วันนี้ (15 ตุลาคม) ณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (สส.) แบบบัญชีรายชื่อ และหัวหน้าพรรคประชาชน กล่าวถึงกรณีรัฐบาลประชาสัมพันธ์ขอให้ประชาชนที่ได้รับผลกระทบหนักจากเหตุน้ำท่วมรีบไปขอ ‘หนังสือรับรองผู้ประสบภัย’ จากองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) ในพื้นที่ประสบภัยว่า แม้เป็นเรื่องที่ดีที่รัฐพยายามสื่อสารให้ประชาชนทราบถึงขั้นตอนการรับการเยียวยาเพื่อหลีกเลี่ยงการตกหล่น
แต่ปัญหาสำคัญคือกระบวนการเพื่อขอรับการเยียวยาผ่านหนังสือรับรองผู้ประสบภัยอาจเพิ่มภาระแก่ประชาชนเกินกว่าที่ควรจะเป็น เมื่อเทียบกับความยากลำบากที่ผู้ประสบภัยเผชิญอยู่แล้ว
เพราะนอกจากประชาชนจะต้องไปขอหนังสือรับรองฯ จาก อปท. กระบวนการหลังจากนั้นคือต้องมีการประชาคมในระดับหมู่บ้าน ต้องรอการอนุมัติจากคณะกรรมการภัยพิบัติระดับอำเภอและจังหวัด ระยะเวลาดำเนินการกำหนดไว้ยาวนานถึง 90 วัน
ตนจึงขอย้ำข้อเสนอเดิมที่เคยอภิปรายในสภา ว่าถึงเวลาแล้วที่รัฐบาลจะต้องนำระบบ Geocoding มาใช้เป็นข้อมูลพื้นฐานในการพิจารณาเยียวยาประชาชน โดยรัฐบาลสามารถใช้ภาพถ่ายดาวเทียมจากสำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ (GISTDA) มาซ้อนทับกับข้อมูลบ้านเลขที่ตามพิกัดที่อยู่บนแผนที่โลก (Geocoding) ซึ่งประเทศไทยใช้ระบบนี้ในการทำงานของการไฟฟ้าฯ การประปา และไปรษณีย์ไทย ซึ่งมีข้อมูลบ้านเลขที่และตำแหน่งพิกัดของบ้านอยู่แล้ว แต่ยังไม่เคยถูกนำมาใช้กับกรณีที่ควรจะใช้ได้อย่างการเยียวยาน้ำท่วม
รัฐบาลสามารถนำฐานข้อมูลนี้มาใช้พิจารณาให้เงินชดเชยผู้ประสบภัยโดยอัตโนมัติผ่านแอปพลิเคชัน ‘ทางรัฐ’ ได้ทันที หรือจะให้ประชาชนเข้าไปกดขอ ถ้าตรวจสอบแล้วข้อมูลตรงกับ Geocoding ว่าน้ำท่วมจริง ก็โอนจ่ายกันแบบนั้นเลย หรือจะจ่ายเป็นบางส่วนก่อนก็ได้ เพื่อความรวดเร็วและช่วยเหลือให้ทันต่อความจำเป็นของผู้ประสบภัย
หัวหน้าพรรคประชาชนกล่าวด้วยว่า หวังเป็นอย่างยิ่งว่ารัฐบาลโดยนายกฯ จะนำข้อเสนอนี้ไปพิจารณา เช่นเดียวกับก่อนหน้านี้ที่ตนเคยเสนอมาตรการเที่ยวเมืองน้ำลดและการให้สินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ (Soft Loan) แก่เอกชนที่ได้รับผลกระทบ ซึ่งยินดีที่รัฐบาลได้ขยับนโยบายตรงตามกับข้อเสนอของเรา จนมีมาตรการอย่าง ‘แอ่วเหนือคนละครึ่ง’ ออกมา แม้จะมีความแตกต่างกันบ้าง แต่ก็ขอสนับสนุนเพื่อให้เกิดการฟื้นฟูทางเศรษฐกิจหลังภัยพิบัติได้โดยเร็วที่สุด