สำนักข่าว AP เปิดเผยผลการสำรวจนักเศรษฐศาสตร์ชั้นนำทั่วสหรัฐฯ จำนวน 45 คน ซึ่งจัดทำโดยสมาคมเศรษฐศาสตร์ธุรกิจแห่งชาติ (National Association for Business Economics) พบว่า ความเห็นส่วนใหญ่ของผู้เชี่ยวชาญเหล่านี้เห็นตรงกันว่า ท่าทีของธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) ต่อการต่อสู้กับอัตราเงินเฟ้อในช่วงที่เหลือของปีนี้จะไม่มีการเปลี่ยนแปลงมากนัก โดยมีแนวโน้มที่จะยังคงอัตราดอกเบี้ยมาตรฐานไว้ที่ระดับสูงสุดในรอบ 16 ปีต่อไป
ผลสำรวจคาดว่า อัตราเงินเฟ้อของสหรัฐฯ ในปีนี้จะอยู่ที่ระดับ 4.2% เพิ่มขึ้นจากการคาดการณ์ในการสำรวจครั้งก่อนหน้าในช่วงเดือนกุมภาพันธ์ซึ่งอยู่ที่ 3.9% และอยู่สูงกว่าอัตราเงินเฟ้อเป้าหมายของ Fed ที่ 2% ทำให้ Fed ยังจำเป็นต้องรักษาระดับอัตราดอกเบี้ยให้สูงต่อไป กล่าวคือ ต่อให้จะไม่มีการปรับขึ้นอีกในช่วงที่เหลือของปี แต่ Fed ก็ไม่น่าที่จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยในปีนี้เช่นกัน
ข่าวที่เกี่ยวข้อง:
- Paul Tudor Jones มหาเศรษฐีนักลงทุน เชื่อ Fed ขึ้นอัตราดอกเบี้ยจบแล้ว เตรียมรับหุ้นขาขึ้นปีนี้
- รายงานเผย Fed กังวลปัญหาสินเชื่อตึงตัวอาจฉุดเศรษฐกิจตกต่ำเร็วขึ้น ยอมรับภาคอสังหาพาณิชย์มีความเสี่ยงสูง
รายงานระบุว่า การค้นพบนี้สะท้อนการสำรวจความคิดเห็นของนักเศรษฐศาสตร์จากภาคธุรกิจ สมาคมการค้า และสถาบันการศึกษา โดยการคงอยู่ของอัตราเงินเฟ้อที่สูงน่าจะเป็นเหตุผลหลักที่นักเศรษฐศาสตร์ธุรกิจคาดว่า Fed จะคงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ระดับปัจจุบันที่ประมาณ 5.1% ซึ่งเป็นจุดสูงสุดในรอบ 16 ปี และเป็นสัญญาณว่านักเศรษฐศาสตร์ไม่คาดว่า Fed จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยในปลายปีนี้ ตรงกันข้ามกับนักลงทุนวอลล์สตรีทหลายรายที่คาดการณ์ว่า Fed น่าจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยเพื่อเปิดทางให้เศรษฐกิจสหรัฐฯ ได้ขยับเขยื้อนบ้าง
ทั้งนี้ เมื่อช่วงต้นเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา ทาง Fed เพิ่งจะลงมติปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีก 0.25% ขณะที่เมื่อวันศุกร์ที่แล้ว (19 พฤษภาคม) ทาง เจอโรม พาวเวลล์ ประธาน Fed ได้ส่งสัญญาณว่าธนาคารกลางมีแนวโน้มที่จะหยุดการขึ้นอัตราดอกเบี้ยชั่วคราว หลังจากที่การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอย่างต่อเนื่อง 10 ครั้งของ Fed นับตั้งแต่เดือนมีนาคมปี 2022 ทำให้อัตราการจำนองเพิ่มขึ้นเกือบ 2 เท่า ทำให้ต้นทุนของสินเชื่อรถยนต์ การกู้ยืมบัตรเครดิต และสินเชื่อธุรกิจสูงขึ้น และเพิ่มความเสี่ยงของภาวะเศรษฐกิจถดถอย
กระนั้น Fed ก็ไม่ได้ส่งสัญญาณชัดเจนว่าจะปรับลดอัตราดอกเบี้ย
นักเศรษฐศาสตร์ธุรกิจคาดว่าเศรษฐกิจสหรัฐฯ จะเติบโตปานกลาง 1.2% ในปีนี้ แม้ว่าจะสูงกว่าการเติบโต 0.8% ที่คาดการณ์ไว้ในการสำรวจเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ ขณะเดียวกัน เกือบ 3 ใน 5 ของผู้ตอบแบบสำรวจกล่าวว่าเศรษฐกิจอาจจะเข้าสู่ภาวะถดถอยในอีก 12 เดือนข้างหน้า
อย่างไรก็ตาม มีรายงานว่า ทาง เจมส์ บูลลาร์ด ประธานธนาคารกลางสาขา St. Louis กล่าวว่า Fed จำเป็นต้องปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีก 2 ครั้งในปีนี้ เนื่องจากการเติบโตทางเศรษฐกิจมีความแข็งแกร่งอย่างน่าประหลาดใจ และอัตราเงินเฟ้อไม่ได้ชะลอตัวเร็วพอ
บูลลาร์ดยอมรับว่า ต้องการให้ Fed ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยใน ‘เร็ววัน’ (Sooner) ดีกว่าที่ผัดออกไป (Later) กระนั้นก็ไม่ได้ระบุเจาะจงว่า Fed ควรจะขึ้นเมื่อไร อีกทั้งยังย้ำด้วยว่า Fed จำเป็นต้องปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยให้สูงขึ้นเพื่อสร้างแรงกดดันให้เงินเฟ้อลดลง
อย่างไรก็ตาม ความเห็นของ Fed ในเวลาที่ค่อนข้างแตกต่างกันออกไป โดยก่อนหน้านี้ทาง นีล แคชคารี ประธาน Fed สาขา Minneapolis กล่าวว่า ใกล้ถึงเวลาที่ Fed จะยุติการขึ้นอัตราดอกเบี้ย ขณะที่ ราฟาเอล บอสติก ประธาน Fed สาขา Richmond กล่าวว่า รอดูข้อมูลทางเศรษฐกิจของสหรัฐฯ ก่อนที่จะมีการตัดสินใจใดๆ
อ้างอิง:
