×

นายกฯ ใหม่อิสราเอลสาบานตน ยุติเส้นทางอำนาจ 12 ปี เนทันยาฮู

14.06.2021
  • LOADING...
Benjamin Netanyahu

เบนจามิน เนทันยาฮู พ้นจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรีที่ครองมายาวนาน 12 ปี หลัง นาฟตาลี เบนเนตต์ อดีตสมาชิกหน่วยคอมมานโด วัย 49 ปี และผู้นำพรรคยามินา (Yamina) ทำพิธีสาบานตนเข้ารับตำแหน่งนายกรัฐมนตรีคนใหม่ของอิสราเอลเมื่อวานนี้ (13 มิถุนายน)

 

พิธีสาบานตนมีขึ้นหลังสมาชิกรัฐสภาคเนสเซ็ทลงมติด้วยคะแนน 60 ต่อ 59 เสียง รับรองการจัดตั้งรัฐบาลผสม ที่นำโดยพรรคยามินาและพรรคยีช อาทิด (Yesh Atid) ซึ่งเป็นพรรคฝ่ายค้านที่มีแนวทางสายกลาง ร่วมกับพรรคฝ่ายซ้ายและพรรคอาหรับอิสราเอล โดยถือเป็นการยุติเส้นทางอำนาจของเนทันยาฮู ซึ่งเป็นนายกรัฐมนตรีอิสราเอลที่ดำรงตำแหน่งยาวนานที่สุด และเป็นการยุติภาวะทางตันทางการเมืองของอิสราเอลที่มีการจัดเลือกตั้งถึง 4 ครั้ง ในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา

 

ระหว่างการอภิปรายในสภาวานนี้ เนทันยาฮู วัย 71 ปี เตือนว่า การที่เขาพ้นจากตำแหน่งอาจทำให้รัฐบาลอิสราเอลอ่อนแอและเป็นอันตราย และรัฐบาลใหม่อาจไม่ยืนหยัดต่อต้านอิหร่าน แต่ยืนยันว่าเขาจะกลับมา และได้เดินไปจับมือแสดงความยินดีกับเบนเนตต์ ที่เป็นอดีตพันธมิตรทางการเมืองหลังการลงมติ

 

ทางด้านเบนเนตต์กล่าวก่อนการลงมติ โดยแสดงท่าทีสนับสนุนความหลากหลายทางการเมืองพร้อมทั้งเตือนเรื่องการแบ่งขั้วภายในประเทศที่เกิดขึ้น

 

“2 ครั้งในประวัติศาสตร์ ที่เราต้องสูญเสียบ้านเกิดของเรา เพราะผู้นำของยุคสมัยไม่สามารถนั่งกับคนอื่นและประนีประนอมกันได้ แต่ละคนนั้นถูกต้อง แต่ด้วยความถูกต้องทั้งหมดของพวกเขา พวกเขาเผาบ้านลงมาทับเรา ผมภูมิใจที่สามารถนั่งร่วมกับผู้คนที่มีมุมมองแตกต่างไปจากผม” เบนเนตต์กล่าว

 

ในการกล่าวสุนทรพจน์หลังสาบานตน เบนเนตต์ประกาศยืนยันว่า จะสร้างความปรองดองภายในชาติและทำงานเพื่อประชาชน โดยเน้นย้ำภารกิจสำคัญลำดับแรกหลังรับตำแหน่ง คือการปฏิรูปการศึกษา สาธารณสุข และตัดลดระเบียบราชการที่เข้มงวดและซ้ำซ้อน พร้อมกันนี้ ผู้นำอิสราเอลคนใหม่ยังส่งข้อความถึงชาวอิสราเอลว่า ตอนนี้ไม่ใช่เวลาแห่งการไว้อาลัย แต่เป็นเวลาของการเปลี่ยนแปลงรัฐบาลในระบอบประชาธิปไตย ซึ่งเขาจะทำทุกอย่างให้ประชาชนไม่ต้องอยู่อย่างหวาดกลัว

 

“เราจะทำทุกอย่างเพื่อไม่ให้ใครต้องหวาดกลัวและผมบอกกับผู้ที่ตั้งใจจะเฉลิมฉลองในคืนนี้ อย่าเต้นรำอยู่บนความเจ็บปวดของผู้อื่น เราไม่ใช่ศัตรูกัน เราเป็นประชาชนหนึ่งเดียวกัน” เขากล่าว

 

ทั้งนี้ เบนเนตต์จะดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีไปจนถึงเดือนกันยายนปี 2023 ตามข้อตกลงแบ่งอำนาจรัฐบาลผสม ก่อนที่ เอียร์ ลาพิด ผู้นำพรรคยีช อาทิด จะรับตำแหน่งต่อในอีก 2 ปีหลัง ส่วนเนทันยาฮูจะยังคงดำรงตำแหน่งผู้นำพรรคลิคุด (Likud) และกลายเป็นผู้นำฝ่ายค้าน

 

ทางด้านโฆษกประธานาธิบดีมาห์มูด อับบาส ของปาเลสไตน์ ปฏิเสธที่จะแสดงความเห็นต่อการเปลี่ยนขั้วอำนาจของอิสราเอล โดยมองว่าเป็นกิจการภายใน

 

ขณะที่ โจ ไบเดน ประธานาธิบดีสหรัฐฯ แสดงความยินดีต่อการรับตำแหน่งของเบนเนตต์และแสดงความคาดหวังในการเดินหน้าพัฒนาความสัมพันธ์ระหว่างอิสราเอลกับสหรัฐฯ ให้มีความใกล้ชิดและยั่งยืนมากยิ่งขึ้น


เส้นทางสู่อำนาจของเนทันยาฮู


สำหรับประวัติของเนทันยาฮู ถือเป็นนักการเมืองที่เกิดในดินแดนอิสราเอลคนแรกที่ได้กลายเป็นผู้นำประเทศ โดยเขาเกิดในเมืองจาฟฟา เมื่อปี 1949 และเติบโตในกรุงเยรูซาเลม ก่อนเดินทางไปรับการศึกษาต่อระดับมัธยมในสหรัฐฯ

 

บิดาของเขาคือ เบนไซออน เนทันยาฮู ถือเป็นหนึ่งในขบวนการไซออนิสต์ดั้งเดิมที่เชื่อว่าดินแดนอิสราเอลควรตั้งอยู่ในทั้ง 2 ฝั่งของแม่น้ำจอร์แดน และปฏิเสธการประนีประนอมกับปาเลสไตน์และรัฐอาหรับ

 

ซึ่งเนทันยาฮูได้เข้าร่วมกับกองทัพอิสราเอลในปี 1967 และกลายเป็นสมาชิกหน่วยคอมมานโด โดยได้ยศร้อยเอกระหว่างนำกำลังพลเข้าร่วมรบในสงครามอาหรับ-อิสราเอล เมื่อปี 1973

 

ขณะที่เส้นทางสู่เวทีการเมืองของเขาเริ่มต้นในปี 1982 ในฐานะอัครราชทูตที่ปรึกษาของสถานทูตอิสราเอลในกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. ก่อนได้รับการแต่งตั้งเป็นเอกอัครราชทูตอิสราเอลประจำสหประชาชาติในปี 1987 และกลายเป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการต่างประเทศอิสราเอลในปี 1988 ก่อนจะเติบโตทางการเมืองจนกลายเป็นประธานพรรคลิคุดในปี 1993 ก่อนได้รับเลือกเป็นนายกรัฐมนตรีสมัยแรกช่วงปี 1996 ถึง 1999 และชนะการเลือกตั้งต่อเนื่อง ทั้งในปี 2009, 2013 และ 2015

 

ชนวนเหตุเปลี่ยนขั้วอำนาจ

ในการเลือกตั้งเมื่อเดือนเมษายน ปี 2019 พรรคของเขาล้มเหลวในการจัดตั้งรัฐบาลผสมชุดใหม่ ทำให้เกิดการเลือกตั้งตามมาอีก 2 ครั้ง ซึ่งหลังการเลือกตั้งครั้งที่ 3 เขาได้จัดตั้งรัฐบาลปรองดองแห่งชาติร่วมกับ เบนนี กันท์ซ ผู้นำฝ่ายค้านในขณะนั้น ก่อนที่ข้อตกลงร่วมรัฐบาลจะถูกยกเลิก จนทำให้เกิดการเลือกตั้งครั้งที่ 4 ในเดือนมีนาคมที่ผ่านมา

 

ซึ่งพรรคลิคุดที่ชนะเป็นอันดับ 1 ยังไม่สามารถตั้งรัฐบาลได้ ทำให้พรรคฝ่ายค้านยีช อาทิด ที่ตามมาเป็นอันดับ 2 ด้วยจำนวน ส.ส. 17 ที่นั่ง ได้สิทธิในการจัดตั้งรัฐบาลและสามารถจับมือกับพรรคยามินา ซึ่งเป็นพรรคที่ชนะเลือกตั้งเป็นอันดับที่ 5 ด้วยคะแนนเสียง 7 ที่นั่ง ส่งผลให้อิสราเอลได้รัฐบาลผสมที่มีแนวคิดแตกต่างกันสุดขั้ว จากการรวมกันระหว่างพรรคยีช อาทิด ที่มีแนวคิดสายกลาง (Centrist) กับพรรคยามินา ซึ่งเป็นพรรคชาตินิยมขวาจัด รวมทั้งพรรคฝ่ายซ้ายและพรรคอาหรับ ซึ่งมีเป้าหมายเดียวในการจับมือเพื่อโค่นอำนาจของเนทันยาฮู

 

ภาพ: Photo by Ilia Yefimovich/picture alliance via Getty Images

พิสูจน์อักษร: นัฐฐา สอนกลิ่น

อ้างอิง:

  • LOADING...

READ MORE




Latest Stories

Close Advertising