ขึ้นชื่อว่าเป็นร้านอาหารญี่ปุ่นที่สรรสร้างรสชาติระดับพรีเมียมมาอย่างยาวนานราว 7 ปี ‘Mugendai Honten’ (มูเกนได ฮอนเต็น) วันนี้ได้เวลาที่พวกเขาจะลุกขึ้นมาเปลี่ยนแปลงและเพิ่มเติมเมนูใหม่สักที ซึ่งครั้งนี้ THE STANDARD ได้มีโอกาสไปร่วมชิมเมนูใหม่ที่รังสรรค์โดยเชฟมากประสบการณ์และเทคนิคการทำอาหารญี่ปุ่นแบบถึงรสถึงเครื่องจากเชฟญี่ปุ่นจริงๆ อย่าง ‘เชฟบอส-สุทธิเกียรติ คงคติธรรม’
ในการรังสรรค์เมนูใหม่ครั้งนี้เชฟบอสบอกกับเราว่าเขาได้ยึดตามคอนเซปต์ของการอยากจะดัดแปลงการนำเสนอวัตถุดิบและเมนูดั้งเดิมแบบญี่ปุ่น ให้ออกมาในรูปแบบใหม่ที่น่าสนใจ และมีรสชาติที่แตกต่างไปจากเดิม โดยมีการใช้ประสบการณ์ในการทำครัวจากสหรัฐอเมริกาที่เชฟบอสเคยไปใช้ชีวิตอยู่มาเพิ่มเติมเข้าไปด้วย ดังนั้นในบางจานเราจึงเห็นเทคนิคการนำเสนอที่แปลกตาไปจากอาหารญี่ปุ่นแบบเดิมๆ และมีความเป็นตะวันตกพบตะวันออกอยู่พอสมควร
Tamago Kasutera (ทามาโกะ คัตสึเทระ)
จานแรกที่ทำให้เราเซอร์ไพรส์ที่สุดคือเมนู ‘ไข่หวาน’ ที่เรียบง่าย แต่มาในรสสัมผัสแปลกใหม่ เชฟบอสเลือกกรรมวิธีการอบมาใช้ในการปรุงไข่หวานธรรมดาๆ ให้ออกมานุ่มละมุนคล้ายเนื้อเค้ก มีกลิ่นหอมของไข่และกุ้งที่ปั่นละเอียดรวมอยู่ด้วย ความน่าประทับใจของจานนี้คือเนื้อสัมผัสของไข่หวานที่แปลกประหลาด เพราะนอกจากหน้าตาจะคล้ายบัตเตอร์เค้กที่เห็นทั่วไปคือมีเนื้อสีเหลืองนวล และสีไหม้น้ำตาลอ่อนๆ ด้านบนแล้ว รสสัมผัสเนียนนุ่มที่จานนี้มอบให้กับเรา ก็ช่างเป็นประสบการณ์แปลกใหม่ในการทานไข่หวานจริงๆ ถึงแม้รสชาติจะไม่เข้มข้นเหมือนการกินไข่หวานปกติ แต่กลิ่นความหอมของนั้นช่างเย้ายวน อยากสั่งเพิ่มอีกสักจานจริงๆ
Uni Toro Sandwich (อูนิ โทโร แซนด์วิช)
ถ้าจะให้บอกว่าจานไหนน่าสนใจที่สุด สำหรับเราแล้ว Uni Toro Sandwich คือจานนั้น และมันคือจานที่โดดเด่นที่สุดในจำนวน 8 จานใหม่ทั้งหมดนี้ ทูน่าชิ้นพอดีคำ ฉาบหน้าด้วยไข่หอยเม่นรสเข้มและคาเวียร์เป็นกระพุ่ม ถูกจัดวางอยู่บนขนมปังกริลล์สีสวยที่กรอบนอกนุ่มใน จัดวางมาบนหินน้ำตกหลากสีช่วยขับให้ตัวอาหารโดดเด่นขึ้นมาก เรียกได้ว่าเป็นเมนูที่ควบเอารสชาติดั้งเดิมของวัตถุดิบญี่ปุ่นที่ค่อนข้างเฉพาะตัวมากๆ อย่างทูน่าและไข่หอยเม่น มารวมกับรสสัมผัสกรุบกรอบของขนมปังและมันเข้ากันได้อย่างไม่น่าเชื่อ เรารักจานนี้มากทีเดียว
Tako Wasabi (ทาโกะ วาซาบิ)
ถ้าเป็นร้านทั่วไปเราก็คงจะพอนึกออกว่ามันคือปลาหมึกดองวาซาบิที่เป็นเหมือนของกินเล่น แต่คราวนี้เชฟบอสได้ดัดแปลงเมนูยอดฮิตดังกล่าวให้มีรสชาติที่แตกต่างมากขึ้น ด้วยการนำวาซาบิดองมาผสมเข้ากับซอสบ๊วย น้ำมันมะกอก และมายองเนส เพื่อให้ได้ซอสที่เป็นสูตรเฉพาะของจานนี้ และเมื่อได้ลองลิ้มเข้าไปพบว่านี่เป็นปลาหมึกดองที่แตกต่างด้วยรสชาติใหม่ๆ กล่าวคือไม่ใช่รสชาติเปรี้ยวๆ เหมือนของดอง หรือฉุนวาซาบิซ่าจนแสบจมูก เพราะรสของซอสบ๊วยนั้นชูความหวานออกมาเล็กน้อยเพื่อลดทอนรสชาติและกลิ่นเหล่านั้น แม้ใครจะไม่ชอบรับประทานวาซาบิก็น่าจะเอ็นจอยจานนี้ได้ไม่ยาก
Otoro Tataki (โอโทโร ทาทากิ)
หากคุณมองหาจานที่มีรสชาติเข้มข้นขึ้นมาอีกหน่อย เราขอแนะนำให้คุณได้ลองเมนูนี้ที่หยิบนำโอโทโรหรือส่วนท้องของปลาทูน่ามารังสรรค์รสชาติด้วยกรรมวิธีการอบฟาง (เชฟอบทูน่ากับฟางใหม่ทุกครั้งที่สั่งนะ ขอบอก) และซอสที่ชูรสด้วยพอนซึและน้ำมันพริก ให้ความรู้สึกเผ็ดร้อนลงตัว และถึงแม้โอโทโรจะมีรสชาติที่อร่อยด้วยตัวของมันเองอยู่แล้วด้วยรสสัมผัสนุ่มนวลและหนาแน่นไปด้วยชั้นไขมัน แต่ซอสสูตรเผ็ดนิดๆ นี้ก็ไม่ได้ทำทีท่าว่าจะโดดเด่นกว่าเนื้อปลาสักเท่าไร เป็นอีกจานที่ได้รสชาติมาตรฐานถูกลิ้นคนไทย
Sashimi Salad (ซาชิมิ สลัด)
ถึงแม้ว่าสลัดจานนี้จะไม่ได้มีรสชาติที่โดดเด่นเท่าไร เพราะวัตถุดิบที่ได้คุณภาพในจานต่างทำหน้าที่ของมันเองอยู่แล้วอย่างดีที่สุด ไม่ว่าจะเป็นปลาทูน่า แซลมอน ปลาเนื้อขาว และไข่ปลาแซลมอน ซึ่งทั้งหมดถูกเสิร์ฟมาเคียงคู่กับผักสลัด และปรุงรสด้วยมายองเนสและซอสอะโวคาโด ทานได้เพลินๆ แต่ที่ขอชื่นชมคือการจัดวางการนำเสนอในจานที่ค่อนไปทางตะวันตก ทำให้เรารู้สึกสนใจและดูน่ารับประทานมากเมื่อถูกนำมาเสิร์ฟ แถมการหั่นวัตถุดิบปลาในจานทั้งหมดเป็นชิ้นเต๋าก็กินง่ายพอดีคำ
Unagi Butter (อุนางิ บัตเตอร์)
หากคุณกำลังควบคุมน้ำหนักอยู่ให้หลีกเลี่ยงจานนี้ เพราะมันทั้งมัน ฉ่ำ และหวาน ซูชิหน้าปลาไหลย่างโปะด้วยเนยก้อนจิ๋วด้านบน ขนาดพอดีคำ เมื่อความมันและซอสจากปลาย่างกระทบกับความฉ่ำของชิ้นเนยที่ค่อยๆ ละลายลงบนเนื้อปลา ก็รังสรรค์ให้เกิดรสชาติใหม่ที่น่าสนใจ ถึงแม้จะเลี่ยนและหวานไปนิด แต่เชฟบอสบอกกับเราว่า นี่เป็นกรรมวิธีที่กำลังฮิตในประเทศญี่ปุ่นเชียวนะ
Sakura Ebi Capellini (ซากุระ เอบิ คาเปลลินี)
จานสุดท้ายที่น่าสนใจด้วยการนำเสนอและรสชาติ ‘ซากุระ เอบิ คาเปลลินี’ หมี่เย็นหน้าตาเรียบง่ายที่เลือกใช้เส้นคาเปลลินี หรือเส้นอุด้งขนาดยาว ลวกสุกและม้วนเป็นก้อนโก่งคลุกเคล้าด้วยทรัฟเฟิลออยล์ หยอดด้านบนด้วยคาเวียร์ ก่อนจะเพิ่มรสชาติด้วยการโรยกุ้งซากุระแห้งทอดไว้รอบๆ ความโดดเด่นของจานนี้อยู่ที่กลิ่นหอมๆ จากเส้นและรสเค็มๆ หวานๆ ของกุ้งทอดรวมกัน และที่สำคัญ ถึงแม้กุ้งจะดูตัวเล็กจิ๋ว แต่พวกมันกรอบมาก อย่าได้ประมาทรสชาติเชียว!
Mugendai Honten Thonglor 10
Open: เปิดทุกวันจันทร์ถึงวันศุกร์ เวลา 17.30 – 00.00 น. วันเสาร์และวันอาทิตย์ เปิดบริการสองรอบ รอบเช้า 11.30 – 14.00 น. และรอบเย็น 17.00 – 00.00 น.
Address: เลขที่ 145 ซอยสุขุมวิท 63 แขวงคลองตันเหนือ เขตวัฒนา กรุงเทพมหานคร 10110
Contact: 08 7996 8888
Page: www.facebook.com/mugendaibkk
Map:
Photo: Courtesy of Polyplus
- เมนูใหม่ทั้งหมดนี้ที่เปิดตัวมีขายเฉพาะที่มูเกนได ฮอนเต็น สาขาทองหล่อซอย 10 เท่านั้น และที่สำคัญโทรจองโต๊ะล่วงหน้าด้วยจะสะดวกสบายมากขึ้น