นาโอยูกิ ชิโนฮาระ อดีตเจ้าหน้าที่ระดับสูงของกระทรวงการคลัง ญี่ปุ่น ซึ่งเคยทำหน้าที่ดูแลอัตราแลกเปลี่ยนของประเทศในช่วงวิกฤตการเงินโลกในปี 2008 ออกมาแสดงความเห็นว่า ตราบใดที่ธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) ยังยืนกรานจะใช้นโยบายการเงินแบบผ่อนคลายต่อไป การเข้าแทรกแซงค่าเงินเยนของรัฐบาลชุดปัจจุบันจะไม่สามารถช่วยให้เงินเยนกลับมาแข็งค่าได้ ซ้ำร้ายยังจะสร้างความผันผวนให้กับตลาดเพิ่มขึ้นไปอีก
“การเข้าแทรกแซงเพื่อดูแลค่าเงินของรัฐบาลมีความจำเป็นเมื่อดูจากผลกระทบจากการอ่อนค่าของเงินเยนที่มีต่อเงินเฟ้อ แต่ถ้านโยบายการเงินและการคลังไม่ทำงานสอดประสานกัน การเข้าแทรกแซงก็จะไม่ก่อให้เกิดผลกระทบอย่างมีนัย” ชิโนฮาระกล่าว
เงินเยนอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์ไปแล้วราว 23% นับจากต้นปีที่ผ่านมา และถือเป็นสกุลเงินหลักของโลกที่อ่อนค่าลงมากที่สุด อย่างไรก็ดี BOJ ก็ยังคงยึดมั่นที่จะใช้นโยบายดอกเบี้ยต่ำ ซึ่งสวนทางกับการขึ้นดอกเบี้ยที่รุนแรงของธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) ต่อไป ซึ่งส่วนต่างดอกเบี้ยของทั้งสองประเทศที่ถ่างกว้างออกจากกัน เป็นหนึ่งในสาเหตุที่ทำให้เงินเยนอ่อนค่าลงอย่างต่อเนื่อง
ชิโนฮาระกล่าวอีกว่า เขาคาดว่า BOJ ภายใต้การนำของผู้ว่าการ ฮารุฮิโกะ คุโรดะ จะไม่เปลี่ยนจุดยืนที่มีต่อนโยบายการเงิน และจะเดินหน้ารักษาดอกเบี้ยให้อยู่ในระดับต่ำเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจต่อไป ซึ่งเป็นความเห็นที่สอดคล้องกับมุมมองของนักเศรษฐศาสตร์ส่วนใหญ่ในตลาด
“การแทรกแซงค่าเงินควรเป็นทางเลือกสุดท้าย มันไม่ควรถูกใช้มากเกินไป และการเข้าแทรกแซงโดยไม่มีการประกาศล่วงหน้าจะสร้างความสับสนให้กับตลาดและผู้เล่นในตลาด” ชิโนฮาระกล่าว
นับจากต้นเดือนที่ผ่านมา ความเคลื่อนไหวในตลาดเงินมีสัญญาณบ่งชี้ว่าทางการญี่ปุ่นได้เข้าแทรกแซงค่าเงินเพื่อชะลอการอ่อนค่าของเงินเยนหลายครั้ง โดยตลาดคาดการณ์ว่าญี่ปุ่นได้ใช้เม็ดเงินไปแล้วมากถึง 5.5 ล้านล้านเยน หรือราว 3.7 หมื่นล้านดอลลาร์ ในการแทรกแซงค่าเงิน แม้ว่าทางการจะยังปฏิเสธที่จะยืนยันข้อเท็จจริงนี้
ข่าวที่เกี่ยวข้อง:
- ญี่ปุ่นจ๋าพี่มาแล้ว! นี่คือ 5 เซอร์ไพรส์เล็กๆ จากญี่ปุ่นที่เปิดประตูต้อนรับนักท่องเที่ยวอีกครั้ง ที่รู้ไว้ก่อนก็ไม่เสียหาย
- ราคาห้องพักและโรงแรมใน ญี่ปุ่น พุ่งขึ้นแล้ว 10-20% จากนโยบายกระตุ้นการท่องเที่ยวและเงินเฟ้อ
- อากิโอะ โทโยดะ ซีอีโอ Toyota เผยแล้ว เหตุผลที่ไม่กระโจน ‘สู่สายพาน EV’ พร้อมย้ำ รถยนต์ไฟฟ้า (EV) ยังไม่ใช่กระแสหลัก
อ้างอิง: