×

Kids Rock, เสือดำ, เฌอปราง BNK48 และน้ำตาชาวร็อกของ แน็ป Retrospect

06.07.2018
  • LOADING...

HIGHLIGHTS

9 MINS READ
  • แน็ป Retrospect ได้รับบทบาทใหม่ในการเป็นพิธีกรรายการ Kids Rock ที่ต้องพาน้องๆ จากวง Overdose เดินทางสู่การเป็นนักดนตรีมืออาชีพ ทั้งที่แต่ละคนยังมีคำนำหน้าชื่อว่าเด็กชายเท่านั้น
  • แน็ปคิดว่าสิ่งที่ทุกคนจะได้รับจากการติดตามชีวิตน้องๆ วง Overdose คือแรงบันดาลใจที่ทำให้กลับมาตั้งคำถามกับความฝันและหยิบเครื่องดนตรีขึ้นมาเล่นอีกครั้งหลังจากไฟในตัวที่เคยมีเริ่มมอดดับลง
  • ถึงแม้ภาพลักษณ์ภายนอกจะดูแข็งแกร่ง ดุดัน แต่จริงๆ แล้วแน็ปเป็นคนเซนซิทีฟที่พร้อมจะหลั่งน้ำตาออกมาง่ายๆ ได้กับทุกเรื่อง

 

 

ถ้าดูจากแค่รูปลักษณ์ภายนอกและผลงานเพลงตลอดระยะเวลาเกือบ 20 ปี ชนัทธา สายศิลา หรือแน็ป ฟรอนต์แมนพลังงานสูงจากวง Retrospect น่าจะเป็นหนึ่งในคนที่ยืนอยู่ไกลจากคำว่า ‘คนเจ้าน้ำตา’ มากที่สุดเท่าที่เราพอจะนึกออก แต่ถ้ามองลงไปให้ลึกลงไปน้ำเสียง คำพูด การแสดงความคิดเห็นต่อกรณีต่างๆ ในสังคม เราจะรู้ว่าภายใต้เสียง ‘ว๊าก’ ที่ทรงพลัง แน็ปได้ซ่อนความรู้สึกอ่อนไหวและเซนซิทีฟไปกับทุกเรื่องราวที่พบเจอเอาไว้ในนั้น

 

โดยเฉพาะกับบทบาทใหม่ในการเป็นพิธีกรรายการ Kids Rock ที่ต้องพาน้องๆ จากวง Overdose เด็กรุ่นใหม่ที่ต้องการเดินทางสู่การเป็นนักดนตรีมืออาชีพทั้งๆ ที่อายุยังน้อย มีคำหน้าชื่อเป็น ‘เด็กชาย’ เท่านั้น ทั้งแพสชัน ความตั้งใจจริง ความกดดันต่างๆ ที่ทุกคนต้องเจอ ทำเอาแน็ปต้องหลั่งน้ำตาชาวร็อกออกมาหลายครั้ง

 

รวมทั้งเรื่องเล็กน้อยที่ทำให้คนอย่างแน็ปพร้อมจะหลั่งน้ำตา ตั้งแต่ความดีใจในฐานะ ‘โอตะ’ เมื่อได้เห็นเฌอปราง BNK48 ประสบความสำเร็จบนเวทีใหญ่ การดูคลิปซึ้งๆ ให้โอกาสคนและสัตว์ ไปจนถึงเรื่องหนักๆ อย่างกรณี ‘เสือดำ’ ที่ทำให้แน็ปต้องเสียน้ำตาเพราะความเจ็บปวดอยู่หลายครั้ง

 

กับนิยามชาวร็อกที่แน็ปบอกกับเราว่าคือ ‘คนรั่วๆ ปัญญาอ่อน อะไรก็ได้’ แต่ถ้ามองในมุมนี้ เราคิดว่า ‘ความเจ้าน้ำตา’ ก็น่าจะเป็นอีกหนึ่งคุณสมบัติของ ‘ชาวร็อก’ คนนี้ได้เหมือนกัน

 

ตัวอย่างรายการ Kids Rock

 

ในวันที่น้องๆ วง Overdose อายุ 10 กว่าขวบกำลังเริ่มเล่นดนตรีอย่างจริงจัง ในตอนที่อายุเท่ากัน เด็กชายแน็ปกำลังทำอะไรอยู่

น่าจะมีอารมณ์เริ่มชอบดนตรีนิดหน่อย แต่ยังไม่ได้ลึกซึ้งมาก เพราะได้อิทธิพลมาจากญาติๆ ที่เป็นนักดนตรีและศิลปินกันหลายคน แต่ที่สนใจมากที่สุดตอนนั้นคงเป็นการดีดลูกแก้ว เล่นของเล่น ซื้อขนมโอเดงย่า สะสมสมุดสติกเกอร์ไปแลกของ แต่ไม่เคยสะสมครบเลยนะ โดนเพื่อนขโมยไปหมด (หัวเราะ)  

 

พอมาเห็นน้องๆ วง Overdose แล้วรู้สึกดีมากเลยนะครับ ด้วยปัจจัยหลายๆ อย่าง ทั้งการสนับสนุนของผู้ปกครองและการเปิดกว้างของโลกอินเทอร์เน็ต ทำให้เด็กๆ ได้เรียนรู้อะไรเร็วมากกว่ายุคอื่น ยิ่งเขารู้ว่าตัวเองชอบอะไรเร็วเท่าไร จากนี้เขาจะต่อยอดและพัฒนาตัวเองให้เก่งขึ้นได้อีกเยอะเลย

 

เมื่อก่อนกว่าเราจะได้ฟังเพลงอะไรต้องรอ 1 เดือนหลังจากวันที่เขาปล่อยเพลงในต่างประเทศ แผ่นเพลงถึงจะมีมาให้เราฟัง แต่เดี๋ยวนี้เขาเสิร์ชทีเดียวรู้เรื่อง ในมุมนี้เขาน่าอิจฉามากเลยนะที่มีเพลงอะไรให้ฟังได้ง่ายขนาดนี้ แต่ก็มีเรื่องที่เสียดายอยู่คือคุณค่าทางจิตใจ หรือความหลงใหลในเพลงหรือศิลปินที่ชอบของน้องๆ อาจจะลดลง

 

อย่างผมชอบวง Korn มาก พอแผ่นมาถึงผมก็เปิดฟังแต่ Korn ทั้งปีเลย ฟังแบบจริงจัง ฟังแบบคลั่งไคล้หลงใหล อยากเจอเขาก็ต้องรอมาเล่นคอนเสิร์ตที่ประเทศไทย ซึ่งเกิดขึ้นยากมาก หรือรออ่านบทสัมภาษณ์จากนิตยสารที่ก็ไม่ได้หาง่ายอีก แต่เดี๋ยวนี้อยากรู้จักใคร เปิดเข้าอินสตาแกรมแป๊บเดียวก็เห็นเขาลงรูปแล้ว มันกลายเป็นความชอบที่เป็นรูทีน ซึ่งอาจจะไม่ได้บ้าคลั่งแบบเดิมเท่าไร เราก็พยายามแลกเปลี่ยนประสบการณ์ตรงนี้กับน้องๆ เพราะเป็นส่วนหนึ่งของแพสชันที่นักดนตรีควรมีเหมือนกัน

 

 

ต้องมีการปรับตัวเข้าหากันเยอะหรือเปล่า เวลาต้องทำงานกับศิลปินรุ่นน้องที่อายุห่างกันพอสมควร

แทบไม่ต้องปรับตัว แต่จะมีช่วงแรกๆ ที่ต้องละลายพฤติกรรมกันหน่อย เพราะน้องๆ จะเข้ามาแบบมีความเป็นร็อกในหัวของเขาสูงมาก คือมาแบบขึงขังเลย คงคิดว่าวงร็อกต้องเป็นแบบนี้ แต่จริงๆ แล้วชาวร็อกคือคนทั่วไปนี่แหละครับ เป็นคนปัญญาอ่อน ง่ายๆ อะไรก็ได้ ไม่ได้จำเป็นต้องมีภาพลักษณ์อะไรเลย เพราะอย่างผมตอนเด็กๆ ก็เคยคิดแบบนี้ ทำให้ตอนแรก Retrospect ดูภายนอกอาจจะน่ากลัว แต่จริงๆ แล้วรั่วมาก (หัวเราะ)

 

แต่มันจะมีอย่างหนึ่งที่พอทำรายการไปเรื่อยๆ แล้วเห็นภาพตัวเองตอนเด็กๆ ซ้อนขึ้นมา คือการใช้ชีวิตในฐานะเด็กที่รักการเล่นดนตรีของ โตโต้ ที่เวลาเขาพยายามอธิบายวิถีชีวิตการเล่นดนตรีกับเพื่อนๆ ในโรงเรียนของเขาแล้วเขาไม่สามารถคุยกับใครได้เลย เพราะเพื่อนที่โรงเรียนยังใช้ชีวิตแบบเด็กทั่วไป แต่เหมือนโตโต้คุยกับพวกเขาคนละภาษา เหมือนตอนผมพยายามชวนเพื่อนคุยเรื่องดนตรีแล้วเพื่อนงงว่า เฮ้ย มึงพูดเรื่องอะไรของมึงวะ (หัวเราะ) สุดท้ายเลยกลายเป็นคนปลีกวิเวก ไม่มีเพื่อนก็ไม่เป็นไร เรามีเพื่อนเป็นดนตรีก็ได้

 

ความตั้งใจในการทำงานของเด็กอายุ 10 ขวบต้นๆ อย่างวง Overdose ถือว่ามีความจริงจังมากขนาดไหน

ตั้งใจมากครับ เรื่องนี้ต้องยอมใจพวกเขาจริงๆ จุดมุ่งหมายสำคัญของ Kids Rock คือการทำเพลงให้วง Overdose ตลอดเวลาที่ผมคุยกับน้องๆ ว่าอยากได้แบบไหนแล้วพยายามทำเพลงขึ้นมาให้ได้นั้น การที่เขาต้องบันทึกเสียงเอง ทำงานเองแบบมืออาชีพทั้งหมด ทำให้พวกเขาเจอปัญหาทั้งเรื่องการซ้อม การแบ่งเวลา ความกดดันที่ต้องเจอในห้องอัด รวมทั้งความดุของผมที่หลายๆ คนไม่เคยเห็น เพราะเวลาทำงานในห้องอัดผมจะจริงจังมาก ประกอบกับเวลาที่กำหนดของสตูดิโอแต่ละคิวมันจำกัดมาก บางคนอาจจะตั้งใจมากจนอยากโชว์ฝีมือเกินไปหน่อย ทำให้อารมณ์เพลงไม่เหมือนที่คุยกันไว้ พอกดดันมากเข้า บางคนถึงขนาดร้องไห้เลยนะครับ แต่แทนที่พวกเขาจะท้อ พอกลับบ้านไปพวกเขาฝึกหนักขึ้นกว่าเดิม แล้วกลับมาอีกครั้งด้วยการเล่นที่ดีมากทุกคนเลย

 

ทำไมต้องให้เด็กอายุแค่นั้นรู้จักภาวะกดดันเร็วขนาดนี้

เพราะว่าจริงๆ แล้วภาวะกดดันแบบนั้นมันเป็นแค่ส่วนเล็กๆ ส่วนเดียวที่พวกเขาต้องเจอถ้าจะเลือกเดินในเส้นทางนักดนตรีมืออาชีพ หลังจากที่พวกเขาทำเพลงเสร็จแล้ว เขาต้องการหาเลี้ยงชีพกับมันจริงๆ จะมีความกดดันที่หนักกว่านี้หลายเท่าที่พวกเขาต้องเจอ ทั้งการทำเพลงของตัวเอง การเล่นคอนเสิร์ต การหารายได้ ทั้งหมดพวกเขาต้องทำออกมาโดยมีคำว่า ‘มืออาชีพ’ แบกเอาไว้บนบ่า พอมีคำนี้เข้ามา เรื่องอายุเยอะหรือน้อยไม่สำคัญ ทุกคนต้องเท่ากันหมด

 

ซึ่งเราก็จะเห็นน้องๆ รับมือกับสถานการณ์ต่างๆ ได้ดีมากขึ้น โดยเฉพาะเวลาพาไปเล่นตามงานคอนเสิร์ตต่างๆ เพราะแนวเพลงของพวกเราก็ยังมีอีกหลายคนที่ไม่เข้าใจ อย่าง Retrospect เคยไปเล่นงานเทศกาลดอกไม้บานที่คนฟังนั่งงงกันหมดเลยว่าพวกเรากำลังเล่นเพลงอะไร (หัวเราะ) แต่พอเป็นนักดนตรี เราก็ต้องทำหน้าที่ของเราให้ดีที่สุด ถึงแม้ว่าจะไม่มีใครสนใจในสิ่งที่เรานำเสนออยู่ก็ตาม เราพยายามพาพวกเขาไปอยู่ในสถานการณ์จริงมากที่สุด เพื่อให้เขาพร้อมที่สุดสำหรับการเดินบนเส้นทางนี้ต่อไป

 

 

นอกจากสิ่งที่คุณพยายามมอบให้กับเด็กๆ มีเรื่องที่คุณได้เรียนรู้จากวง Overdose กลับมาบ้างไหม

เยอะมากครับ พูดได้เลยว่าตั้งแต่ทำรายการมาผมได้พลังจากเด็กๆ เยอะมาก การได้เห็นความตั้งใจของพวกเขามันช่วยปลุกไฟในตัวที่พอเล่นดนตรีมาเกือบ 20 ปี เล่นเพลงเดิมๆ สคริปต์เดิมๆ ซ้ำๆ บางครั้งทำให้เรารู้สึกล้าและเนือยไปบ้าง ไม่เหมือนตอนสมัยเด็กที่เราเริ่มต้นเล่นดนตรี ซ้อมกันอย่างบ้าคลั่ง เต็มที่ เลือดสาด รู้สึกว่าไฟในตัวหายไป แต่พอเห็นน้องๆ ที่ไม่ยอมแพ้และตั้งใจมากๆ มันทำให้กลับมาคิดว่า เออ ดนตรีมันคือสิ่งที่เรารักมากที่สุดไม่ใช่เหรอวะ แล้วเราละเลยมันไปมากขนาดไหน อย่างอัลบั้มต่อไปของ Retrospect ตอนแรกคิดว่าจะขอพักเหนื่อยก่อน แต่พอได้ทำงานกับน้องๆ แล้วคิดใหม่เลย เฮ้ย จะไปเที่ยวทำไมวะ ลุยต่อแม่งเลยสิ การทำดนตรีมันสนุกที่สุดสำหรับเราอยู่แล้วไม่ใช่เหรอ

 

ถึงแม้ว่าระหว่างทางจะมีเรื่องที่เราไม่เข้าใจกันบ้าง มีเวลาที่พวกเขาดื้อ มีเวลาที่ผมดุ แต่มันเป็นช่วงเวลาที่ดีมากจริงๆ นะครับ ถ้าดูในรายการจะมีตอนที่ผมดุพวกเขาในห้องอัดจนร้องไห้ แล้วสุดท้ายผมร้องไห้ไปกับพวกเขาด้วย มันไม่ใช่เพราะความโกรธหรือความเสียใจ แต่เป็นเพราะเราได้เห็นความตั้งใจของทุกคนที่อัดแน่นมากๆ เป็นความตื้นตันที่เห็นเด็กกลุ่มหนึ่งยอมซ้อมหนัก ยอมโดนว่าเพื่อให้ผลงานของทุกคนออกมาดีที่สุด

 

ปกติน้ำตาชาวร็อกของแน็ปไหลออกมาได้ง่ายขนาดไหน

ง่ายมากครับ (หัวเราะ) เป็นคนเซนซิทีฟสุดๆ ร้องไห้ได้กับทุกเรื่อง ดูคลิปอะไรซึ้งๆ เกี่ยวกับการให้โอกาส การช่วยเหลือคน หมา แมว สัตว์ อะไรก็ได้ เห็นแล้วทนไม่ไหว น้ำตาจะมาทันที หรืออย่างกรณีเสือดำก็ร้องไห้หนักเหมือนกัน ตอนแรกร้องไห้เพราะความโกรธ ตั้งแต่เห็นซากเสือดำ เห็นซากเนื้อสัตว์อื่นๆ มากองถมๆ กันแล้วรู้สึกว่ามันเป็นภาพที่ไม่ควรจะเกิดขึ้นในยุคที่เรามีทุกอย่างสำหรับการอุปโภคบริโภค เรามีอาหาร มีร้านสะดวกซื้อเต็มไปหมด แต่กลายเป็นว่าบางชีวิตต้องมาจบลงด้วยเกมของคนประเภทที่มีทรัพย์เยอะมาก มันเป็นเรื่องท่ีน่าเศร้าจริงๆ นะ

 

ต่อมาก็ร้องอีก แต่ไม่ได้ร้องไห้เสือดำ แต่ผมร้องไห้ให้เจ้าหน้าที่ทุกคน ผมได้ขึ้นไปเจอผู้อำนวยการเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า เจอพี่ๆ เจ้าหน้าที่หลายคนที่เข้าไปลาดตระเวนเพื่อดูว่ามีใครทำผิดกฎหมายหรือเปล่า บางคนโดนเสือตะปบ บางคนถูกนายพรานยิงตาย เขาพยายามทำงานหนักทุกอย่างเพื่อรักษาชีวิตในป่าเหล่านี้เอาไว้ แต่เทียบกับสวัสดิการอันน้อยนิดที่เขาได้รับ มันก็น่าเจ็บปวดอีกเหมือนกัน จนอีกครั้งที่ร้องไห้หนักสุดๆ ก็คือตอนคอนเสิร์ต ‘หัวใจเสือดำ’ ของวง Retrospect ที่ตอนร้องเพลงนี้ออกมาแล้วความรู้สึกเจ็บปวดแทนเสือ แทนพี่ๆ ทุกคนมันกลับมาอีกครั้ง

 

ถ้าไม่นับเรื่องเศร้าแล้วพูดถึงเรื่องน่าดีใจอย่างตอนที่เฌอปราง BNK48 ได้อันดับที่ 39 จากงานเลือกตั้ง World Senbatsu ของ ABK48 ล่ะ ร้องไห้อีกไหม

โอ้โห ไม่เหลือสิครับ (หัวเราะ) ความจริงไม่ใช่แค่ตอนประกาศผลด้วยนะ แค่เห็นน้องถือป้ายแนะนำตัวเดินออกมา แค่นั้นน้ำตาแรกก็มาแล้ว (หัวเราะ) แล้วนั่งดูถ่ายทอดสดตลอด เปิดทิ้งเอาไว้ 4-5 จอด้วยนะ (หัวเราะ)

 

ผมรู้สึกว่าเฌอปรางเป็นน้องสาวของเราคนหนึ่งที่เก่งมากๆ เป็นเด็กที่พูดจาดี วางตัวดี ทำทุกอย่างได้ดีไปหมด แล้วเลือกเดินตามความฝันของตัวเองด้วยการสมัคร BNK48 คิดว่าในช่วงระยะเวลา 1 ปี ชีวิตเขาเปลี่ยนไปมากเลยนะครับ ด้วยการต่อสู้ของเขา ด้วยความทะเยอทะยาน ด้วยการพยายามไขว่คว้าสิ่งที่ฝัน รวมทั้งการปรับตัวและเรียนรู้กับวงการบันเทิงไทยได้เร็ว เพราะการเป็นศิลปินหรือคนสาธารณะที่อยู่ในที่แจ้งแบบนั้นต้องใช้พลังเยอะมาก โดยเฉพาะสังคมไทยที่สะกิดนิดหน่อยก็ดราม่ากันอีกแล้ว รู้สึกว่าน้องต้องต่อสู้กับอะไรมาเยอะมากจริงๆ พอน้องได้ขึ้นไปยืนอยู่บนเวทีใหญ่ขนาดนั้น เราก็รู้สึกดีใจมากๆ กับเขาไปด้วย

 

Photo: Facebook วง Retrospect

 

เป็นโอตะที่โกรธขนาดไหนเวลามีคนมาดราม่าหรือพูดจาให้ร้ายสมาชิก BNK48

ผมเฉยๆ นะ เพราะค่อนข้างมั่นใจว่า Retrospect คือวงที่โดน cyberbullying เป็นวงแรกๆ ของประเทศไทย (หัวเราะ) ในเว็บบอร์ดต่างๆ ขนาดเว็บบอร์ดของวงยังโดนเลย ทั้งเรื่องหน้าตา การแต่งตัว โอ้โห มันด่ากันจนไปที่ไหนก็เจอแต่คนตั้งกระทู้ด่า แล้วผมรับมือทุกรูปแบบ ทั้งแรงมาแรงกลับ จนสุดท้ายถามตัวเองว่าจะทำแบบนั้นไปทำไมวะ ไม่รู้จะเอาตัวไปแลกกับคนที่ด่าเราแบบไม่มีเหตุผลทำไม มันได้แค่ความสะใจคืนมาอย่างเดียวโดยที่แทบไม่มีประโยชน์อะไรเลย ตอนหลังเจอมากๆ เข้าก็เปลี่ยนเป็นความชินชาแล้วไม่รู้สึกอะไร ถ้าเรื่อง bully นี่ผมแกร่งมาก ไม่กลัวเลย แล้วผมก็เชื่อเหลือเกินว่าน้องๆ ทุกคนเก่งและสามารถปล่อยวางเรื่องพวกนี้ได้เป็นอย่างดี อาจจะดีกว่าผมด้วยซ้ำนะ (หัวเราะ) เพราะฉะนั้นเลยไม่โกรธหรือเป็นห่วงอะไรเลยเวลามีคนมาพูดจาไม่ดีใส่

 

อันนี้รวมถึงน้องๆ วง Overdose ด้วยนะ บางทีก็มีคนมาคอมเมนต์ว่าเล่นเพลงอะไรวะ ผมก็ได้แค่ตบหลังน้องๆ บอกว่าเรายังต้องไปอีกไกล เรื่องแค่นี้กระจอกมาก

 

 

สุดท้ายคิดว่าคนที่ดูรายการ Kids Rock จะได้อะไรกลับมาจากการเดินทางในเส้นทางนักดนตรีมืออาชีพของน้องๆ วง Overdose บ้าง

ผมขอแบ่งเป็นกลุ่มนะครับ เริ่มจากคนดูทั่วไป เราตัดคำว่าดนตรีออกไปก่อนเลย พวกเขาจะได้เห็นความสดใสของเด็กกลุ่มหนึ่งที่มีความอยากรู้อยากลอง และเริ่มเดินทางตามความฝันของตัวในการเป็นศิลปิน คุณจะได้ทุกโมเมนต์ของพวกเขา ทั้งรอยยิ้ม คราบน้ำตา ดราม่า เสียงหัวเราะ เหมือนดูละครเรื่องหนึ่ง เพียงแต่มันเป็นละครชีวิตที่เกิดขึ้นจริงๆ

 

กลุ่มที่สองคือพ่อแม่จะได้เห็นการส่งเสริมให้ลูกได้ทำในสิ่งที่รัก และผลักดันให้เขาได้ทำสิ่งนั้นให้มากที่สุด บางคนอาจจะสงสัยในเส้นทางที่ลูกกำลังจะเลือกเดินตามความฝัน พ่อแม่ของน้องๆ วง Overdose ที่กำลังสนับสนุนเด็กๆ อย่างเต็มที่น่าจะให้คำตอบบางอย่างได้ เพราะนอกจากน้องๆ ที่ผมคิดว่าสุดยอดแล้ว ต้องยอมรับเลยว่าพ่อแม่ของทุกคนในวงนี้ก็สุดยอดเหมือนกัน

 

กลุ่มที่สามคือเด็กๆ ทุกคนที่อาจจะยังดีดลูกแก้ว ยังเล่นเกมออนไลน์ ยังไม่รู้ว่าความฝันของตัวเองคืออะไร แต่ถ้าได้ดูรายการนี้ ได้เห็นว่ายังมีเพื่อนอายุเท่ากันที่เขาเริ่มต้นจริงจังกับความฝันแล้ว อาจจะไม่ถึงขั้นลุกขึ้นมาทำอะไรจริงจังแบบวง Overdose ก็ได้ แต่อย่างน้อยถ้าได้แล้วเริ่มตั้งคำถามว่าสิ่งที่ตัวเองต้องการมากที่สุดคืออะไร แค่นั้นก็พอแล้ว

 

สุดท้ายคือศิลปินมืออาชีพ ศิลปินรุ่นใหญ่ที่ผ่านร้อนผ่านหนาว ผ่านการเล่นคอนเสิร์ตมามากมาย ที่กำลังเจอภาวะเนือยๆ แบบที่ผมบอก ผมคิดว่าน้องๆ จะส่งพลังกลับไปทำให้รู้สึกถึงตัวเองในวันที่เริ่มเล่นดนตรีอีกครั้ง ไม่ใช่แค่ผม แต่ทุกคนที่ดูน่าจะมีความรู้สึกอยากหยิบกีตาร์ขึ้นมาซ้อม อยากเอาเครื่องดนตรีมาเล่น หรืออยากเริ่มแต่งเพลงอีกครั้งได้เลย

FYI
  • รายการ Kids Rock ออกอากาศทาง LINE TV ทุกวันพฤหัสบดี เวลา 18.00 น. สามารถดูย้อนหลังได้ที่ tv.line.me/kidsrock
  • Overdose คือวงเมทัลร็อกรุ่นใหม่ที่แจ้งเกิดจากรายการ Bao Young Blood Season 3 มีสมาชิกทั้งหมด 5 คนคือ โตโต้-นริศ เป็นสุขเหลือ (ร้องนำ), จุง-ผ่านฟ้า ปาวิชัย (กีตาร์), ธีร์-ทีปกร คำสุรีย์ (กีตาร์) จีนส์-จีนส์ วิชญาพร (กลอง) และปัน-ปัณณ์ วิชญาพร (เบส)
  • สามารถติดตามความเคลื่อนไหวและผลงานเพิ่มเติมของวง Overdose ได้ที่แฟนเพจ www.facebook.com/OverdoseJR/
  • LOADING...

READ MORE






Latest Stories

Close Advertising