หากประเทศเอธิโอเปียคือที่สุดด้านกาแฟแห่งทวีปแอฟริกาที่มีประวัติศาสตร์มาอย่างยาวนาน และเป็นที่แรกของโลกที่มีการเพาะปลูกกาแฟ ประเทศโคลอมเบียก็ถือเป็นหน้าประวัติศาสตร์สำคัญของกาแฟในฝั่งทวีปอเมริกาใต้ เพราะที่โคลอมเบียเมล็ดพันธุ์กาแฟอาราบิก้าได้เริ่มต้นหยั่งรากลึกลงบนแผ่นดินนี้มายาวนานกว่า 300 ปี นับตั้งแต่ ค.ศ. 1730 ที่เริ่มมีการทำไร่กาแฟ และจากนั้นเมล็ดกาแฟกระสอบแรกก็ถูกส่งออกไปขายยังต่างประเทศใน ค.ศ. 1835 และเพิ่มขึ้นเกือบล้านกระสอบในระยะเวลาเพียง 35 ปีต่อมา
ด้วยกลิ่นและรสเฉพาะของกาแฟสายพันธุ์อาราบิก้าจากโคลอมเบีย ที่ไม่ได้มี Acidity (ความเป็นกรด) สูงเหมือนเมล็ดกาแฟที่มาจากฟากแอฟริกา จึงให้รสชาติที่ไม่ได้เปรี้ยวจัด แต่ยังคงความหอมของผลไม้ และนั่นจึงทำให้กาแฟโคลอมเบียมีเอกลักษณ์ที่ดื่มง่าย แฝงมิติด้านรสชาติที่หลากหลาย ซึ่งมาจากสภาพภูมิประเทศที่มีภูเขาสูงแตกต่างกันออกไปในแต่ละเมือง และทำให้กาแฟโคลอมเบียกลายเป็นที่ต้องการของตลาดอย่างต่อเนื่อง มีการส่งออกเมล็ดไม่ต่ำกว่า 10 ล้านกระสอบต่อปี ไม่ว่าจะเป็นอเมริกา เยอรมนี ฝรั่งเศส ญี่ปุ่น และอิตาลี ซึ่งเป็นประเทศชั้นนำระดับโลกที่มีการดื่มกาแฟ ล้วนแต่นำเข้าเมล็ดกาแฟจากโคลอมเบียทั้งสิ้น ถือได้ว่าโคลอมเบียเป็นประเทศอันดับ 2 ในทวีปอเมริกาใต้รองจากบราซิล ที่มีการส่งออกเมล็ดกาแฟมากที่สุด
ความสำคัญของกลิ่นและรสที่เฉพาะตัวของกาแฟ ทำให้ทางการโคลอมเบียถึงขั้นประกาศเขตปลูกกาแฟไว้อย่างชัดเจน เพื่อควบคุมเรื่องคุณภาพ โดยเฉพาะทางตะวันตกเฉียงเหนือของประเทศ ที่เรียกว่าเขตสามเหลี่ยมกาแฟ Coffee Triangle หรือ Coffee Belt ประกอบด้วยเมืองคัลดาส, ริซารัลดา และ ควินดิโอ ซึ่งขึ้นชื่อว่าเป็นหนึ่งในแหล่งผลิตกาแฟที่ดีที่สุดในโลก ความสำคัญของกาแฟในโคลอมเบียไม่ได้จบแค่ในแง่อุตสาหกรรม เพราะล่าสุดยูเนสโกได้ประกาศให้พื้นที่เชิงเขา Cordillera de los Andes ซึ่งอยู่ทางตะวันตกของประเทศเป็น Coffee Cultural Landscape of Colombia (CCLC) เพราะที่นี่มีทั้งไร่กาแฟที่ปลูกมานานนับร้อยปี ทั้งมรดกทางวัฒนธรรมที่เกี่ยวเนื่องกับกาแฟที่ถูกส่งต่อกันมา จนกลายเป็นวิถีชีวิตที่มีอัตลักษณ์เฉพาะตัว
เมล็ดกาแฟจากโคลอมเบียนั้นนอกจากนิยมนำไปเป็นกาแฟ Single Origin สำหรับคาเฟ่สโลว์บาร์ที่เน้นกาแฟ Specialty คัดสรรเมล็ดกาแฟสายพันธุ์พิเศษจากแหล่งเพาะปลูกชั้นยอดมาเสิร์ฟแล้ว ความละมุน ดื่มง่าย กลิ่นหอม และ Body ที่ดีมากของเมล็ดกาแฟจากโคลอมเบีย ยังถูกส่งต่อไปยังอุตสาหกรรมกาแฟชั้นนำของโลก นิยมนำกาแฟอาราบิก้าจากโคลอมเบียไปเบลนด์เข้ากับเมล็ดกาแฟชนิดอื่นๆ เพื่อสร้างสรรค์คาแรกเตอร์ด้านกลิ่นและรสใหม่ๆ แต่ยังสามารถคงความละมุนด้านกลิ่นและรสของอาราบิก้าจากโคลอมเบียไว้ เช่นเดียวกับ เนสกาแฟ โกลด์ เครมมา โคลัมเบีย อาราบิก้า เบลนด์ สร้างมาตรฐานใหม่ในการดื่มกาแฟ พร้อมฟองเครมมาที่ให้ความหอมนุ่มของกาแฟในแบบฉบับของ NESCAFÉ Gold Crema ให้มีความนุ่มระดับพรีเมียม หอมกลิ่นผลไม้ เรียกว่าเป็นความกลมกล่อมที่ลงตัว
อ้างอิง:
