Netflix แพลตฟอร์มสตรีมมิ่ง รายงานผลประกอบการไตรมาส 3 ของปี 2024 สิ้นสุดในวันที่ 30 กันยายน 2024 ทำรายได้อยู่ที่ 9.82 พันล้านดอลลาร์ ส่วนกำไรสุทธิเพิ่มขึ้นเป็น 2.3 พันล้านดอลลาร์ มีราคาหุ้นอยู่ที่ 5.40 ดอลลาร์ต่อหุ้น เรียกได้ว่ารายได้สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์เอาไว้ และหากสังเกตจะเห็นว่าตั้งแต่ต้นปีราคาหุ้นของบริษัทเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง
สิ่งที่น่าสนใจคือ หากย้อนกลับไปเมื่อ 10 ปีก่อน ถ้าลงทุน 1,000 ดอลลาร์ใน Netflix ปัจจุบันหุ้นจะมีมูลค่าเพิ่มขึ้นแค่ไหน? สำหรับ Netflix เริ่มเสนอขายหุ้นครั้งแรก (IPO) ตั้งแต่วันที่ 23 พฤษภาคม 2002 โดยราคาหุ้นอยู่ที่ 15 ดอลลาร์ต่อหุ้น จากนั้นเป็นต้นมาราคาหุ้นของ Netflix ก็เพิ่มขึ้นตามความนิยมของการใช้บริการสตรีมมิ่ง
สำนักข่าว CNBC คำนวณว่า หากมีการลงทุน 1,000 ดอลลาร์ใน Netflix เมื่อ 10 ปีก่อน ปัจจุบันจะมีมูลค่าเท่าไร ยกตัวอย่างเช่น ลงทุนเมื่อ 5 ปีก่อน การเปลี่ยนแปลงหุ้นอยู่ที่ 145% มูลค่ารวม ณ วันที่ 16 ตุลาคม อยู่ที่ 2,452 ดอลลาร์ หากลงทุนเมื่อ 10 ปีก่อน การเปลี่ยนแปลงของหุ้นอยู่ที่ 1,259% มูลค่ารวม ณ วันที่ 16 ตุลาคม อยู่ที่ 13,586 ดอลลาร์
ข่าวที่เกี่ยวข้อง:
- Netflix สุดปัง! ยอดผู้ใช้แพ็กเกจราคาถูกพร้อมโฆษณาพุ่งทะลุ 40 ล้านราย ทิ้งห่างคู่แข่ง
- Netflix เปิดศึก! ทุ่มสร้างหนังและซีรีส์ไทย-อินโด เพิ่ม 2 เท่า สู้คู่แข่งอย่าง Viu และ Disney+
- ไม่ถูกใจสายหาร! Disney+ ห้ามแชร์รหัสผ่าน หากเพิ่มสมาชิกอื่นในบัญชีต้องเสียเงินเพิ่ม…
ทั้งนี้ การคำนวณของ CNBC อิงจากราคาปิดของ Netflix ในวันที่ 16 ตุลาคม 2024 และไม่ได้คำนึงถึงการเปลี่ยนแปลงของราคาหุ้นที่อาจเกิดขึ้นหลังรายงานผลประกอบการไตรมาสล่าสุด
แม้บริษัทจะมีผลการดำเนินงานไปในทิศทางที่ดี แต่ไม่ได้หมายความว่าจะดีในระยะยาวเสมอไป เพราะการทำธุรกิจยังต้องเผชิญกับความท้าทายรอบด้าน เช่น กฎระเบียบใหม่จากรัฐบาล, ภัยพิบัติทางธรรมชาติ หรือการเปลี่ยนแปลงของนักลงทุน ซึ่งสามารถทำให้ราคาหุ้นผันผวนได้
เมื่อล้วงลึกถึงเส้นทางการเติบโตของรายได้นั้นมาจากการปรับกลยุทธ์ การควบคุมการแชร์รหัสผ่าน ควบคู่กับการเปิดแพ็กเกจราคาที่เข้าถึงง่าย หวังเพิ่มสมาชิกและให้ชําระเงินสมัครใช้บริการ จนปัจจุบันมีสมาชิกใหม่เพิ่ม 5 ล้านแอ็กเคานต์ รวมๆ แล้วมีผู้ใช้งานทั่วโลกถึง 40 ล้านแอ็กเคานต์ต่อเดือน และมีผู้สมัครสมาชิกทั่วโลกทั้งหมด 270 ล้านแอ็กเคานต์ แซงหน้าคู่แข่งในธุรกิจสตรีมมิ่งไปไกลมาก
อีกหนึ่งหัวใจสำคัญคือ การเติมภาพยนตร์ใหม่ๆ เช่น The Perfect Couple และ Nobody Wants This รวมถึงรายการที่มีอยู่แล้วอย่าง Emily in Paris และ Cobra Kai รวมทั้งภาพยนตร์อย่าง Beverly Hills Cop: Axel F และ Rebel Ridge ทั้งหมดสามารถดึงดูดฐานคนดูได้เป็นอย่างดี
Ted Sarandos หนึ่งในซีอีโอร่วมของ Netflix กล่าวว่า เฉลี่ยแล้วผู้ใช้ที่เป็นสมาชิกในระบบจ่ายเงินดูภาพยนตร์ในแพลตฟอร์มประมาณ 2 ชั่วโมงต่อวัน ในอนาคตเราต้องการให้คนใช้เวลาดูภาพยนตร์ในแพลตฟอร์มนานกว่านั้น จึงต้องมีภาพยนตร์ ละคร และรายการใหม่ เข้ามาเติมในผังตลอดเวลา
ไฮไลต์จะอยู่ในไตรมาส 4 โดยจะมีการเปิดตัว Squid Game ซีซัน 2 ซึ่งเป็นรายการ ที่ได้รับความนิยมสูงสุด ตามด้วย Love Is Blind ละครสายลับอังกฤษที่นำแสดงโดย Keira Knightley ชื่อว่า Black Doves และซีรีส์ตลก 2 เรื่องคือ No Good Deed นำแสดงโดย Lisa Kudrow และ Ray Romano และภาพยนตร์ A Man on the Inside กับ Ted Danson
ยิ่งไปกว่านั้นบริษัทยังคาดหวังกับการดัดแปลงนวนิยาย 100 Years of Solitude ของ Gabriel García Márquez สู่ซีรีส์ และเรื่อง Senna เรื่องราวเกี่ยวกับ Ayrton Senna นักแข่ง Formula 1 ชาวบราซิลชื่อดัง บริษัทยอมรับว่าผลงานภาพยนตร์ช่วงนี้ อาจจะดูน้อย เป็นผลจากการประท้วงของนักเขียนและนักแสดงในปี 2023 ที่ลากยาวมาถึงวันนี้
สุดท้ายซีโอ Netflix ยังย้ำว่า ไตรมาสล่าสุดจะเป็นครั้งสุดท้ายที่นักลงทุนจะได้รับ ข้อมูลเกี่ยวกับจำนวนสมาชิกของ Netflix เพราะบริษัทได้ประกาศว่าตั้งแต่ปี 2025 จะไม่มีการอัปเดตจำนวนสมาชิกหรือข้อมูลเกี่ยวกับรายได้ของผู้ใช้ในทุกๆ ไตรมาสอีกต่อไป เพราะจากนี้จะเน้นรายงานความสำคัญกับการขับเคลื่อนการ เติบโตของธุรกิจแทน
อ้างอิง: