลดลงจากเฉลี่ย 18.45 แอป เหลือ 17.8 แอป สะท้อนให้เห็นว่าผู้คนเริ่มไม่อยากเรียนรู้สิ่งใหม่และมองว่าเป็นการสร้างภาระโดยไม่จำเป็น
ถามว่าแล้วนักธุรกิจและนักการตลาดควรปรับตัวรองรับอย่างไร ควรเริ่มทบทวนกลยุทธ์ขององค์กรและหันไปเน้นสิ่งที่เป็นพื้นฐาน เช่น การไปโฟกัสฟังก์ชันที่ผู้บริโภคคุ้นเคยและใช้งานง่าย หลีกเลี่ยงการเพิ่มฟีเจอร์ที่ซับซ้อนเกินความจำเป็น แต่ถ้าอยากแนะนำเทคโนโลยีใหม่ ควรพิจารณาใช้การสื่อสารแบบตัวต่อตัว หรือ Human Touch เช่น การให้พนักงานช่วยสอนหรือแนะนำอาจทำให้ผู้บริโภคเปิดใจยอมรับได้มากกว่า
โปรแกรมสะสมแต้ม ไม่ตอบโจทย์อีกต่อไป
ยิ่งไปกว่านั้นโปรแกรมสะสมแต้ม ที่แบรนด์พยายามให้ส่วนลดลูกค้านั้นอาจไม่ตอบโจทย์อีกต่อไป และส่วนใหญ่มักจะล้มเหลว เพราะไม่ได้สร้าง Emotional Branding กับตัวกลุ่มลูกค้า แต่ไปเน้นแข่งขันเรื่องราคาที่ไม่ยั่งยืน
ที่สำคัญในยุคปัจจุบันผู้บริโภคจะสนใจ Best Deal มากกว่าตัวแบรนด์ และหากมีตัวเลือกใหม่ที่ดีกว่าก็พร้อมเปลี่ยนใจได้ตลอดเวลา ดังนั้นธุรกิจจะต้องเปลี่ยนมุมมองจากการให้ผลประโยชน์เพียงอย่างเดียว ไปสู่การสร้างความสัมพันธ์ที่มีความลึกซึ้งมากขึ้น
พร้อมกันนี้ยิ่งเราอยู่ในยุคที่ภัยคุกคามทางไซเบอร์ ข้อมูลรั่วไหล และมิจฉาชีพ ทำให้ผู้บริโภคกังวลและระมัดระวังมากขึ้น ถ้าแบรนด์ไหนสร้างความน่าเชื่อถือและจัดการข้อมูลลูกค้าอย่างปลอดภัยแบรนด์ก็มีโอกาสถูกเลือกมากขึ้น
สำหรับแนวทางที่ธุรกิจควรให้ความสำคัญ เริ่มจาก 1.ลงทุนใน Cybersecurity เพื่อปกป้องข้อมูลลูกค้า 2.ใส่ใจกับการสร้างและดูแลภาพลักษณ์ให้ดูเป็นมืออาชีพ และน่าเชื่อถือ และ 3.มีกระบวนการรับมือและแก้ไขปัญหาให้ลูกค้าอย่างชัดเจน และรวดเร็ว
Gen Alpha ทำการตลาดด้วยยากสุด
อีกหนึ่ง Session ที่น่าสนใจ โดยมี ชาคริต ซูปรีดา Fore Today และกรกานต์ แย้มสัตย์ธรรม AnyMind มาร่วมบรรยายในหัวข้อ Thailand Digital Marketing & Commerce Trends 2025 โดยทั้งสองเริ่มฉายภาพว่า ในปีนี้มี Gen ใหม่ๆ เข้ามาแต่เราทำการตลาดได้แค่ 5 Gen เพราะงบการตลาดเท่าเดิมแต่ต้องกระจายไปในหลายช่องทางมากขึ้น
ยิ่งไปกว่านั้น ปัจจุบันความสนใจในแต่ละสื่อน้อยลงมาก เพราะมีช่องทางให้ติดตามสื่อหลากหลาย Pain Point อย่างหนึ่งคือนักการตลาดจะนำข้อมูลอะไรใส่เข้าไปให้ AI เลือกกลุ่มเป้าหมาย ต้องคิดแล้วว่าใครคือกลุ่มเป้าหมายที่เราต้องการ เพราะถ้าใครทำการตลาดไม่เลือกกลุ่มเป้าหมาย สิ่งที่ได้กลับมาไม่คุ้มแน่นอน
นอกจากนี้นักการตลาดกว่า 80% ส่วนใหญ่จะเห็นว่า Creative สำคัญต่อพลังการทำตลาด เพราะฉะนั้นเทรนด์ปัจจุบัน ไม่อยากให้นำ AI เข้ามาใช้แค่ถามตอบ แต่ต้องยัด AI เข้าไปอยู่ในระบบการยิงโฆษณาการตลาดทั้งหมด เพื่อทำยอดขายให้ได้
เกิดคำถามว่า Gen ไหนทำการตลาดได้ยากสุด คำตอบ คือ Gen Alpha สิ่งที่ Gen Alpha อยากได้ยินคือความตลก สนุกสนาน แต่ผู้ใหญ่ไม่เข้าใจ ดังนั้นนักการตลาดจะต้องหาไอเดียในการทำแคมเปญใหม่ๆ โดยใช้เครื่องมือการตลาดเข้ามาช่วย
นักการตลาดสมัยนี้ติดกับดัก ROAs
ที่ผ่านมาหลายๆ แบรนด์ให้ความสำคัญกับการนำ Influencer มาช่วยอย่างมาก ซึ่ง Influencer มีความหลากหลายด้านราคา ถ้าเรานำงบการตลาดเท่ากันไปใช้กับ Influencer รายเล็ก เราอาจจะได้ชิ้นงานจำนวนมากขึ้น แต่ถ้าเราได้เปลี่ยน Influencer หรือ KOL ให้เป็น KOC หรือที่เรียกว่าผู้ใช้งานสินค้าจริง เมื่อใช้งานจริงก็จะมีการรีวิวเกิดขึ้นได้เอง และในช่องทางออนไลน์จะเห็นว่า 33.2% ตัดสินใจซื้อจากการรีวิวเป็นหลัก
กรกานต์ แย้มสัตย์ธรรม AnyMind กล่าวต่อไปว่า ปัจจุบันเราอยู่ในยุค e-Commerce เต็มตัว ในบทบาทของ Marketer ต้องเผชิญความท้าทาย อีกหนึ่งกุญแจสำคัญคือ เราทำการตลาดทุกอย่าง การเก็บ Data มาใช้ต่อสำคัญมาก
นักการตลาดสมัยนี้ จะติดกับดัก ROAs จ่ายเงินไปเท่าไร ได้กลับมาเท่าไร สิ่งที่เราต้องทำ ไม่เพิ่มยอดขายก็ลดค่าใช้จ่าย ลดไปเรื่อยๆ แต่รายได้ไม่โตก็ต้องหาช่องทางโปรโมตใหม่ๆ มากขึ้น และถึงแม้ว่าเครื่องมือ MarTech จะมีบทบาทสำคัญในการทำงานเพิ่มขึ้น แต่หัวใจสำคัญไม่ใช่การมีเครื่องมือเยอะที่สุด แต่คือการเลือกใช้ให้เหมาะสมกับธุรกิจตัวเอง
ทั้งหมดคือโจทย์ใหญ่ของแบรนด์สินค้าที่ต้องเร่งทำการบ้าน เพราะท้ายที่สุดแล้วเมื่อทุกอย่างเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว ถ้าธุรกิจไหนไม่ปรับตัวตามเทรนด์ที่เปลี่ยนแปลงไป อาจต้องล้มหายไปจากตลาดเพราะสู้การแข่งขันที่นับวันยิ่งดุเดือดขึ้นไม่ไหว