ปีที่ผ่านมาจนถึงตอนนี้ถือว่าเป็นปีทองของคนรักเนื้อจริงๆ เพราะมีร้านเนื้อเปิดใหม่มากมาย จนหลายคนยังไปแทบไม่หมด แต่สิ่งที่น่ายินดียิ่งกว่าการเปิดร้านใหม่ๆ กลับเป็นความเข้าใจ และตระหนักถึงคุณภาพของเนื้อไทย จนทำให้หลายร้านเลือกที่จะนำเสนอเนื้อไทยมากขึ้นกว่าเดิมอย่างเห็นได้ชัด จนเรียกว่า ‘เนื้อไทยกำลังมาและคงอยู่ต่อไปอีกนานอย่างแน่นอน’
และไม่ไกลจากท้ายซอยประมวญ ถนนสีลม เราขอชวนผู้อ่านพกท้องหิวๆ เดินลัดเลาะเข้าไปในเวิ้งบ้านสีลม เพื่อแวะฝากท้องมื้อเย็นที่ร้านเนื้อแห่งใหม่ Must Meat (มัสต์ มีท) ซึ่งตั้งอยู่ข้างร้าน Nineteens Up ผับขวัญใจวัยรุ่นนั่นเอง
The Vibe
หน้าร้านโดดเด่นมาแต่ไกลด้วยป้ายไฟนีออนสะกดชื่อร้าน Must Meat และโลโก้รูปเนื้อเสียบไม้เหล็ก ภายในร้านตกแต่งด้วยโทนสีน้ำเงินตัดแดง ไม่เหมือนบรรยากาศสเต๊กเฮาส์หรูหรา เพิ่มบรรยากาศสนุกๆ ด้วยไฟสีบนเพดาน แต่จุดชวนสะดุดตาของที่นี่เห็นจะเป็นตู้แช่และบ่มเนื้อขนาดใหญ่ ซึ่งทางร้านนำเนื้อทุกชิ้นไปทำการดรายเอจก่อนจำหน่าย และประกอบเป็นเมนูต่างๆ ส่วนเนื้อที่ผ่านการดรายเอจและตัดแต่งเรียบร้อยแล้ว ก็บรรจงจัดวางในตู้ด้านหน้าครัวเปิด สนนราคาเริ่มต้นเพียง 150 บาทต่อ 100 กรัมเท่านั้น จะเลือกนั่งกินที่ร้านหรือซื้อกลับบ้านก็ได้ (มีบริการเดลิเวอรี)
The Concept
โชคดีเหลือเกินที่ Must Meat เป็นอีกหนึ่งร้านเนื้อที่ยืนหยัดและเชื่อมั่นในคุณภาพของเนื้อไทย เนื้อวัวในร้านจึงมาจากฟาร์มภาคอีสาน 3 จังหวัด ได้แก่ นครราชสีมา สุรินทร์ และมุกดาหาร โดยมี 3 สายพันธุ์ให้เลือก ระหว่าง ไทย-เฟรนช์, ไทย-วากิว และไทย-แองกัส
เนื้อคัตหายากแบบที่ไม่ค่อยเห็นในตลาดก็มี
เนื้อทุกชิ้นในร้านผ่านการดรายเอจ เพื่อให้เนื้อมีรส กลิ่น และสัมผัสความเป็นเนื้อเข้มข้นยิ่งขึ้น โดยใช้เวลาประมาณ 45-60 วัน แล้วแต่ขนาดและประเภทของเนื้อ นอกจากนี้ยังมีชิ้นส่วนเนื้อที่มักจะไม่ค่อยวางขายตามท้องตลาดทั่วไปให้สายเนื้อทางเลือกได้ลิ้มลอง ไม่ว่าจะเป็น Chuck (ไหล่), Rump (สะโพกบน), Picanha (สะโพกล่าง) หรือ Flank (ท้องล่าง) ซึ่งมีรสชาติดีพอตัวในระดับหนึ่ง และเมื่อเทียบกับราคาแล้วนับว่าเป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่น่าสนใจไม่น้อยเลย
เนื้อชุ่มฉ่ำผ่านการดรายเอจให้เข้มข้นแบบมาถึงเป็นต้องสั่ง
เราแนะนำให้เดินไปดูเนื้อที่หน้าตู้ และลองกะขนาดที่พอดีสำหรับคนร่วมโต๊ะ และไม่ต้องกังวลว่าจะสั่งอะไรยังไงไม่ถูก เพราะจะมีพนักงานมาสอบถามประเภทของเนื้อ หรือความนุ่มเหนียวที่ชอบ ตลอดจนแนะนำออปชันเสริม หากคุณเบื่อเนื้อส่วนที่คุ้นเคยที่มีมากมายตามร้านอาหารแล้วอยากลองส่วนอื่นๆ ดูบ้าง ส่วนค่าประกอบอาหารนั้นทางร้านไม่คิดเพิ่ม มีเพียงค่าบริการ 10% ท้ายบิล
Beef Carpaccio จานนี้ก็อร่อยด้วยคุณภาพเนื้อดรายเอจที่ดี
The Dishes
เป็นที่ทราบกันว่าเนื้อวัวที่ดีนั้น จะนำมารับประทานโดยไม่ผ่านการปรุงสุกก็ยังได้ เช่นเดียวกับเนื้อวัวที่ Must Meat ซึ่งนำเสนอความดีงามของเนื้อรัมป์หรือสะโพกส่วนบน นำมาปรุงเป็นเมนูกินเล่นสไตล์อิตาเลียน Beef Carpaccio (360 บาท) เนื้อวัวสไลซ์บาง จากนั้นนำไปทุบให้เนื้อบางยิ่งกว่าเดิม แล้วปรุงรสด้วยเกลือ น้ำมันมะกอก บัลซามิก อาร์ติโชกดองน้ำมัน และใบพาร์สลีย์ ทุกคำได้รสชาติเข้มข้นของเนื้อที่เกิดจากกระบวนการดรายเอจ แถมยังตัดเลี่ยนด้วยรสเปรี้ยวของอาร์ติโชกดองและบัลซามิก ใครที่ชอบกินเนื้อเป็นชีวิตจิตใจไม่ควรพลาดเมนูนี้เป็นอันขาด
ลองสตูสมองวัวดูไหม?
อีกหนึ่งจานกินเล่นระหว่างรอสเต๊ก เราเชื่อว่าคนส่วนใหญ่คงไม่กล้าสั่งและไม่คิดจะกิน Crispy Beef Brain with Stew (280 บาท) คงไม่ต้องอธิบายให้มากความไปกว่านี้ แต่เชื่อหรือไม่ว่าเมนู ‘สมอง’ นี้กินง่ายกว่าที่คิดไว้ โชคดีที่เชฟเข้าใจถึงความยากลำบากในการกินของหลายๆ คน จึงเลือกที่จะนำไปต้มกับเลมอนและใบไธม์ให้หอมขึ้นจมูก ปรุงรสด้วยเกลือและพริกไทย แล้วนำไปทอดกรอบ ปิดท้ายด้วยซอสสตูมะเขือเทศสดผัดมิโซะรสกลมกล่อม ช่วยประสาน สัมผัสที่เข้าปากแทบไม่ต่างอะไรกับการกินเต้าหู้ทอด เราขอยืนยัน!
คนรักเนื้อและพาสต้ากดไลก์สิ่งนี้รัวๆ
ก่อนจะไปถึงสเต๊ก มาเพิ่มคาร์บอีกสักอย่างหนึ่ง Fettuccine Cha-Om (280 บาท) การผสมผสานระหว่างเส้นเฟตตูชินีโฮมเมดแบบอิตาเลียนกับผัดชะอมพริกสดรสจัดจ้านอย่างไทยๆ ไม่น่าเชื่อว่าจะเข้ากันได้อย่างเป็นปี่เป็นขลุ่ย และใช่ว่าจะมีเพียงเท่านี้ เพราะยังมาพร้อมกับแพนเซตต้า (Pancetta) เนื้อสามชั้นหั่นบางคล้ายซาลามี รสชาติเข้มข้นถึงความเป็นเนื้อ รับประทานคู่กับพาสต้าและซอสชะอมพริกสดคือดีงาม ยิ่งมีชีสขูดโรยหน้ามาด้วยก็ทำให้ทั้งกลิ่นและรสของเฟตตูชินีจานนี้เอาใจเราไปเต็มๆ แบบต้องกลับไปกินอีกแน่นอน
มาร้านเนื้อ ก็ต้องลอง Prime Ribs Steak ด้วยสิ
หลังจากด้อมๆ มองๆ ส่องตู้ สักพักใหญ่ สเต๊กก็พร้อมเสิร์ฟ Prime Ribs Steak (280 บาทต่อ 100 กรัม) จานนี้เป็นเนื้อไพรม์ริบส์สายพันธุ์ไทย-เฟรนช์ จากฟาร์มจังหวัดมุกดาหารที่ผ่านการดรายเอจ 30 วัน ก่อนจะนำมาตัดแต่งและย่างบนกระทะ ต่อด้วยการย่างบนเตาถ่านที่ใช้ไม้สน ยิ่งเพิ่มกลิ่นหอมชวนน้ำลายไหลเข้าไปใหญ่
‘เนื้อดีไม่ต้องปรุงเยอะ’ คำนี้ใช้ได้เสมอ และเช่นเดียวกับเนื้อของ Must Meat ปรุงรสด้วยเกลือสินเธาว์จากจังหวัดน่าน กับพริกไทยบดหยาบอีกนิดหน่อย เอาเข้าจริงแค่นี้ก็อร่อยแล้ว แต่ทางร้านก็มีซอส 3 ชนิดที่เสิร์ฟมาพร้อมกัน ซอสชิมิชูรี (Chimichurri) ซอสจิ้มเนื้อสไตล์อาร์เจนตินา เบสด้วยน้ำมันมะกอก ใบพาร์สลีย์สับ กระเทียม ออริกาโน และน้ำส้มสายชูไวน์แดงเล็กน้อย ช่วยตัดความเลี่ยนของเนื้อได้ดี หรือจะเป็นเอเชียนซอส ที่ปรับปรุงสูตรบราวน์ซอสด้วยการเพิ่มเครื่องเทศสมุนไพรเข้าไปด้วย ส่วนซอสตัวที่สาม คือ แยมมะม่วงพริก (Chilli Mango Jam) ซอสกวนหนืดๆ คล้ายแยม ทำจากมะม่วงกับพริก ให้รสหวานแกมเผ็ด
The Drinks
อย่างที่เล่าไว้ว่า Must Meat จริงจังเรื่องเนื้อจริงๆ ใครจะไปเชื่อว่าแม้แต่ค็อกเทลของที่นี่ก็ยังมีเนื้อเป็นองค์ประกอบ อย่างเช่น B-Lover (390 บาท) เมื่อตีความสเต๊กให้อยู่ในรูปของค็อกเทลเบอร์เบินเบสในแก้วทองแดง ผสมเวอร์มุธและแบล็กเชอร์รี ตามด้วยเครื่องเทศและเครื่องปรุงสเต๊กอย่างใบโรสแมรี ใบไธม์ และโรยหน้าด้วยเกลือกับพริกไทย มาพร้อมท่อนกระดูกวัวที่เต็มไปด้วยคาเวียร์ไวน์แดงกับเมเปิลไซรัป ทำหน้าที่เป็นซอสชูรสชาติค็อกเทล (ที่ทำตัวเหมือนสเต๊ก) ให้โดดเด่นยิ่งขึ้น จิบค็อกเทลพลางตักคาเวียร์เข้าปากคือคอมบิเนชันของแก้วนี้
เหนือชั้นขึ้นอีกขั้นกับ ลาบเลือด (350 บาท) ค็อกเทลที่ได้แรงบันดาลใจจากอาหารอีสาน นำเลือดวัวที่ทำความสะอาดมาอย่างดีไปอินฟิวส์กับตะไคร้เพื่อลดคาว จากนั้นไปผสมกับเตกีลา โรยหน้าด้วยข้าวคั่ว พริก และใบมะกรูด
Must Meat
Open: วันอังคาร-อาทิตย์ เวลา 17.00-23.00 น.
Address: บ้านสีลม ซอยสีลม 19 กรุงเทพฯ
Budget: 300-2,000 บาท
Contact: 06 2916 5155
Website: www.facebook.com/mustmeatbkk
Map:
พิสูจน์อักษร: ลักษณ์นารา พักตร์เพียงจันทร์