×

จากคู่แข่งกลายเป็นมิตร Netflix อาจต้องหันไปจับมือกับโรงหนัง เพื่อฟื้นธุรกิจของตัวเอง

11.05.2022
  • LOADING...
Netflix

Netflix ยังแย่ลงเรื่อยๆ จากราคาหุ้นที่ตกลงอย่างมากเมื่อเดือนที่แล้ว จากการสูญเสียสมาชิกเป็นครั้งแรกในรอบทศวรรษ

 

นักวิเคราะห์ได้แนะนำให้เพิ่มโฆษณาและลดการแชร์รหัสผ่าน เพื่อทำให้ Netflix กลับมารุ่งเรืองอีกครั้ง แต่วิธีหนึ่งที่ Netflix จะสามารถช่วยเหลือตัวเองได้ก็คือ การเป็นพันธมิตรกับอุตสาหกรรมที่ครั้งหนึ่งเคยขัดแย้งกันนั่นคือโรงภาพยนตร์

 

แม้ว่า Netflix จะเปิดตัวภาพยนตร์หลายเรื่องในโรงภาพยนตร์ แต่นั่นก็ถูกจำกัดโดยความต้องการที่จะอยู่เบื้องหลัง ขณะที่โรงภาพยนตร์กำลังรักษาบาดแผลจากการระบาดของโควิด ดังนั้นตอนนี้อาจถึงเวลาที่ทั้งสองฝ่ายจะต้องรวมตัวกันในที่สุด

 


 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

 


 

“Netflix ต้องการเครือข่าย โรงภาพยนตร์ต้องมีภาพยนตร์” คำกล่าวนี้น่าจะเหมาะสมกับสถานการณ์สำหรับทั้งสองฝ่าย

 

การที่ Netflix เปิดตัวภาพยนตร์บนโรงภาพยนตร์สามารถสร้างรายได้ใหม่จากการขายภาพยนตร์ Box-Office, ขยายแบรนด์ไปยังผู้บริโภคกลุ่มใหม่ และช่วยให้ภาพยนตร์เป็นที่น่าจดจำยิ่งขึ้น ซึ่งเป็นสิ่งที่บริษัทยังทำไม่สำเร็จ

 

แม้จะเป็นผู้นำในแพลตฟอร์มสตรีมมิงด้วยผู้ติดตาม 221 ล้านคนทั่วโลก คว้า Oscars มาแล้วหลายรางวัล และการคอลแล็บกับบริษัทชื่อดังในฮอลลีวูด แต่ Netflix ยังไม่เคยเห็นภาพยนตร์กลายเป็นที่รักของผู้ชมได้แบบซีรีส์บางเรื่อง เช่น Stranger Things ซึ่งซีซันใหม่จะฉายรอบปฐมนิทัศน์ปลายเดือนนี้

 

“โดยพื้นฐานแล้วมันยังคงเป็นไปไม่ได้ที่จะสร้างแฟรนไชส์ภาพยนตร์รายใหญ่โดยปราศจากโรงภาพยนตร์” แอนดรูว์ ฮาเร รองประธานอาวุโสฝ่ายวิจัยของ Magid กล่าวกับ CNN Business “หลายเรื่องอาจจำเป็นต้องมีการแสดงละครหากบริษัทขยายกิจการ” ฮาเรกล่าวเสริม

 

การทำดีกับ Netflix จะเป็นความคิดที่ดีสำหรับโรงภาพยนตร์เช่นกัน

 

“ตอนนี้โรงภาพยนตร์ต้องการคอนเทนต์มากกว่าที่เคย” เจฟฟ์ บ็อก นักวิเคราะห์อาวุโสของบริษัทวิจัยด้านความบันเทิง Exhibitor Relations กล่าว “การเปิดตัวของ Netflix มีชื่อคนดังอยู่เพียบ ซึ่งสามารถดึงดูดผู้ชมได้อย่างแน่นอน”

 

สิ่งที่น่าสนใจคือ แม้แต่สมาคมโรงละครแห่งชาติยังเปิดรับแนวคิดนี้ โดย จอห์น ฟิเธียน ซีอีโอของ NATO กล่าวเมื่อเดือนที่แล้วว่า “ประตูของเราเปิดกว้างขึ้น เพื่อนำเสนอภาพยนตร์ของ Netflix ไปในวงกว้าง” และได้เสริมว่า “เรายินดีที่จะฉายภาพยนตร์ของพวกเขา” 

 

หากแต่สิ่งกีดขวางที่ใหญ่ที่สุดของทั้งสองฝ่ายคือ ระยะเวลาที่ภาพยนตร์จะเข้าฉาย

 

โดยธุรกิจของ Netflix นั้นมีพื้นฐานจากการสมัครสมาชิก ดังนั้นจึงไม่ต้องการให้สมาชิกต้องรอดูภาพยนตร์ ในขณะที่เจ้าของโรงภาพยนตร์ต้องการคงความพิเศษเฉพาะตัวไว้ให้นานที่สุดเพื่อดึงดูดผู้บริโภค

 

นอกเหนือจากภาพยนตร์แล้ว ยังมีปัญหาอื่นๆ อีก เมื่อพิจารณาแล้วว่าธุรกิจโรงภาพยนตร์มีค่าใช้จ่ายที่ Netflix ไม่คุ้นเคยเท่าไรนัก

 

“แน่นอนว่ามันไม่ง่ายเหมือนกับการครองหน้าแรก” ฮาเรกล่าว “มันกำลังเปลี่ยนจากดิจิทัลสู่โลกจริง จำต้องใช้เงินเพื่อการตลาดและการส่งเสริมการขาย มีการตัดสินใจเชิงกลวิธีและกลยุทธ์มากมายที่ต้องทำ”

 

ท้ายที่สุดการเข้าสู่ตลาดโรงภาพยนตร์ของ Netflix มีทั้งข้อดีและข้อเสีย ทว่า บริษัทต้องหันหัวเรือไปในทิศทางที่ถูกต้อง และธุรกิจโรงภาพยนตร์จะกลับมาปกติอย่างต่อเนื่อง ดังนั้นนี่อาจถึงเวลาที่ต้องกระโจมวางภาพยนตร์อย่างต่อเนื่อง

 

ภาพ: Brandon Bell / Getty Images

อ้างอิง:

 


 

ช่องทางติดตาม THE STANDARD WEALTH

  • LOADING...

READ MORE




Latest Stories

Close Advertising