สื่อท้องถิ่นเมียนมารายงานว่า กองกำลังความมั่นคงเมียนมาได้เปิดฉากยิงกระสุนจริงใส่กลุ่มผู้ชุมนุมที่เข้าร่วมการประท้วงเมื่อวานนี้ (2 พฤษภาคม) ซึ่งถือเป็นการประท้วงครั้งใหญ่ที่สุดในรอบหลายวัน จนเป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 8 ราย ทำให้ยอดรวมผู้เสียชีวิตจากการประท้วงต้านรัฐประหารในเมียนมาเพิ่มเป็นเกือบ 770 รายแล้ว
การประท้วงวานนี้ ซึ่งมีประชาชนหลายพันคนทั่วประเทศเข้าร่วมการชุมนุม จัดขึ้นภายใต้แคมเปญที่เรียกว่า ‘การปฏิวัติฤดูใบไม้ผลิโลกของเมียนมา’ หรือ Global Myanmar Spring Revolution ซึ่งสอดคล้องกับการจัดเดินขบวนประท้วงต่อต้านรัฐประหารของชุมชนชาวเมียนมาทั่วโลก
“สั่นสะเทือนโลกด้วยเสียงแห่งความสามัคคีของชาวเมียนมา” แถลงการณ์ของผู้จัดการชุมนุมระบุ
สำหรับผู้เสียชีวิต 2 ราย ถูกกองกำลังความมั่นคงยิงระหว่างเข้าร่วมชุมนุมในเมืองมัณฑะเลย์ เมืองใหญ่อันดับ 2 ของประเทศ ซึ่งก่อนหน้านี้สำนักข่าว The Irrawaddy ได้เผยแพร่ภาพถ่ายของชายคนหนึ่งที่ระบุว่าเป็นเจ้าหน้าที่กองกำลังความมั่นคงสวมเสื้อผ้าเหมือนชาวบ้านปกติ กำลังลอบใช้ปืนไรเฟิลยิงใส่ผู้ประท้วงในมัณฑะเลย์
ขณะที่สำนักข่าว Myanmar Now รายงานว่า มีผู้ประท้วงถูกยิงเสียชีวิต 3 ราย ในเมืองเวตเล็ตทางภาคกลาง และอีก 2 รายในรัฐฉาน ส่วน Kachin News Group รายงานว่าผู้ประท้วง 1 ราย ถูกยิงเสียชีวิตที่เมืองผากั้น แหล่งเหมืองหยกทางตอนเหนือ
อย่างไรก็ตาม สำนักข่าว Reuters ระบุว่าไม่สามารถยืนยันข้อเท็จจริงของรายงานดังกล่าว ขณะที่โฆษกรัฐบาลทหารไม่ได้แสดงท่าทีใดๆ ต่อกรณีข่าวการสังหารผู้ประท้วงที่เกิดขึ้น
ขณะเดียวกัน สถานการณ์สู้รบระหว่างกองทัพเมียนมากับกองกำลังชนกลุ่มน้อยในพื้นที่ชายแดนทางตอนเหนือและตะวันออก พบว่ายังคงทวีความรุนแรง ซึ่งจากการประเมินของสหประชาชาติ คาดว่ามีชนกลุ่มน้อยจำนวนหลายหมื่นคนที่ต้องอพยพทิ้งบ้านเรือนเพื่อหนีการสู้รบในพื้นที่
นอกจากนี้ยังมีรายงานว่าเกิดระเบิดขึ้นหลายจุดในนครย่างกุ้งเมื่อวานนี้ ทั้งที่หน้าสำนักงานตำรวจในย่างกุ้ง ซึ่งมีรถยนต์หลายคันถูกไฟเผาเสียหาย และหน้าบ้านของเจ้าหน้าที่ปกครองรายหนึ่ง ซึ่งส่งผลให้มีผู้บาดเจ็บ 1 ราย โดยเมื่อวันเสาร์ (1 พฤษภาคม) พบว่ามีรายงานเหตุระเบิดเกิดขึ้นอย่างน้อย 11 จุดในระยะเวลา 36 ชั่วโมงซึ่งส่วนใหญ่เกิดขึ้นที่ย่างกุ้ง
“ผู้ก่อการจลาจลบางคนที่ไม่ต้องการเสถียรภาพของรัฐได้ขว้างปาและวางระเบิดทำมือในสถานที่ราชการและบนถนนสาธารณะ” สื่อทางการเมียนมาระบุในรายงานข่าว
ภาพ: STR / AFP
อ้างอิง:
