×

My Liberation Notes ชวนค้นหาความหมายของชีวิต ผ่านเรื่องราวที่ขมขื่นแต่สมจริงของมนุษย์ออฟฟิศ

20.04.2022
  • LOADING...
My Liberation Notes

*บทความนี้เปิดเผยเนื้อหาบางส่วนของซีรีส์*

 

My Liberation Notes ซีรีส์ดราม่าเรื่องใหม่จาก Netflix ที่แม้จะออกอากาศมาเพียง 4 เอพิโสด แต่ก็กลายเป็นซีรีส์อีกหนึ่งเรื่องที่น่าจับตามอง ด้วยพล็อตเรื่องที่ไม่หวือหวาเกี่ยวกับการบอกเล่าเรื่องราวในชีวิตประจำวันแสนธรรมดาของมนุษย์ออฟฟิศ แต่กลับโดดเด่นด้วยการดำเนินเรื่องที่สมจริง ตลกร้าย และขมขื่นในเวลาเดียวกัน

 

สิ่งนี้นับเป็นลายเซ็นที่ชัดเจนของ พัคแฮยอง นักเขียนเจ้าของผลงาน My Mister ซีรีส์ที่เคยครองใจแฟนซีรีส์เกาหลีใต้มาแล้วในปี 2018 กับเรื่องราวที่สามารถถ่ายทอดรสชาติความขมของชีวิตออกมาได้อย่างสวยงามและน่าประทับใจ

 

My Liberation Notes

 

เช่นเดียวกับ My Liberation Notes ที่สะท้อนเรื่องราวชีวิตของมนุษย์ออฟฟิศได้สมจริงจนชวนหดหู่ใจ ผ่านเรื่องราวของ ยอมกีจอง (อีเอล), ยอมชางฮี (อีมินกิ) และ ยอมมีจอง (คิมจีวอน) สามพี่น้องที่เกิดและเติบโตมาในซันโพ เมืองเล็กๆ ที่คนหนุ่มสาวต่างพากันย้ายออกไปเริ่มต้นชีวิตใหม่ในเมืองหลวง โดยเหลือเพียงพวกเขากับเพื่อนสมัยเด็กไม่กี่คนเท่านั้นที่ยังคงอาศัยอยู่ที่นั่น

 

ในทุกๆ วันสามพี่น้องจะต้องตื่นตั้งแต่ 7 โมงเช้า เพื่อนั่งรถสาธารณะไปทำงานในโซล และรีบกลับบ้านให้ทันรถไฟฟ้าเที่ยวสุดท้าย นับรวมเวลาเดินทางไปกลับกว่า 3 ชั่วโมง ทำให้กิจวัตรของพวกเขาพบเจอแต่การตื่นเช้า ทำงานหนัก และรีบเดินทางกลับบ้านในทุกวัน 

 

ทั้งสามคนจึงแทบไม่มีสังคม ไม่มีเพื่อน และไม่มีคนรักเหมือนเช่นคนอื่นๆ ชางฮี พี่ชายคนกลางของบ้านที่หวังจะมีชีวิตใหม่ในเมืองหลวงก็กลับต้องเลิกรากับแฟนสาว เพราะการทำงานหนักและการต้องรีบเดินทางกลับบ้านที่ซันโพทุกวัน จึงทำให้เขาไม่สามารถพบปะหรือทำกิจกรรมร่วมกับแฟนสาวได้เหมือนคู่รักทั่วไป ตลอดระยะเวลาที่คบหากัน ทั้งคู่ทำได้เพียงพูดคุย บอกรัก และบอกคิดถึงกันผ่านแอปพลิเคชันแชตเท่านั้น

 

My Liberation Notes

 

ด้านมีจอง น้องสาวคนเล็กของบ้านก็เริ่มจะเหนื่อยล้ากับชีวิตมนุษย์ออฟฟิศที่แสนซ้ำซากจำเจ ทุกวันของการทำงาน มีจองมักจะโดนเจ้านายตำหนิอยู่บ่อยครั้ง ทั้งยังต้องพบเจอกับสายตาของคนรอบข้างที่มองว่า ‘เธอยังดีไม่พอ’ ทำให้นานวันเข้ามีจองก็ยิ่งรู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจ จากที่เคยคิดว่าการทำงานจะทำให้เธอค้นพบคุณค่าในตัวเองมากขึ้น แต่กลับกันเธอยิ่งรู้สึกไร้ค่าลงไปทุกที

 

ยิ่งประกอบกับการที่มีจองเป็นคนไม่ชอบสุงสิงกับใคร แถมยังพูดน้อยและค่อนข้างเก็บตัว ทำให้เธอแทบไม่มีเพื่อนที่สามารถพูดคุยหรือแบ่งปันความเหนื่อยล้าที่เธอพบเจอได้เลย

 

My Liberation Notes

 

หลังจากได้รับชมเรื่องราวใน 4 เอพิโสดแรก เราค้นพบว่าสิ่งที่โดดเด่นของซีรีส์เรื่องนี้คือการดำเนินเรื่องไปอย่างเนิบช้าด้วยการค่อยๆ นำผู้ชมเข้าไปสำรวจชีวิตประจำวันของสามพี่น้องที่เป็นตัวละครหลักของเรื่อง ซึ่งแตกต่างจากซีรีส์ทั่วไปที่มักดำเนินเรื่องอย่างเข้มข้นและมีจุดพลิกผันหรือปมปริศนาให้ผู้ชมลุ้นตามไปด้วย

 

แต่ถึงอย่างนั้น ‘ความสมจริง’ ก็กลับกลายเป็นเสน่ห์ที่สำคัญของซีรีส์เรื่องนี้ เพราะ My Liberation Notes เลือกที่จะสะท้อนให้เห็นถึงชีวิตจริงของผู้คนในสังคมผ่านเรื่องราวของตัวละครทั้งสามได้อย่างเป็นธรรมชาติ อีกทั้งยังถ่ายทอดรสชาติความขมขื่นของชีวิตออกมาได้สมจริง โดยที่ตัวละครไม่จำเป็นต้องมีปมชีวิตที่หนักหนาหรือต้องก้าวผ่านอุปสรรคที่ยิ่งใหญ่เหมือนซีรีส์เรื่องอื่นๆ 

 

เพราะในชีวิตจริงของคนเรา การต้องพบเจอสิ่งที่ซ้ำซากจำเจ ภาระงานที่หนักอึ้งในแต่ละวัน และสังคมปัจจุบันที่คอยบีบคั้นให้เราต้องไขว่คว้าความสำเร็จ ก็เพียงพอที่จะทำให้เราปล่อยโฮออกมาด้วยความเหนื่อยล้าเหมือนเช่นตัวละครมีจองในซีรีส์เรื่องนี้

 

เสน่ห์ที่สำคัญอีกอย่างของ My Liberation Notes คือการดำเนินเรื่องด้วยบทสนทนาและเสียงในความคิดของตัวละครเป็นหลัก โดยที่ทุกประโยคในเรื่องได้ผ่านกระบวนการคิดมาอย่างดีตั้งแต่ขั้นตอนการเขียนบท ทำให้คำพูดของตัวละครเพียงไม่กี่ประโยคสามารถสะท้อนตัวตนของตัวละครนั้นๆ ออกมาได้อย่างดี หรือในบางครั้งคำพูดที่ปรากฏในเรื่องก็กำลังสะท้อนชีวิตในแง่มุมใดแง่มุมหนึ่งของผู้ชมด้วยเช่นกัน 

 

My Liberation Notes

 

ยกตัวอย่างเช่นในตอนที่กีจอง พี่สาวคนโตของบ้านกำลังระบายความรู้สึกเหงาใจของการไม่มีคนรัก ด้วยการเปรียบเทียบถึงจิ้งหรีดที่กำลังส่งเสียงร้องหาคู่ว่า 

 

“ขนาดสัตว์เล็กๆ ยังตามหาความรักเลย นับประสาอะไรกับมนุษย์ เพราะสัตว์ยังรู้เลยว่าการผ่านหน้าหนาวโดยไม่มีคู่เป็นยังไง พวกมันถึงได้ร้องอย่างโศกเศร้าแบบนั้น”

 

ประโยคที่กีจองพูดกับน้องๆ ของเธอกำลังสะท้อนให้เห็นถึงตัวตนภายใต้ภาพลักษณ์ขี้โวยวายและดูเหมือนไม่สนใจใครว่า ลึกๆ แล้วกีจองก็คอยมองหาใครสักคนที่จะอยู่เคียงข้างเธอในวันที่เหนื่อยล้าและใช้ชีวิตที่เหลือไปด้วยกันเหมือนเช่นคนอื่นๆ 

 

My Liberation Notes

 

แม้แต่บทสนทนาสั้นๆ ที่มีจองพูดคุยกับเพื่อนร่วมงานในตอนที่เธออยากจัดตั้ง ‘ชมรมอิสรภาพ’ ขึ้นในบริษัทของตัวเอง ก็สามารถสะท้อนชีวิตผู้คนในสังคมปัจจุบันออกมาได้อย่างดี

 

“ฉันไม่รู้ว่าตัวเองถูกกักขังอยู่ที่ไหน แต่ฉันรู้สึกเหมือนถูกกักขังเลยค่ะ ไม่มีอะไรที่ทำให้ฉันสบายใจเลย ทั้งอึดอัดและหายใจไม่ออก ฉันอยากฝ่ามันออกไปค่ะ ” 

 

คำพูดของมีจองกำลังสะท้อนให้เห็นถึงความรู้สึกของผู้คนมากมายที่กำลังติดอยู่ในกับดักของการทำงานหนักเพื่อไขว่คว้าความสำเร็จ นานวันเข้าความเหนื่อยล้าที่สะสมมาในชีวิตก็กลายเป็นสิ่งที่บั่นทอนจิตใจจนทำให้เรารู้สึกเหมือนชีวิตนั้นไร้ค่าและไม่มีความหมาย

 

เอพิโสดที่ 4 ของซีรีส์ยังคงดำเนินไปอย่างเนิบช้าตามแบบฉบับซีรีส์ดราม่าในสไตล์ของนักเขียนพัคแฮยอง แต่ถึงอย่างนั้นก็ชวนให้เราอยากติดตามและเอาใจช่วยตัวละครไปเรื่อยๆ ด้วยเรื่องราวของชางฮีที่มุ่งมั่นทำงานอย่างหนักเพื่อหวังที่จะเลื่อนตำแหน่งหลังจากทำงานมาหลายปี, กีจองที่เริ่มเรียนรู้ว่าตัวตนที่แท้จริงของตัวเองเป็นอย่างไรและเธอต้องการคนแบบไหนมาเป็นคู่ชีวิต

 

ในขณะที่มีจองกำลังก้าวเข้าสู่การเปลี่ยนผ่านครั้งสำคัญในชีวิต เมื่อเธอมีความตั้งใจแน่วแน่ที่จะปลดปล่อยตัวเองให้เป็นอิสระจากชีวิตแสนซ้ำซาก และเริ่มต้นค้นหาความสุขที่แท้จริงของตัวเองให้เจอ

 

ร่วมค้นหาความหมายของชีวิตไปพร้อมๆ กับพวกเขาในซีรีส์ My Liberation Notes ทุกวันเสาร์และอาทิตย์ ทาง Netflix เวลา 22.00 น.

  • LOADING...

READ MORE




Latest Stories

Close Advertising