คาเฟ่ในบ้านไม้ทรงไทยริมน้ำ ‘บ้านอากงอาม่า’ ความเก่าที่ไม่ยอมหายไปตามกาลเวลา

หากลงเดินเท้าเข้ามาในซอยสมเด็จเจ้าพระยา ย่านคลองสาน ระหว่างทางก่อนถึงจุดหมายของเราในวันนี้ จะได้เห็นวิถีชีวิตของผู้คนในละแวกนั้น ซึ่งค่อนข้างแตกต่างจากในเมือง บ้านเรือนติดกันหนาแน่น มีความเก่าแก่ตามยุคสมัย คนส่วนใหญ่อยู่ในพื้นที่มานานจนช่ำชอง

ส่วนเหตุผลที่เราตัดสินใจเดินทางมายังที่แห่งนี้ ที่ผันจากการเป็นบ้านอยู่อาศัยธรรมดามาเป็นคาเฟ่ตามสมัยนิยม ก็อาจเพราะชื่อร้านที่ทำให้เกิดความสงสัยว่า คาเฟ่หลังนี้จะเต็มไปด้วยความเก่าแก่และเปลี่ยนผ่านมาหลายชั่วอายุคนอย่างชื่อเรียก หรือเป็นแค่ชื่อร้านที่ช่วยสร้างบรรยากาศเพียงเท่านั้น

ประตูทางเข้าและบรรยากาศมุมหนึ่งของคาเฟ่

The Vibe

เมื่อเดินเข้ามาลึกจนสุดซอย จะพบศาลเจ้ากวนอูเด่นสะดุดตา ไม่ไกลกันนั้นเองจะเห็นบ้านไม้ทรงไทยปั้นหยาที่มีป้ายติดบนประตูทางเข้าว่า บ้านอากงอาม่า ซึ่งไม่ได้มีไว้เพื่อกันบุคคลภายนอกแต่อย่างใด (ยกเว้นนอกเวลาทำการ) เพราะในบ้านหลังนี้เปิดบริการเป็นคาเฟ่ที่ให้คนแปลกหน้าเข้ามาพักผ่อน นั่งกินขนมริมน้ำได้ตามสบายใจ และหากดูจากภายนอก บ้านหลังนี้อาจดูไม่เก่าตามอายุที่มากถึง 91 ปีเท่าไรนัก เนื่องจากมีการบูรณะซ่อมแซมกันไปช่วงน้ำท่วม แต่นอกจากพื้น กำแพง หรือส่วนที่เสียหายอื่นๆ แล้ว สิ่งของต่างๆ ที่เราได้เห็นภายในบ้านเป็นของเก่าเก็บแทบทั้งสิ้น แถมบางชิ้นยังมีอายุมากกว่าร้อยปี

มุมนั่งกินขนมชมวิวริมน้ำ

ถึงเวลาหาคำตอบของความเก่าของคาเฟ่แห่งนี้แล้ว ‘อากง’ หรือ คุณพูนศักดิ์ ทังสมบัติ ผู้เป็นเจ้าของบ้าน ก็เริ่มนั่งคุยกับเราด้วยการเล่าให้ฟังว่า แถวนี้ก็เหมือนกันกับที่อื่นๆ เมื่อเจริญถึงขีดสุดแล้วมันก็ลง ปัจจุบันคุณพูนศักดิ์อายุ 60 ปี อาศัยในบ้านหลังนี้มาตั้งแต่เกิด ทำให้ได้เห็นการเปลี่ยนแปลงโยกย้ายของคนในพื้นที่นี้มาโดยตลอด ตั้งแต่สมัยเมืองยังไม่ขยายตัว ผู้คนอาศัยในย่านนี้กันหนาแน่น ไม่ว่าจะเป็นไทย จีน หรือมุสลิม จนกระทั่งคุณพูนศักดิ์เข้าสู่วัยรุ่น อายุประมาณ 20 ปี ก็เริ่มมีหลายครอบครัวย้ายออกจากพื้นที่แห่งนี้ไป

จนกระทั่งประมาณ พ.ศ. 2536 อาจเรียกว่าเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญเลยก็ได้ เนื่องจากเป็นช่วงที่ผู้คนในย่านนี้ย้ายออกไปมากถึง 248 ครอบครัว ทำให้จากย่านที่เต็มไปด้วยกิจการงานค้าค่อนข้างครบครัน ตอนนี้จึงเห็นเป็นพื้นที่ว่างเปล่ามากมาย หากแต่เหลือ ‘บ้านทรงไทยปั้นหยา’ ของตระกูลทังสมบัติไว้หลังหนึ่ง

คุณพูนศักดิ์ เป็นลูกหลานรุ่นที่ 3 ของตระกูล

บ้านไม้ทรงไทยหลังนี้อยู่ติดริมแม่น้ำเจ้าพระยา สร้างตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 7 เมื่อ พ.ศ. 2472 โดยต้นตระกูลของคุณพูนศักดิ์มาจากจีนแผ่นดินใหญ่ได้เข้ามาทำธุรกิจค้าขายในเมืองไทย เริ่มแรกอาศัยอยู่ที่เก๋งจีนไม่ไกลกัน ก่อนจะย้ายมาที่บ้านหลังนี้ ซึ่งติดกับศาลเจ้ากวนอู และอยู่อาศัยมารุ่นสู่รุ่นจนถึงปัจจุบัน

เมื่อถามถึงความตั้งใจที่ยอมตัดสินใจเปิดบ้านเก่าหลังนี้ให้เป็นคาเฟ่ คุณพูนศักดิ์ก็บอกว่า เพราะต้องการให้คนที่แวะมาได้นั่งชมความเก่า นึกย้อนความหลัง และอยากให้คนรุ่นใหม่มีโอกาสสัมผัสความเก่าแก่ที่แท้จริง ซึ่งปัจจุบันอาจหาดูได้ยากแล้ว อีกทั้งเมื่อคนรุ่นใหม่ไม่เคยมีโอกาสได้สัมผัสสิ่งเหล่านี้ เราก็พูดไม่ได้ว่า พวกเขาไม่เห็นคุณค่า หรือไม่มีใจรักชอบ

“การที่ผมเปิดบ้านให้คนแวะมาแบบนี้ พอได้เห็นเขามีความสุขกับการอยู่ในบรรยากาศเก่าๆ หรือทำให้คิดถึงวันเดิมๆ ได้บ้าง ผมก็มีความสุขเหมือนกัน และอย่างน้อยหากมีคนมาสักร้อยคน แล้วมีหนึ่งในนั้นกลับไปหยิบของเก่าที่บ้านมาขัดถู หรือเห็นคุณค่ามันมากขึ้น ก็ถือว่าคุ้มค่าแล้ว” คุณพูนศักดิ์ได้ฝากไว้

The Dishes

ขนมและอาหารที่คาเฟ่แห่งนี้เน้นความอร่อยและกินง่าย ส่วนมากเป็นเมนูที่ทุกคนคุ้นเคยกันดี แต่ก็มีเมนูแปลกตาที่หารับประทานไม่ได้ตามคาเฟ่ทั่วไปอยู่เหมือนกัน เช่น กุ้งโสร่ง (90 บาท) กุ้งพันเส้นบะหมี่แล้วนำไปทอดจนกรอบ เสิร์ฟบนแพบะหมี่ทอดกรอบอีกที เมื่อกัดเนื้อกุ้งพร้อมบะหมี่แล้วได้สัมผัสที่กินสนุกเลยทีเดียว อีกเมนูหนึ่งคือ ขนมจีบหมู (40 บาท) พิเศษที่การใช้วิธีต้มแทนการนึ่ง แถมยังรสชาติอร่อยได้กินเนื้อหมูเต็มๆ คำ

กุ้งโสร่งและขนมจีบต้ม

เมนูขนมที่ใครมาก็ต้องลองให้ได้คือ วุ้นมะพร้าวน้ำหอมสูตรอาม่า (20 บาท) เสิร์ฟมาในกระทงขนาดกำลังดี มีชิ้นมะพร้าวให้เห็นกันชัดไปเลย รสชาติก็หอม อร่อย ไม่หวานจนเกินไป นอกจากนี้ก็ยังมี เฉาก๊วยโบราณสูตรอาม่า (40 บาท) เฉาก๊วยเนื้อเหนียวนุ่ม หอมน้ำตาลอ้อย กินแล้วสดชื่นแน่นอน

วุ้นมะพร้าวน้ำหอมและเฉาก๊วยโบราณสูตรอาม่า

ส่วนเครื่องดื่มก็มีให้เลือกหลากหลาย ตั้งแต่ น้ำเก๊กฮวยสูตรอาม่า (30 บาท) เมนูหาทานง่ายที่ทางร้านแนะนำ เพราะได้สูตรเด็ดมาจากอาม่าเลย เจ้าอัญชัน (70 บาท) เมนูอัญชันนมสดที่แยกน้ำอัญชันเป็นช็อตมาให้ ใช้เทแล้วถ่ายรูปอาร์ตๆ ลงโซเชียล หรือใครอยากดื่มกาแฟก็มีให้เลือกเช่นกัน เช่น อเมริกาโนยูสุ (70 บาท) และอีกเมนูที่ได้ยินแล้วฟังดูไม่เข้าพวกจนต้องสั่งมาลอง Butter Beer (70 บาท) เครื่องดื่มสัมผัสหอมนุ่มจากโซดา นม และคาราเมล แต่ไร้ซึ่งแอลกอฮอล์