เมื่อช่วงบ่ายของวานนี้ (21 เม.ย.) วัดบางเตย ซอยนวมินทร์ 60 ผู้คนจำนวนมากได้ร่วมงานฌาปนกิจศพ นายนที สรวารี เลขาธิการมูลนิธิอิสรชน นักเคลื่อนไหวรณรงค์เพื่อคุณภาพชีวิตคนไร้บ้านและคนเร่ร่อน ซึ่งได้สิ้นใจอย่างสงบเมื่อวันที่ 11 เมษายน 2561 ที่ผ่านมา ด้วยอายุ 48 ปี หลังเกิดอาการเส้นเลือดในสมองแตกจนล้มหมดสติในบ้านพักเมื่อเดือนเมษายนปีที่แล้ว ก่อนรักษาตัวที่โรงพยาบาลนาน 1 ปี แต่เกิดอาการทรุดลงและจากไป โดยพิธีฌาปนกิจนี้ มีประชาชน นักกิจกรรมทางสังคม อาสาสมัครมูลนิธิอิสรชน และนักการเมืองที่รู้จักกับนายนที อาทิ นายพลภูมิ วิภัติภูมิประเทศ อดีต ส.ส. เขตคันนายาว พรรคเพื่อไทย นายสุรนันทน์ เวชชาชีวะ อดีตเลขาธิการนายกรัฐมนตรี และนายจาตุรนต์ ฉายแสง อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษา ในฐานะประธานพิธี
โดยเมื่อช่วงเที่ยงของวันนั้น นางอัจฉรา สรวารี ภรรยาของนายนที ได้เปิดโรงทานแจกอาหารให้กับผู้ยากไร้เพื่อเป็นการทำบุญอุทิศส่วนกุศลให้นายนที และสานต่อแบบอย่างที่นายนทีทำเพื่อผู้ยากไร้ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2553 ซึ่งมีประชาชนผู้ยากไร้ทยอยเดินทางเข้ามารับอาหารและสิ่งของ
ต่อมาเวลา 16.00 น. ประชาชนกว่า 200 คนได้รวมตัวกันที่ศาลาหน้าเมรุ จากนั้น นายพลภูมิ นายสุรนันทน์ และนายจาตุรนต์ เดินทางมาถึง
ต่อจากนั้นมีการเล่าประวัติชีวิตของนายนที และการขับร้องเพลงเพื่อระลึกถึงคุณงามความดีของนายนที ก่อนที่ตัวแทนพิธีจะเดินทางขึ้นทอดผ้าบังสุกุล
เวลาประมาณ 17.00 น. ประชาชนต่างเดินขึ้นเมรุ วางดอกไม้จันทน์ และเคารพศพนายนที โดยบรรยากาศเป็นไปอย่างโศกเศร้า
นางอัจฉราได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กถึงบุตรชายว่า ลูกชายเข้าไปกอดรูปถ่ายของนายนที เชื่อว่าลูกรู้เรื่องราวทุกอย่าง
“เขาเอารูปดา (พ่อ) มานั่งที่เดิม กอดรูป และบอกว่าดาไปกับหนู กอดในยามที่ดากอดได้ กอดในยามที่ดาหมดแรง กอดในยามที่ดาเหลือแค่รูป แต่ใจหนูกอดดาเสมอ รักดา คุยกับดาว่า คุณดาไม่ต้องห่วงนะ หนูอยู่กับแม่ แม่จะเป็นอ้อมกอดของดาและแม่ เท่าที่แม่คนนี้จะทำสุดความสามารถ คิดถึงคุณเสมอ”
สำหรับนายนที เกิดเมื่อวันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2513 ได้ใช้นามสกุลสรวารีตามมารดา หลังจากที่บิดามารดาแยกทางกัน โดยเป็นนามสกุลของนาวาโทเชื้อ สรวารี ซึ่งได้รับประทานจากพลเรือเอก พระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าวุฒิไชยเฉลิมลาภ กรมหลวงสิงหวิกรมเกรียงไกร ผู้เป็นเจ้าของวังสะพานขาว จบการศึกษาด้านพัฒนาชุมชนจากวิทยาลัยครูพระนคร ก่อนเข้าโครงการบัณฑิตอาสาสมัครรุ่นที่ 26 ของมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และได้อาจารย์ป๋วย อึ๊งภากรณ์ ผู้ก่อตั้งบัณฑิตอาสาสมัครเป็นแบบอย่างในการทำงานด้านสังคมและการใช้ชีวิต
ในชีวิตการทำงาน นายนทีนับว่าใช้ชีวิตเป็นนักกิจกรรมเพื่อสังคม ไม่ว่าในบทบาทของอาสาสมัคร ผู้ประสานงาน จนมาเป็นเลขาธิการมูลนิธิอิสรชนตั้งแต่ปี 2554
ในขณะที่บทบาททางการเมือง นายนทีเริ่มปรากฏเมื่อเดือนกรกฎาคม ปี 2553 จากการตะโกนที่แยกราชประสงค์ว่า “เราเห็นคนตาย ที่นี่มีคนตาย เพื่อนเราถูกฆ่า เอาชีวิตเพื่อนเราคืนมาแล้วพวกเราจะปรองดองด้วย” เพื่อรำลึกเหตุการณ์ปราบปรามผู้ชุมนุมคนเสื้อแดงเมื่อเดือนเมษายน-พฤษภาคม ปี 2553 ก่อนถูกตำรวจจับกุมและถูกหิ้วตัวออกจากพื้นที่ ซึ่งนายนทียังคงตะโกนต่อไป
ทั้งนี้ในตอนหนึ่งของหนังสือที่ระลึกงานฌาปนกิจศพ ‘รำลึก อิสรชน ฅนเดินทาง’ นายนทีได้ระบุถึงตัวเองว่า
“นที สรวารี ไม่เคยบอกใครว่าเป็นคนดี เป็นเพียงคนที่ทำงานที่รัก และทำแล้วมีความสุขเท่านั้นเอง ดังนั้น งานที่ทำจึงจะมีแต่งานที่ทำแล้วมีความสุข และเป็นงานที่รัก ไม่ใช่แบบอย่าง ไม่ใช่คนดี เพราะนที สรวารี ก็แค่คนธรรมดาที่มีเลือดเนื้อมีชีวิตธรรมดาคนหนึ่งเท่านั้น”
Photo: อิสราชัย จงภัทรนิชพันธ์