เมื่อวันพุธที่ผ่านมา (24 กรกฎาคม) ดัชนี NASDAQ ซึ่งเป็นตัวแทนของหุ้นเทคโนโลยีในสหรัฐฯ ลดลง 654 จุด หรือราว 3.6% ส่งผลให้มูลค่าตลาดลดลงไปกว่า 1 ล้านล้านดอลลาร์ หรือกว่า 36 ล้านล้านบาทภายใน 1 วัน มูลค่าของ NASDAQ ที่ลดลงไปนี้ มากกว่า GDP ประเทศไทยถึง 2 เท่า
การปรับตัวลงของดัชนี NASDAQ ล่าสุด ถือเป็นการปรับตัวลดลงมากที่สุดใน 1 วัน นับตั้งแต่เดือนตุลาคม 2022 โดยหุ้นที่ปรับตัวลดลงอย่างหนักเมื่อคืนนี้ เช่น Tesla -12.3%, NVIDIA -6.8%, Meta -5.6%, Alphabet -5.0%, Microsoft -3.6% และ Apple -2.9%
ราคาหุ้น Tesla ที่ดิ่งลงกว่า 10% เป็นผลจากกำไรสุทธิในไตรมาส 2 ที่ลดลงถึง 45% ทำได้ 1.47 พันล้านดอลลาร์ ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ 1.9 พันล้านดอลลาร์ แม้ว่ารายได้ของบริษัทจะเพิ่มขึ้น 2% มาอยู่ที่ 2.55 หมื่นล้านดอลลาร์ แต่ค่าใช้จ่ายจากการดำเนินงานเพิ่มขึ้นมากถึง 39% และเป็นหนึ่งในปัจจัยที่ทำให้อัตรากำไรขั้นต้นลดลงจาก 29.1% ในไตรมาสแรก มาเหลือ 18% ในไตรมาสล่าสุด
ขณะที่หุ้นเทคอื่นๆ ล้วนเป็นกลุ่มที่กดดันดัชนีในวันล่าสุด โดย Alec Young หัวหน้านักยุทธศาสตร์การลงทุนของ MAPsignals กล่าวว่า ความกังวลหลักคือผลตอบแทนจากการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐาน AI จะเป็นอย่างไร เนื่องจากมีการใช้เงินจำนวนมากไปกับด้านนี้ ซึ่งอาจต้องใช้เวลากว่าจะได้รับผลตอบแทนในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า แต่ในระยะสั้น ผลประกอบการของบริษัทเทคโนโลยีขนาดใหญ่กำลังได้รับผลกระทบจากการใช้จ่ายจำนวนมาก
การเทขายหุ้นครั้งนี้เกิดขึ้นหลังจากตัวเลขเงินเฟ้อออกมาต่ำกว่าที่คาดการณ์ไว้เมื่อ 2 สัปดาห์ก่อน ทำให้เกิดการโยกย้ายเงินทุนครั้งใหญ่จากหุ้นเทคโนโลยีไปยังบริษัทที่จะได้รับประโยชน์มากที่สุดจากการลดอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐฯ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นหุ้นขนาดเล็ก
นอกจากนี้ ดูเหมือนว่านักลงทุนจะเปิดรับความคิดเห็นที่ว่า การเติบโตของหุ้น AI ที่ผลักดันให้มูลค่าของ S&P 500 เพิ่มขึ้น 9 ล้านล้านดอลลาร์ในปีที่ผ่านมา อาจถึงจุดแตก
นอกจากหุ้นเทคโนโลยีขนาดใหญ่ที่กล่าวไปข้างต้น หุ้นที่เป็นผู้ผลิตฮาร์ดแวร์ที่ใช้ในการคำนวณ AI อื่นๆ ปรับลดราคาลงเช่นกัน อย่าง Super Micro Computer -9.15% และ Broadcom -7.6%
Jim Covello หัวหน้าฝ่ายวิจัยหุ้นของ Goldman Sachs Group, Inc. กล่าวว่า ความหวังในเชิงพาณิชย์สำหรับ AI นั้นเกินจริง และตั้งคำถามถึงค่าใช้จ่ายมหาศาลที่จำเป็นในการสร้างโครงสร้างพื้นฐานสำหรับการคำนวณเพื่อเรียกใช้และฝึกฝนโมเดลภาษาขนาดใหญ่
การพูดถึงภาวะฟองสบู่ในหุ้น AI ส่วนหนึ่งเป็นผลจากการแห่เข้ามาเก็งกำไรของนักลงทุนใน Call Option ของหุ้นอย่าง NVIDIA หรือในหุ้นอื่นๆ แต่ล่าสุดดูเหมือนสถานการณ์จะเปลี่ยนไป
ตัวอย่างเช่น เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ความต้องการ Put Option ใน NVIDIA แซงหน้า Call Option มากที่สุดในรอบ 5 เดือน
อ้างอิง: